tadalafil scaled

Tadalafil (ทาดาลาฟิล)

ยา ทาดาลาฟิล (tadalafil) ใช้สำหรับรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย (erectile dysfunction-ED) ยานี้ต้องใช้ร่วมกับการกระตุ้นทางเพศ (sexual stimulation) ซึ่งยา tadalafil จะไปเพิ่มการไหลเวียนเข้าไปยังอวัยวะเพศชาย ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว และคงความแข็งตัวไว้ได้ ยา tadalafil ยังใช้สำหรับรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia-BPH) ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการของโรคนี้ เช่น ปัสสาวะลำบาก, ปัสสาวะอ่อน, รู้สึกต้องการปัสสาวะบ่อยครั้ง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (รวมถึงระหว่างช่วงกลางดึกด้วย) โดยยา tadalafil จะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบที่ต่อมลูกหมากและที่กระเพาะปัสสาวะ

สรรพคุณของยา tadalafil

  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย ส่งผลให้สามารถมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมทางเพศ
  • รักษาและช่วยลดอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคต่อมลูกหมากโต เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะลำบาก
  • รักษาและช่วยลดความดันโลหิตสูงในปอดให้ดียิ่งขึ้น

ยา tadalafil ไม่ได้ป้องกันการติดต่อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อ HIV, ไวรัสตับอักเสบบี, หนองใน, ซิฟิลิส ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย จึงจะป้องกันโรคติดต่อดังกล่าวได้ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

กลไกการออกฤทธิ์

Tadalafil ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ phosphodiesterase type 5 (PDE5) ซึ่งทำให้ระดับของสาร cyclic guanosine monophosphate (cGMP) ในเซลล์กล้ามเนื้อเรียบเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวและการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น กระบวนการนี้ช่วยให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศในผู้ชายและลดความดันโลหิตในปอด

วิธีใช้ยา tadalafil

อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่มารับยาซ้ำ หากมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร

รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ห้ามใช้ยา tadalafil มากกว่าวันละ 1 ครั้ง

ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรค, การตอบสนองต่อการรักษา และยาอื่นที่กำลังใช้อยู่ ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่

เพื่อรักษาอาการต่อมลูกหมากโต คุณต้องรับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 เม็ด หากคุณกำลังใช้ยา finasteride ร่วมกับยา tadalafil เพื่อรักษาอาการต่อมลูกหมากโต ให้ปรึกษาแพทย์ถึงระยะเวลาที่ควรใช้ยา tadalafil ต่อ

เพื่อรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) แพทย์จะมีทางเลือกในการสั่งยา tadalafil ให้กับคุณ 2 วิธีด้วยกัน โดยแพทย์จะประเมินถึงวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งขนาดยาที่คุณได้รับจะส่งผลต่อวิธีในการใช้ยาด้วย

  • โดยวิธีแรกคือการรับประทานยา tadalafil เฉพาะเมื่อต้องการมีเพศสัมพันธ์ โดยทั่วไปคือให้รับประทานอย่างน้อย 30 นาทีก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ผลของยา tadalafil ที่มีต่อความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์อาจยาวนานถึง 36 ชั่วโมง
  • วิธีที่ 2 คือ การรับประทานยา tadalafil เป็นประจำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง คุณอาจมีเพศสัมพันธ์ในเวลาใดๆ ก็ได้ระหว่างการรับประทานยาแต่ละครั้ง

ถ้าคุณใช้ยา tadalafil เพื่อรักษาทั้งอาการต่อมลูกหมากโต และหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คุณต้องรับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปคือวันละ 1 ครั้ง คุณอาจมีเพศสัมพันธ์ในเวลาใดๆ ก็ได้ระหว่างการรับประทานยาแต่ละครั้ง

ถ้าคุณใช้ยา tadalafil วันละ 1 ครั้ง สำหรับรักษาต่อมลูกหมากโต หรือสำหรับหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือสำหรับทั้ง 2 โรค คุณต้องรับประทานเป็นประจำเพื่อให้ได้ผลจากการรักษาเต็มที่ เพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานในเวลาเดียวกันของทุกวัน

แจ้งให้แพทย์ทราบ ถ้าอาการของคุณยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง

ผลข้างเคียงของยา tadalafil

  • อาจมีอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างใช้ยา tadalafil เช่น ปวดศีรษะ, ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด, ปวดหลัง, ปวดกล้ามเนื้อ, คัดจมูก, หน้าแดง หรือเวียนศีรษะ ถ้าอาการเหล่านี้ยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืด ให้ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ เมื่อเปลี่ยนจากท่านั่งหรือท่านอน
  • โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
  • กิจกรรมทางเพศอาจเพิ่มแรงเครียดให้กับหัวใจได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ถ้าคุณเป็นโรคหัวใจและมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงเหล่านี้เกิดขึ้นขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์ ให้หยุดการมีเพศสัมพันธ์ และไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง, เป็นลม, เจ็บหน้าอก เจ็บปวดแขนซ้าย/ขากรรไกร, คลื่นไส้
  • อาจพบการมองเห็นลดลงอย่างเฉียบพลัน (พบได้น้อย) ซึ่งรวมถึงตาบอดถาวรในตาข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง (เส้นประสาทตาส่วนหน้าขาดเลือดหล่อเลี้ยงที่ไม่ได้เกิดจากหลอดเลือดแดงอักเสบ (nonarteritic anterior ischemic optic neuropathy; NAION) ซึ่งเป็นภาวะที่ร้ายแรง หากเกิดอาการนี้ขึ้น ต้องหยุดยา tadalafil และไปพบแพทย์แพทย์ทันที โดยความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NAION จะสูงขึ้นเล็กน้อยถ้าคุณเป็นโรคหัวใจ, เป็นโรคเบาหวาน, มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง, เป็นโรคตาบางชนิด (crowded disk), มีความดันโลหิตสูง, อายุมากกว่า 50 ปี หรือสูบบุหรี่
  • อาจพบการได้ยินลดลงหรือสูญเสียการได้ยินเฉียบพลัน (พบได้น้อย) บางครั้งอาจได้ยินเสียงผิดปกติในหู และมีอาการเวียนศีรษะ หากมีอาการเหล่านี้ ต้องหยุดใช้ยา tadalafil และไปพบแพทย์ทันที
  • นอกจากนี้ระหว่างใช้ยาอาจพบอาการปวดอวัยวะเพศ หรือการแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งต้องหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่เรื้อรังได้
  • ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
  • อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา tadalafil

ถ้าคุณแพ้ยา tadalafil หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนการใช้ยา tadalafil ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น

  • โรคหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด หรือมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อันตรายต่อชีวิตในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา, มีอาการเจ็บหน้าอก หรือ angina มีภาวะหัวใจวาย
  • โรคหลอดเลือดสมองในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
  • โรคไต
  • โรคตับ
  • ความดันโลหิตสูง หรือความดันโลหิตต่ำ
  • ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง (dehydration)
  • มีปัญหาที่อวัยวะเพศชาย เช่น มีการโก่งงอ, มีพังผืด/แผลเป็น, Peyronie’s disease
  • มีประวัติเจ็บอวัยวะเพศชาย หรืออวัยวะเพศชายแข็งตัวนาน (priapism)
  • มีโรคที่อาจเพิ่มโอกาสที่อวัยวะเพศชายแข็งตัวนาน เช่น โลหิตจางชนิด sickle cell, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มัลติเพิล ไมอีโลมา (multiple myeloma)
  • โรคตา เช่น โรคจอตาเสื่อมชนิด retinitis pigmentosa, การมองเห็นลดลงเฉียบพลัน, โรค NAION
  • ภาวะเลือดออกผิดปกติ (bleeding disorders)
  • มีแผลในกระเพาะอาหารที่ยังรักษาไม่หาย

ยา tadalafil อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เวียนศีรษะมากขึ้น ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่

การใช้ยา tadalafil ร่วมกับยาอื่น

  • การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา tadalafil คือ Riociguat และ Tizanidine
  • ยา tadalafil สามารถทำให้ความดันโลหิตต่ำลงอย่างมากได้เมื่อใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม nitrates ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ, หน้ามืด และที่พบได้น้อยคือทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดสมองได้ จึงห้ามใช้ยา tadalafil ร่วมกับรายการยาดังต่อไปนี้  ยาที่ใช้รักษาอาการเจ็บหน้าอก หรือ angina (ยาในกลุ่ม nitrates เช่น nitroglycerin, isosorbide), สารระเหยที่เรียกกันว่า “ป๊อบเปอร์; poppers” ซึ่งมีส่วนประกอบของสารเคมี amyl nitrite หรือ butyl nitrite
  • ถ้าคุณกำลังใช้ยาในกลุ่ม alpha blocker เช่น doxazosin, tamsulosin เพื่อรักษาต่อมลูกหมากโต หรือความดันโลหิตสูง อาจทำให้ความดันโลหิตคุณลดต่ำเกินไปได้ ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด แพทย์อาจให้คุณเริ่มยา tadalafil ในขนาดต่ำๆ และปรับขนาดยา alpha blocker เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตต่ำ
  • ยาอื่นที่ส่งผลต่อการกำจัดยา tadalafil ออกจากร่างกาย อาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา tadalafil ได้ ตัวอย่างเช่น ยาต้านเชื้อราในกลุ่ม azole (เช่น itraconazole, ketoconazole), ยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide (เช่น clarithromycin, erythromycin), ยาต้านเอชไอวีกลุ่ม protease inhibitors (เช่น fosamprenavir, ritonavir), ยาต้านไวรัสตับอักเสบซีกลุ่ม protease inhibitors (เช่น boceprevir, telaprevir), ยา rifampicin
  • ห้ามรับประทานยา tadalafil ร่วมกับผลิตภัณฑ์ยาอื่นที่มีส่วนประกอบของ tadalafil หรือยาที่คล้ายกัน ซึ่งใช้รักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง (pulmonary hypertension) เช่น ยา sildenafil, vardenafil

การได้รับยา tadalafil เกินขนาด

หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา tadalafil เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669

หากลืมรับประทานยา tadalafil

ถ้าคุณต้องรับประทานยานี้เป็นประจำ และลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

การเก็บรักษายา tadalafil

  • เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก
  • ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้

ยา tadalafil ปกติไม่ใช้ในผู้หญิง

  • ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยานี้
  • ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้ผ่านไปยังน้ำนมได้หรือไม่ จึงให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร
Scroll to Top