น้ำมูกไหล เป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกคน และสามารถรักษาให้หายได้ง่าย ๆ ที่บ้าน สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำมูกไหลที่พบบ่อยที่สุดคือ การติดเชื้อไวรัสในโพรงจมูกจากการเป็นโรคไข้หวัด รองลงมาคือ เป็นอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
ทั้งนี้ สาเหตุที่แตกต่างกันจะทำให้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปด้วย จึงต้องแยกให้ออกก่อนว่า อาการน้ำมูกไหลเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เพื่อที่จะได้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมนั่นเอง
สารบัญ
น้ำมูกไหลจากไข้หวัด กับน้ำมูกไหลจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ต่างกันอย่างไร
อาการน้ำมูกไหลจากไข้หวัด หรือ “โรคจมูกอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส (Viral rhinitis)” ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกใสหรือข้นก็ได้ ร่วมกับอาการเหล่านี้ เช่น
อาการน้ำมูกไหลจากไข้หวัดมักหายได้เองภายใน 7–10 วันโดยไม่ต้องกินยา แค่กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ
ส่วนอาการน้ำมูกไหลจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ เป็นอาการที่จะเกิดขึ้นหลังสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น หรือขนสัตว์ มักจะมีน้ำมูกใส และเป็น ๆ หาย ๆ
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จะไม่ทำให้เป็นไข้ ตัวร้อน และไม่ติดต่อกันได้เหมือนโรคไข้หวัด แต่จะมีอาการคันคอแทน วิธีรักษาง่าย ๆ คือหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ หรือกินยาแก้แพ้นั่นเอง
5 วิธีบรรเทาอาการน้ำมูกไหลจากโรคไข้หวัด
ถ้าไม่อยากกินยาเยอะ วิธีธรรมชาติเหล่านี้ก็ช่วยได้ แถมยังทำเองที่บ้านได้ด้วย
1. ดื่มน้ำมาก ๆ
การดื่มน้ำมาก ๆ นอกจากจะทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำแล้ว ยังช่วยให้มูกที่อยู่ในโพรงจมูกบางลง ไหลออกมาได้ง่าย และสั่งน้ำมูกได้คล่องขึ้น
หากเป็นไข้หวัดแล้วดื่มน้ำน้อย น้ำมูกจะเหนียวและข้น ส่งผลให้คัดจมูกมากขึ้น และยังทำให้อ่อนเพลียจากการขาดน้ำได้ด้วย
แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้หิวน้ำมากขึ้นในระหว่างที่เป็นไข้หวัด เช่น กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2. ดื่มชาร้อน
เครื่องดื่มอุ่น ๆ อย่างชาร้อน ช่วยบรรเทาอาการน้ำมูกไหลได้ดีกว่าเครื่องดื่มเย็น ๆ เพราะความร้อนและไอน้ำจะช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดอาการคัดจมูก
ชาสมุนไพรบางชนิด เช่น ชาคาโมไมล์ ชาขิง ชามิ้นต์ ยังมีสรรพคุณแก้อาการคัดจมูกเล็กน้อย แถมยังช่วยลดการอักเสบและอาการแพ้ได้ด้วย
การชงชาร้อนและสูดดมไอน้ำก่อนดื่มจะช่วยให้จมูกโล่งขึ้น นอกจากนี้ การดื่มชาร้อน ๆ ยังช่วยเรื่องอาการเจ็บคอที่มาพร้อมกับอาการน้ำมูกไหลได้เหมือนกัน
3. อบไอน้ำที่ใบหน้า
การหายใจเอาไอน้ำร้อน ๆ เข้าไปในร่างกายจะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ และช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- ตั้งเตา และใส่น้ำอุ่นในภาชนะที่สะอาด
- อุ่นน้ำให้ร้อนเพียงพอที่จะเกิดไอน้ำ แต่ไม่ต้องเดือด
- ยื่นหน้าเข้าไปเหนือภาชนะ ให้ใบหน้าโดนไอน้ำ นานครั้งละ 20–30 นาที ระหว่างนี้ ให้หายใจเข้าลึก ๆ ผ่านทางจมูก ถ้ารู้สึกร้อนเกินไปให้หยุดพัก
- สั่งน้ำมูกออกมา
นอกจากนี้ จะลองเพิ่มน้ำมันที่ช่วยลดอาการคัดจมูกลงในน้ำด้วยได้ เช่น น้ำมันยูคาลิปตัส เปปเปอร์มินต์ ต้นสน โรสแมรี สเปียร์มินต์ ชา หรือไธม์ ใช้ประมาณ 2 หยดต่อน้ำ 30 มิลลิลิตร (หรือ 1 ออนซ์)
ถ้าไม่มีน้ำมันหอมระเหย ก็ใช้สมุนไพรแบบแห้งแทน โดยเอาไปต้มให้เป็นชาก่อนแล้วค่อยสูดไอน้ำเข้าไป ทั้งคู่นี้ก็พอช่วยแก้อาการคัดจมูก น้ำมูกไหลได้
4. อาบน้ำอุ่น
ถ้าอยากให้หายใจโล่ง ๆ อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ คือการอาบน้ำอุ่น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกและน้ำมูกไหลได้
ระหว่างอาบน้ำ ให้ใบหน้าและโพรงจมูกสัมผัสกับไอน้ำหรือละอองน้ำโดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
5. ล้างจมูกด้วยกาเนติ (Neti pot)
วิธีสุดท้ายที่จะช่วยแก้อาการน้ำมูกไหล คือการล้างจมูกด้วย “กาเนติ” นั่นเอง
กาเนติ คล้าย ๆ กับกาน้ำชาขนาดเล็ก วิธีนำมาใช้ล้างจมูกก็ไม่ยากเลย แค่ใส่น้ำอุ่นผสมเกลือลงไป เทเข้าที่รูจมูกข้างหนึ่ง และปล่อยให้น้ำเกลือไหลออกไปอีกข้าง
วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดโพรงจมูกได้ค่อนข้างทั่ว โดยควรทำตามคำแนะนำบนฉลาก เพราะถ้าใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ยิ่งคัดจมูกหนักขึ้น หรือติดเชื้อในโพรงจมูกได้
วิธีข้างต้นนี้คือวิธีบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลง่าย ๆ แบบไม่ต้องใช้ยา แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับการพักฟื้นร่างกายด้วย
ในระหว่างป่วยเป็นไข้หวัด ควรพักผ่อนให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 6–8 ชั่วโมง ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับใคร และสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส
บทความแนะนำ 7 วิธีรับมือกับอาการน้ำมูกไหล ใคร ๆ ก็ทำได้
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี