hydrochlorothiazide

Hydrochlorothiazide (ไฮโดรคลอโรไธอะไซด์)

ยา ไฮโดรคลอโรไธอะไซด์ (hydrochlorothiazide) เป็นยาสำหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง การลดระดับความดันโลหิตจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง, โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และโรคไต ยา hydrochlorothiazide จัดอยู่ในกลุ่มยาขับปัสสาวะ ยาจะออกฤทธิ์เพิ่มการขับปัสสาวะ ทำให้เกลือและน้ำส่วนเกินถูกขับออกจากร่างกาย

นอกจากนี้ยา hydrochlorothiazide ยังใช้ลดปริมาณน้ำส่วนเกินในร่างกาย (บวมน้ำ) อันเกิดจากโรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจล้มเหลว, โรคตับ หรือโรคไต ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการ เช่น หายใจถี่ หรือ บวมที่ข้อเท้าหรือเท้าได้

สรรพคุณของยา hydrochlorothiazide

  • รักษาความดันโลหิตสูง (Hypertension): ใช้เพื่อลดความดันโลหิตสูง ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
  • รักษาภาวะบวมน้ำ (Edema): ใช้เพื่อลดการบวมน้ำที่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว โรคตับแข็ง โรคไต หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น corticosteroids หรือ estrogen

กลไกการออกฤทธิ์ของยา hydrochlorothiazide

Hydrochlorothiazide ทำงานโดยการยับยั้งการดูดซึมกลับของโซเดียมและคลอไรด์ในท่อหน่วยไต (distal convoluted tubule) ซึ่งทำให้เกิดการขับน้ำและเกลือแร่เหล่านี้ออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ การลดปริมาณน้ำและเกลือในร่างกายช่วยลดปริมาณเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดและลดความดันโลหิต

วิธีใช้ยา hydrochlorothiazide

  • รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 ครั้งตอนเช้า ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ หากคุณรับประทานยานี้ใกล้กับเวลาเข้านอนมากเกินไป คุณอาจจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกได้ ดังนั้นดีที่สุดคือแนะนำให้รับประทานยานี้ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
  • ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ
  • ใช้ยานี้เป็นประจำทุกวันเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ เพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน และให้รับประทานยาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองป่วย
  • หากคุณจำเป็นต้องรับประทานยาลดระดับคอเลสเตอรอล ได้แก่ ยาในกลุ่ม bile acid-binding resins เช่น cholestyramine หรือ colestipol คุณจะต้องรับประทานยา hydrochlorothiazide ก่อนยาเหล่านี้อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงหลังยาเหล่านี้
  • แจ้งแพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง เช่น วัดความดันโลหิตแล้วยังคงสูงอยู่ หรือสูงมากกว่าเดิม

ผลข้างเคียงของยา hydrochlorothiazide

  • อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากยา hydrochlorothiazide เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะ ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายกำลังปรับตัวกับยา ทั้งนี้หากอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเวียนศีรษะ และหน้ามืด แนะนำให้ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ ทั้งจากท่านั่ง หรือท่านอน
  • โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
  • แจ้งแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่ การมองเห็นลดลง, ปวดตา
  • ยานี้อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในปริมาณมาก โดยให้แจ้งแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการของการขาดน้ำ (dehydration) หรือการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกาย ได้แก่ หิวน้ำมาก, ปากแห้งมาก, กล้ามเนื้อเกร็ง กล้ามเนื้ออ่อนแรง, หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ, มีอาการสับสน, ปัสสาวะออกน้อย
  • ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
  • อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • ข้อควรระวังในการใช้ยา hydrochlorothiazide
  • ถ้าคุณแพ้ยา hydrochlorothiazide หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่น (เช่น sulfites ที่พบในบางยี่ห้อ) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ก่อนการใช้ยา hydrochlorothiazide ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน, โรคเกาต์, โรคไต, โรคตับ, โรคลูปัส (lupus)
  • ยา hydrochlorothiazide อาจทำให้วิงเวียนศีรษะ โดยแอลกอฮอล์จะทำให้อาการวิงเวียนศีรษะเป็นมากขึ้น ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • หากมีอาการเหงื่อมาก, ท้องเสีย หรืออาเจียนอย่างรุนแรง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายอย่างมาก (ร่างกายขาดน้ำ) ดังนั้นถ้ามีอาการท้องเสียหรืออาเจียนเป็นเวลานาน ให้แจ้งแพทย์ ซึ่งในกรณีที่มีอาการเหล่านี้จะต้องป้องกันไม่ให้มีอาการขาดน้ำ โดยให้ดื่มน้ำมากๆ ยกเว้นแพทย์สั่งเป็นอย่างอื่น
  • ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ยา hydrochlorothiazide อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่ง ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยารักษาเบาหวาน, ปรับโปรแกรมการออกกำลังกาย หรือปรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารให้กับคุณ
  • ยา hydrochlorothiazide อาจลดระดับโพแทสเซียม (potassium) ในร่างกายได้ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย, น้ำส้ม หรือการให้ผลิตภัณฑ์เสริมโพแทสเซียม ซึ่งแพทย์อาจเป็นผู้สั่งให้กับคุณ
  • ยา hydrochlorothiazide อาจทำให้คุณมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น จึงต้องจำกัดระยะเวลาการสัมผัสกับแสงแดด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหลอดไฟอุลตราไวโอเลต (sunlamps) และให้ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้ามิดชิดขณะอยู่ในที่แจ้ง ให้แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการผิวไหม้จากแดด หรือผิวหนังแดง/ผิวหนังมีตุ่มพอง
  • ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่
  • ผู้สูงอายุอาจเกิดอาการข้างเคียงจากยามากกว่าปกติ โดยเฉพาะอาการเวียนศีรษะ
  • ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์
  • ยา hydrochlorothiazide ผ่านไปยังน้ำนมได้ แต่ไม่น่าจะเป็นอันตรายต่อทารกที่ดูดนม ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร

การใช้ยา hydrochlorothiazide ร่วมกับยาอื่น

การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

รายการยาอื่นที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา hydrochlorothiazide

  • Dofetilide
  • Lithium
  • Tretinoin-mequinol
  • Cisapride
  • Aminolevulinic acid
  • Cholestyramine, colestipol
  • ยารักษาเบาหวาน (Antidiabetics)
  • Desmopressin
  • Tizanidine
  • Topiramate
  • Empagliflozin
  • Zoledronic acid
  • Digitalis glycosides
  • Diazoxide

ยาบางชนิดอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นหรือทำให้อาการบวมแย่ลง ดังนั้นให้แจ้งเภสัชกรเกี่ยวกับรายการยาที่กำลังใช้อยู่ และสอบถามเกี่ยวกับวิธีในการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะยาแก้ไอ-แก้หวัด, ยาลดน้ำหนัก หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ibuprofen, naproxen

ยา hydrochlorothiazide อาจรบกวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการบางชนิด เช่น การตรวจการทำงานของต่อมพาราไทรอยด์ (parathyroid function) ซึ่งอาจทำให้ผลออกมาผิดพลาดได้ จึงต้องแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้อยู่

การได้รับยา hydrochlorothiazide เกินขนาด

หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา hydrochlorothiazide เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669

อาการของการได้รับยาเกินขนาดอาจได้แก่ เวียนศีรษะรุนแรง, อ่อนแรง, หน้ามืด

หากลืมรับประทานยา hydrochlorothiazide

ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

การเก็บรักษายา hydrochlorothiazide

เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก

หมายเหตุ

  • ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจช่วยให้การออกฤทธิ์ของยาดีขึ้น ได้แก่ การออกกำลังกาย, การหยุดสูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ/ไขมันต่ำ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ควรมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ/หรือ การตรวจทางการแพทย์ระหว่างใช้ยานี้ เช่น ตรวจระดับโพแทสเซียม, ตรวจการทำงานของไต เป็นต้น ดังนั้นคุณต้องไปพบแพทย์ตามนัด และให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • วัดความดันโลหิตและชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ) เป็นประจำระหว่างใช้ยานี้ โดยให้เรียนรู้วิธีการวัดความดันโลหิตและชีพจรด้วยตนเองที่บ้าน และนำผลการวัดนั้นมาให้แพทย์ดูด้วย
Scroll to Top