duloxetine scaled

Duloxetine (ดูล็อกซีทีน)

ดูล็อกซีทีน (Duloxetine) เป็นยากล่อมประสาทที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้า และโรควิตกกังวลที่เป็นมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงอาการปวดเส้นประสาทจากโรคเบาหวาน อาการปวดกล้ามเนื้อไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) และอาการปวดกระดูกในระยะยาว

สรรพคุณของยา Duloxetine

  • รักษาภาวะซึมเศร้าและโรควิตกกังวลทั่วไป
    • ใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้า และโรควิตกกังวลทั่วไป
  • บรรเทาอาการปวด
    • ใช้ในการบรรเทาอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับภาวะเบาหวาน
    • ใช้ในการรักษาอาการปวดเรื้อรัง เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก และโรคไฟโบรมัยอัลเจีย

กลไกการทำงานของยา Duloxetine

Duloxetine เป็นยาในกลุ่ม Serotonin-norepinephrine reuptake inhibitors (SNRIs) ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาท 2 ตัว คือ เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์พิเนฟริน (Norepinephrine)  ทำให้มีระดับสารเหล่านี้ในร่างกายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับอารมณ์และระงับความรู้สึกเจ็บปวดได้

คำเตือนในการใช้ยา Duloxetine

องค์การอาหารและยากำหนดให้มีการระบุคำเตือนบนฉลากยา Duloxetine เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้เป็นยากล่อมประสาท โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุไม่เกิน 24 ปี และแพทย์มักไม่จ่ายยานี้ให้กับผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อการเกิดความคิดว่าตัวตายมากที่สุดในช่วงเริ่มต้นรักษาหรือในระหว่างปรับเพิ่มปริมาณการใช้ยา และอาจสังเกตได้ว่าคุณมีอาการของภาวะซึมเศร้าแย่ลง ก่อนจะค่อยๆ มีอาการดีขึ้นหลังจากนั้น

หากคุณมีความคิดฆ่าตัวตาย ก้าวร้าว หงุดหงิด ตื่นตระหนก กังวลมาก กระวนกระวาย ตื่นเต้นผิดปกติ ตัดสินใจหรือทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ไตร่ตรอง คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบ และบอกคนรอบข้างให้ช่วยเฝ้าสังเกตอาการของคุณด้วย

คำเตือนอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ยา Duloxetine มีดังนี้

  • ห้ามใช้ยา Duloxetine ภายใน 5 วันก่อนหน้า และ 14 วันหลังจากใช้ยาต้านเศร้าในกลุ่ม MAOIs ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ เช่น ไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) ลีเนโซลิด (Linezolid) ยาฉีดเมทิลีน บลู (Methylene blue) ฟีเนลซีน (Phenelzine) ราซาจิลีน (Selegiline) ทรานิลไซโปรมีน (Tranylcypromine) เป็นต้น
  • ก่อนใช้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์จ่ายให้ ยาที่ซื้อมาใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม หรือสมุนไพรใดๆ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยา Duloxetine และก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้
  • ยานี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิดมีอาการแย่ลงได้ คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวที่เป็นอยู่
  • ยา Duloxetine อาจทำให้รู้สึกง่วงนอน ไม่ควรขับรถหรือทำงานที่ใช้เครื่องจักรกล จนกว่าคุณจะแน่ใจว่าตัวยาส่งผลต่อคุณอย่างไร
  • ห้ามรับประทานยานี้พร้อมแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มผลข้างเคียงบางอย่างหรือทำให้ตับเสียหายได้
  • ยานี้อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง เวียนศีรษะ หรือวิงเวียนศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจากท่านั่งหรือท่านอน
  • ควรใช้ยานี้ในผู้สูงอายุอย่างระมัดระวัง เพราะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้มาก
  • ยานี้อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย การทำงานของตับเปลี่ยนไป ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลง หรือเกิดอาการทางผิวหนังที่เรียกว่ากลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน (Steven-Johnson syndrome) ผู้ป่วยอาจต้องเข้าตรวจอาการเหล่านี้ระหว่างการใช้ยา Duloxetine

การใช้ Duloxetine ในหญิงตั้งครรภ์

การรับประทานยา Duloxetine ในระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อทารก โดยอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ การได้รับอาหารจากแม่ของทารกในครรภ์ อาการชัก หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ในการคลอด

ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากคุณพบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ห้ามหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนปริมาณยาที่ใช้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อนเป็นอันขาด

สำหรับหญิงที่กำลังให้นมบุตร ยานี้อาจไหลผ่านน้ำนมและเป็นอันตรายต่อทารกได้ หากคุณจำเป็นต้องใช้ยานี้ ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงของยา และพูดคุยกับแพทย์ให้แน่ใจว่ายานี้จะมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจได้รับ

อาการถอนยาจากการใช้ Duloxetine

ยา Duloxetine เป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ห้ามหยุดรับประทานยานี้หรือปรับเปลี่ยนปริมาณยาด้วยตัวคุณเอง เพราะอาจก่อให้เกิดอาการถอนยาอย่างรุนแรงได้

อาการถอนยาของ Duloxetine มีดังนี้

  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • วิตกกังวล
  • เวียนศีรษะ
  • ปวดหัว
  • เหน็บชา
  • นอนไม่หลับ
  • มีเหงื่อออก
  • ฝันร้าย

อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Duloxetine

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของยา Duloxetine มีดังนี้

  • คลื่นไส้
  • ปากแห้ง
  • ง่วงนอน
  • เมื่อยล้า
  • ท้องผูก
  • เบื่ออาหาร
  • มีเหงื่อออก

ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่พบได้ มีดังนี้

  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ท้องร่วง
  • อาเจียน
  • กรดไหลย้อน
  • ปวดท้อง
  • ความรู้สึกทางเพศลดลง
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • เวียนศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • ตัวสั่น

ผลข้างเคียงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น หากสังเกตเห็นอาการต่อไปนี้ควรไปพบแพทย์ทันที

  • มีรอยจ้ำ ช้ำผิดปกติ หรือมีเลือดออก
  • เบื่ออาหารอย่างรุนแรง
  • ปวดท้อง
  • ตาหรือผิวหนังมีสีเหลือง (ดีซ่าน)
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • มีไข้ เหงื่อออก สับสน หัวใจเต้นเร็ว และกล้ามเนื้อเกร็งตัว
  • อ่อนเพลียมาก
  • ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือส่วนอื่นๆ ในร่างกายบวม
  • หายใจหรือกลืนลำบาก
  • ผื่นพองหรือลอก
  • เจ็บหน้าอก
  • หายใจลำบาก
  • ภาวะซึมเศร้ารุนแรง
  • มีภาวะโรคแพนิคกำเริบ

การวิจัยชี้ว่า Duloxetine และยารักษาภาวะซึมเศร้าอีกหลายตัวอาจมีผลข้างเคียงให้เกิดภาวะน้ำหนักตัวผันผวนในผู้ป่วยที่รับประทานยานี้ ผู้ป่วยบางคนมีน้ำหนักลดลง ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าเกิดจากอาการเบื่ออาหาร เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยานี้

ปฏิกิริยาระหว่างยา Duloxetine กับยาอื่นๆ

ก่อนใช้ยา Duloxetine คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยารักษาโรคอื่นๆ วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรชนิดใดก็ตาม เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยา Duloxetine และทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่เต็มที่หรือเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้

ตัวอย่างยาที่อาจทำปฏิกิริยากับยา Duloxetine มีดังนี้

  • ยากลุ่ม MAOIs เช่น ไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) ลีเนโซลิด (Linezolid) ฟีเนลซีน (Phenelzine )
  • ยาป้องกันลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin)
  • ยารักษาอาการซึมเศร้า เช่น อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) อะม็อกซาปีน (Amoxapine) โคลมิพรามีน (Clomipramine) และยากลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitors (SSRIs) เช่น ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine)
  • ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตีรอยด์ (NSAIDs) เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และนาพร็อกเซน (Naproxen)
  • ยาที่ใช้รักษาภาวะเจ็บป่วยทางจิต รวมทั้งยาลิเทียม (Lithium)
  • ยาขับปัสสาวะ
  • ยาโรคหัวใจและยาความดันโลหิต เช่น Amiodarone (อะมิโอดาโรน) และฟลีเคไนด์ (Flecainide)
  • ยาแก้ปวดตามใบสั่งแพทย์ เช่น เฟนทานิล (Fentanyl)
  • ยาที่ใช้รักษาอาการเสียดท้อง เช่น ไซเมทิดีน (Cimetidine) แลนโซพราโซล (Lansoprazole) และโอเมพราโซล (Omeprazole)
  • ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) และอีนอกซาซิน (Enoxaparin)
  • ยาที่ใช้ในการรักษาอาการกรดไหลย้อน เช่น อัลโมทริปแทน (Almotriptan) อีลีทริปแทน (Eletriptan) และโฟรวาทริปแทน (Frovatriptan)
  • สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John’s wort)

ปริมาณการใช้ยา Duloxetine

ยา Duloxetine มีวางจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดแคปซูลออกฤทธิ์ช้า ตัวยาจะถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารได้ดี และกระจายตัวเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 32-80% เมื่อยาเข้าสู่กระแสเลือดจะเกิดการจับตัวกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 95% และตับจะคอยทำลายโครงสร้างของตัวยาอย่างต่อเนื่อง

โดยร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 12.1 ชั่วโมงในการกำจัดยา 50% ออกจากกระแสเลือดทางการขับผ่านไปกับปัสสาวะและบางส่วนไปกับอุจจาระ

ผู้ป่วยควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้งต่อวัน โดยกลืนแคปซูงลงไปทั้งเม็ด ตามด้วยน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ก่อนหรือหลังรับประทานอาหารก็ได้ ห้ามตัดหรือบดแคปซูลให้แตก การรักษาอาจใช้เวลานานถึง 4 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ร่างกายจึงจะตอบสนองต่อยาอย่างเต็มที่

  • สำหรับรักษาภาวะซึมเศร้า เริ่มต้นใช้ยาปริมาณ 20-30 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หรือรับประทาน 60 มิลลิกรัม วันละหนึ่งครั้ง จากนั้นเพิ่มปริมาณยาวันละ 30 มิลลิกรัม เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ปริมาณยาสูงสุดที่รับประทานในแต่ละวันไม่ควรเกิน 120 มิลลิกรัม
  • สำหรับรักษาโรควิตกกังวล รับประทานวันละ 30 หรือ 60 มิลลิกรัม ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 120 มิลลิกรัม
  • สำหรับรักษาอาการปวดเส้นประสาทเนื่องจากโรคเบาหวาน เริ่มต้นรับประทานยาวันละ 60 มิลลิกรัม ปริมาณยาที่ใช้สูงสุดไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม โดยแบ่งใช้ยาหลายครั้ง
  • สำหรับรักษาโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโบมัยอัลเจีย เริ่มต้นรับประทานยาวันละ 30 มิลลิกรัม เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นเพิ่มปริมาณเป็นวันละ 60 มิลลิกรัม

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยา Duloxetine ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงเวลารับประทานยาในมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป แล้วรับประทานยาตามปกติต่อไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยา Duloxetine ให้ตรงเวลา

การเก็บรักษายา Duloxetine

ควรเก็บยา Duloxetine ไว้ที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็ง และเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นจากแสงแดด ความร้อน และความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาไว้ในห้องน้ำหรือในรถยนต์

การใช้ยา Duloxetine เกินขนาด

หากคุณคิดว่าตัวเองใช้ยาเกินขนาด หรือสังเกตถึงอาการของการได้รับยาเกินขนาดดังต่อไปนี้ คุณควรไปพบแพทย์ทันที

  • ง่วงนอน
  • โคม่า
  • ชัก
  • เวียนหัว
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ
  • อาเจียน
  • มีไข้ เหงื่อออก
  • สับสน
  • หัวใจเต้นแรง
  • กล้ามเนื้อตึง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Duloxetine  

คำถาม: หากต้องการหยุดรับประทานยา Duloxetine ต้องทำอย่างไร และผลข้างเคียงที่คาดว่าจะเจอมีอะไรบ้าง? 

คำตอบ: การหยุดรับประทานยา Duloxetine ควรทำโดยค่อยๆ ปรับลดปริมาณยาภายใต้การดูแลของแพทย์ ในระยะเวลาที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของผู้ป่วย

อาการข้างเคียงจากการถอนยาที่พบได้บ่อย เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เมื่อยล้า ผิวแสบร้อน อาเจียน หงุดหงิด ฝันร้าย นอนไม่หลับ ท้องร่วง วิตกกังวล เหงื่อออกมาก

คำถาม: บริษัทประกันสุขภาพของฉันไม่ต้องการจ่ายค่ารักษาของ Duloxetine ให้ มียาตัวอื่นแทนหรือไม่ ฉันมีอาการปวดเส้นประสาทและมีภาวะซึมเศร้าด้วย 

คำตอบ: คุณควรขอรายการยาที่ทางบริษัทประกันสุขภาพอนุญาตให้ใช้ แล้วนำไปปรึกษาแพทย์ถึงการเปลี่ยนเป็นตัวยาที่เหมาะสม

คำถาม: ฉันรับประทานยา Duloxetine ร่วมกับยาเน็กเซียม (Nexium) ยาตัวไหนกันแน่ที่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม

คำตอบ: อาการเบื่ออาหารและน้ำหนักเปลี่ยนแปลงเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยากลุ่ม Selective serotonin and norepinephrine reuptake inhibitors (SSNRIs) ซึ่ง Duloxetine ก็จัดเป็นยากลุ่มนี้

หากคุณเป็นกังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ถึงแนวทางแก้ไข โดยแพทย์อาจแนะนำให้คุณออกกำลังกายมากขึ้นและลดการรับประทานไขมันสูง หรือให้คุณเปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่นที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า

คำถาม: การดื่มเหล้าพร้อมกับการรับประทานยา Duloxetine  มีผลด้านลบอย่างไร? 

คำตอบ:  แอลกอฮอล์และยา Duloxetine มีผลต่อสารเคมีในสมองตัวเดียวกัน จึงทำให้ Duloxetine อาจไปเพิ่มผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่มีต่อร่างกาย เช่น ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้ายิ่งขึ้น หรือมีอาการง่วงซึม คิดและตัดสินใจได้ไม่เต็มที่ และส่งผลต่อความสามารถในการทำงานกับเครื่องจักร

การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น 1-2 แก้วอาจไม่เกิดผลข้างเคียงมากนัก แต่ก็ทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะตับถูกทำลาย ซึ่งจะสังเกตได้จากอาการปวดท้อง มีไข้ต่ำ เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระสีเทา มีภาวะดีซ่าน (บริเวณผิวหนังหรือดวงตามีสีเหลือง)

คุณควรปรึกษาแพทย์หากพบสัญญาณเหล่านี้ ห้ามหยุดหรือเปลี่ยนปริมาณยาที่รับประทานโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

คำถาม: ฉันเพิ่งเริ่มใช้ Duloxetine และสังเกตว่าฉันมีอาการคันเล็กน้อยเป็นระยะๆ บนใบหน้า แขน และขา อาการนี้เป็นๆ หายๆ แต่ไม่มีผื่นหรือลมพิษ ฉันได้แต่หวังว่าอาการคันจะหายไปเองเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับยามากขึ้น อาการแบบนี้เป็นอันตรายหรือไม่? 

คำตอบ: อาการคันไม่ใช่อาการข้างเคียงปกติของยา Duloxetine ทางที่ดีคุณควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นภาวะแพ้ยาได้

คำถาม: มีวิตามินหรืออาหารเสริมชนิดไหนที่ช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้บ้าง โดยไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยากับ Duloxetine 30 มิลลิกรัม ที่ฉันกำลังใช้รักษาอาการซึมเศร้า 

คำตอบ: วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มพลังงานและปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น คือ รับประทานวิตามินรวมทุกวัน อีกวิธีคือออกกำลังกายเป็นประจำ

เนื่องจากการขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะปล่อยสารเอนดอร์ฟินออกมา สารนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยซึมเศร้ารับประทานสมุนไพรหรืออาหารเสริมต่างๆ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีผลกับการออกฤทธิ์ของยา

คำถาม: ฉันรับประทาน Duloxetine ขนาด 60 mg ทุกเช้า รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายร้อนมากในเวลากลางคืน ยานี้ทำให้เกิดปัญหานี้หรือไม่

ตอบ: ผู้ป่วยที่ใช้ยา Duloxetine อาจมีอาการร้อนวูบวาบได้ประมาณ 2% โดยมีเช่นเดียวกับอาการร้อนวูบวาบในวัยหมดประจำเดือน ได้แก่ ใบหน้าและหน้าอกร้อน และอาจร้อนตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

อาจมีเหงื่อออกและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในเวลากลางคืน จะเรียกว่าอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน (Night sweats)

คำถาม: ควรใช้ Duloxetine ในตอนเช้าหรือเย็น และควรแบ่งยาเป็นสองส่วนหรือไม่

คำตอบ: ยา Duloxetine สามารถใช้วันละ 1 หรือ 2 ครั้ง โดยแนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

คำถาม: ฉันมีภาวะซึมเศร้าและปวดกล้ามเนื้อไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) ตอนนี้กำลังใช้ยา Duloxetine 600mg ต่อวัน ฉันไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของยาและต้องการหยุดยาที่ไม่จำเป็น จึงหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยลดยาลงจาก 1,200mg เหลือ 600mg ใน 6 สัปดาห์โดยไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น จะเป็นอะไรไหมหากจะหยุดยาทั้งหมดตอนนี้? ต้องลดยาลงอย่างช้าๆ หรือไม่?

คำตอบ: คุณไม่ควรหยุดยา Duloxetine อย่างฉับพลัน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ออาการถอนยาอย่างรุนแรง และอาจทำให้มีอาการมากขึ้นได้ คุณควรหยุดยานี้โดยค่อยๆ ลดยาภายใต้การดูแลของแพทย์

คำถาม: ควรรับประทานยา Duloxetine ในเวลาใดถึงจะดีที่สุด ในฉลากยาระบุว่าให้รับประทานเพียงหนึ่งครั้งต่อวัน 

คำตอบ: Duloxetine เป็นยาแก้ซึมเศร้าที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน คุณจึงสามารถรับประทานยานี้ก่อนนอนได้ แต่บางคนก็รู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้นและมีปัญหาในการนอนหลับจากการใช้ยานี้ จึงเหมาะกับการรับประทานยาในตอนเช้ามากกว่า ดังนั้น อาจไม่สำคัญว่าคุณจะรับประทานยาเวลาไหน แต่ควรพยายามรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน

คำถาม: ตัวยา Duloxetine จะคงอยู่ในร่างกายนานเท่าใดหลังจากหยุดใช้ 

คำตอบ: ยานี้มีครึ่งชีวิต (เวลาที่กำจัดยา 50% ออกจากร่างกาย) ประมาณ 12 ชั่วโมง ความเข้มข้นของยาในพลาสมาจะคงที่หลังหยุดยาไปประมาณ 3 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน ในการกำจัดยา Duloxetine ออกจากร่างกายจนหมด

คำถาม: มียาที่สามารถทดแทน Duloxetine สำหรับบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อไฟโบรมัยอัลเจียที่ไม่มีผลข้างเคียงเป็นอาการเหงื่อออกมากช่วงกลางคืนขณะหลับหรือไม่ 

คำตอบ: ภาวะไฟโบรมัยอัลเจียเป็นอาการปวดเรื้อรังซึ่งอาจมีอาการร่วม เช่น ภาวะซึมเศร้า ปัญหาการนอนหลับ และภาวะเมื่อยล้า โรคนี้ยังคงเป็นโรคลึกลับที่แพทย์ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ยาแก้ปวดแบบดั้งเดิมมักไม่สามารถรักษาได้ ขณะนี้มียา 3 ตัวที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) สำหรับรักษาโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ได้แก่

  • Duloxetine มีผลข้างเคียงเป็นการขับเหงื่อมากเกินไป มักพบในผู้ป่วย 6-8%
  • Milnacipran เป็นยารักษาภาวะซึมเศร้า ทำให้เหงื่อออกในผู้ป่วยประมาณ 9%
  • Pregabalin เป็นยาป้องกันการชัก ไม่มีผลข้างเคียงเป็นการขับเหงื่อมากเกินไป แต่มีผลข้างเคียงอื่นๆ รวมถึงอาการบวมที่ปลายแขน ตาพร่ามัว และภาวะน้ำหนักเพิ่ม

หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงการใช้ยา คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

คำถาม: Duloxetine เป็นยาราคาแพง มียาเลียนแบบที่ฉันสามารถใช้แทนได้หรือไม่?

คำตอบ: จากการศึกษาชี้ให้เห็นว่ายานี้ให้ผลรักษาดีกว่ายาอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน การเปลี่ยนยาขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน คุณควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับตัวเลือกการรักษาที่ถูกกว่า เช่น ในการรักษาภาวะซึมเศร้า คุณสามารถใช้ยาไซตาโลแพรม (Citalopram) หรือยาฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) ซึ่งมีราคาถูกกว่าได้

คำถาม: ฉันกินยา Duloxetine 60 mg มานานกว่า 1 ปี เพื่อรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ (Fibromyalgia) ฉันกังวลว่ายาอาจทำลายตับของฉัน ฉันตรวจสุขภาพในระยะเวลา 6 เดือน แพทย์บอกให้ฉันกินยาต่อ จะเป็นอันตรายหรือไม่? ฉันยังสวยและมีสุขภาพดี ตอนนี้อายุ 70 ปีแล้ว

คำตอบ: Duloxetine อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะตับถูกทำลายหรือตับวาย แต่ก็เกิดขึ้นได้น้อย ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือดื่มแอลกอฮอล์มากควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา Duloxetine และระหว่างที่ใช้ยา แพทย์สามารถตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบความเสียหายของตับคุณได้

คำถาม: Duloxetine ส่งผลต่อภาวะหัวใจวาย ได้หรือไม่

คำตอบ: ตามข้อมูลยาไม่มีการศึกษาถึงคำเตือนหรือข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ Duloxetine ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย เนื่องจากผู้ป่วยโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดหัวใจจะได้รับการยกเว้นจากการทดลองทางคลินิก

Scroll to Top