Default fallback image

รวม 4 วัคซีนในผู้สูงอายุ เกราะป้องกันสุขภาพที่จำเป็นของคนสูงวัย

การฉีดวัคซีนจำเป็นอย่างมากเมื่อเราเข้าสู่วัยสูงอายุที่ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมลงตามธรรมชาติ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรค และการเสียชีวิต ผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนอะไรบ้าง มาหาคำตอบในบทความนี้  

ทำไมผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีน

โดยธรรมชาติแล้วความชราภาพมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่เสื่อมถอยลงหรือมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโรคน้อยลง วัคซีนหลายชนิดมีประสิทธิภาพเพียงระยะเวลาไม่นาน เป็นเหตุให้ผู้สูงอายุควรได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนเป็นประจำ

วัคซีนนั้นไม่เพียงช่วยป้องกันโรคไม่ให้เกิด แต่แม้ติดโรคแล้วยังช่วยลดระดับความรุนแรงของอาการ ภาวะแทรกซ้อน การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิต รวมถึงลดการแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่นด้วย

การฉีดวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น จึงจำเป็นต่อผู้สูงอายุอย่างมาก โดยเฉพาะโรคการติดเชื้อที่รุนแรง แพร่กระจายง่าย และพบได้บ่อยในทุกปี เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดอักเสบ โรคงูสวัด และโรคโควิด-19 

รวม 4 วัคซีนที่ผู้สูงอายุควรฉีด 

อันที่จริงวัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุมีหลายชนิด ใบบทความนี้จะยกวัคซีนที่สำคัญในผู้สูงอายุ 4 ชนิดมาให้ศึกษากัน ดังนี้

1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Flu vaccine)

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ในประเทศไทยพบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว เชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่มักระบาดคือ สายพันธุ์ A และ B ก่ออาการไข้สูง น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ หรืออ่อนเพลีย 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบ่งออกเป็น 2 ชนิด จำแนกตามจำนวนสายพันธุ์ ได้แก่ 

  • ชนิด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A อย่าง H1N1 และ H3N2 กับสายพันธุ์ B ตระกูล Victoria
  • ชนิด 4 สายพันธุ์ จะเหมือนกับชนิด 3 สายพันธุ์ โดยเพิ่มสายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata เข้ามาด้วย 

แนะนำให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จำนวน 1 เข็มเป็นประจำทุกปีในช่วงก่อนหน้าฝน ราวเดือนเมษายนจนถึงพฤษภาคม โดยสามารถเลือกชนิด 3 หรือ 4 สายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยและดุลยพินิจแพทย์

กรณีอายุ 65 ปีขึ้นไป แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในขนาดสูงกว่าปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ลดโอกาสการรักษาตัวในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตให้มากขึ้น

2. วัคซีนปอดอักเสบ (Pneumococcal vaccine)

โรคปอดอักเสบมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนีย (Streptococcus pneumoniae) ใน 2 กลุ่มสายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ไม่รุนรานและไม่รุนแรง (Non-invasive) มักก่ออาการอักเสบที่ปอด หูชั้นกลาง หลอดลม หรือไซนัส

และกลุ่มสายพันธุ์รุกรานและรุนแรง (Invasive: IPD) ตัวการก่อปอดอักเสบที่รุนแรง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และอาจนำไปสู่การพิการและเสียชีวิตได้

วัคซีนปอดอักเสบหรือวัคซีนนิวโมคอคคัสในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุมีทั้งหมด 2 ชนิด ซึ่งจะครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคในประเทศไทย ได้แก่

  • วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต (Pneumococcal conjugate vaccine: PCV) ชนิด 13 สายพันธุ์ (PCV13) ประกอบด้วยสายพันธุ์ 1, 3, 4, 5, 6A, 6B, 7F, 9V, 14, 18C, 19A, 19F และ 23F ชนิด 15 สายพันธุ์ (PCV15) จะเพิ่มสายพันธุ์ 22F และ 33F ชนิด 20 สายพันธุ์ (PCV20) จะเพิ่มสายพันธุ์ 8, 10A, 11A, 12F และ 15B 
  • วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์ (Pneumococcal polysaccharide vaccine: PPSV) ประกอบด้วยสายพันธุ์ 1, 2, 3, 4, 5, 6B, 7F, 8, 9N, 9V, 10A, 11A, 12F, 14, 15B, 17F, 18C, 19A, 19F, 20, 22F, 23F และ 33F

วัคซีน PCV จะให้ภูมิคุ้มกันได้นานกว่าวัคซีน PPSV แต่ครอบคลุมสายพันธุ์น้อยกว่า แพทย์อาจแนะนำให้ผู้มีอายุ 18–64 ปีที่มีโรคประจำตัว และสูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีน PCV20 จำนวน 1 เข็ม 

หรือบางกรณีอาจให้ฉีดวัคซีน PCV13 หรือ PCV15 อย่างใดอย่างหนึ่ง จากนั้นเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 ปี แล้วจึงฉีดวัคซีน PPSV23 อีก 1 เข็ม

3. วัคซีนงูสวัด (Zoster vaccine)

งูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัส Varicella zoster ชนิดเดียวกับที่ก่อโรคอีสุกอีใส หากเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนก็จะมีเชื้อชนิดนี้แฝงตามปมประสาท ซึ่งจะปรากฏอาการออกมาเป็นผื่นตุ่มน้ำใสพร้อมปวดแสบปวดร้อนตามแนวเส้นประสาทเมื่อร่างกายของเราอ่อนแอ

วัคซีนงูสวัดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด มีรายละเอียดต่างกัน ดังนี้ 

  • วัคซีนชนิดเชื้อเป็นฤทธิ์อ่อน (Zoster Vaccine Live: ZVL) ใช้สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยฉีดจำนวน 1 เข็ม
  • วัคซีนชนิดไม่ใช่เชื้อเป็นหรือรีคอมบิแนนท์ (Recombinant zoster vaccine: RZV) ใช้สำหรับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยฉีดจำนวน 2 เข็ม เว้นระยะห่างเข็มละ 2–6 เดือน 

ผู้สูงอายุที่เป็นงูสวัดแล้วยังควรฉีดวัคซีนงูสวัด โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3–6 เดือน แล้วค่อยฉีดวัคซีน และหากเคยฉีดวัคซีน ZVL มาก่อน สามารถฉีดวัคซีน RZV ได้ โดยเว้นระยะห่างจากเข็ม ZVL อย่างน้อย 2 เดือน

4. วัคซีนโควิด-19 (COVID-19 vaccine)

โรคโควิด-19 อาจดูไม่น่ากลัวเทียบเท่าแต่ก่อน แต่ความอันตรายของโควิด-19 ยังคงอยู่โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุทั้งที่มีและไม่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยจะพบอาการในระบบหายใจคล้ายไข้หวัดใหญ่ แม้หายแล้วอาจมีอาการหลงเหลือ ซึ่งเรียกกันว่า ลองโควิด (Long COVID)

วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ทำงานโดยเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างโปรตีนคล้ายกับโปรตีนบนไวรัส ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายอีกทอดหนึ่ง

แนะนำให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 รุ่นล่าสุดทุกปี ปีละ 1 เข็ม หากเคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน แล้วค่อยฉีดวัคซีน 

แพทย์ยังอาจแนะนำให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาภูมิคุ้มกัน ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มอีก 1 เข็ม โดยเว้นระยะห่างจากเข็มก่อนหน้าอย่างน้อย 8 สัปดาห์

เตรียมตัวอย่างไรก่อนและหลังผู้สูงอายุฉีดวัคซีน

การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนจะเน้นไปที่นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก ทานอาหารได้ตามปกติแต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน หากมีอาการป่วยไข้กระทันหัน อาจต้องเลื่อนนัดหมายจนกว่าจะหายดี

สิ่งสำคัญคือ แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยา วิตามิน อาหารเสริมที่กำลังใช้อยู่ และยาที่แพ้ให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน เพราะวัคซีนอาจทำปฏิกิริยากับตัวยาแล้วก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือส่งผลให้อาการของโรคแย่ลงได้

แม้วัคซีนจะปลอดภัยแต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น มีไข้ ปวด บวม แดงที่ผิวหนังจุดที่ฉีดวัคซีน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ หรืออ่อนเพลีย 

ส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 2–3 วัน ผู้สูงอายุยังสามารถทานยาแก้ปวดลดไข้อย่าง ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ในระหว่างนี้ได้ด้วย

กรณีพบอาการผิดปกติหรือสัญญาณการแพ้ที่รุนแรงหลังฉีดวัคซีน ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทันที เช่น มีปัญหาใจการหายใจ ผื่นลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หรือหมดสติ เพื่อรับการรักษาให้ทันท่วงที

ปีนี้พาคุณพ่อคุณไปฉีดวัคซีนกันหรือยัง? ถ้ายังก็ลองดู แพ็กเกจฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ และวัคซีนผู้สูงอายุอื่น ๆ ที่ HDmall.co.th ได้เลย ราคาพิเศษ สำหรับคนพิเศษ มีที่นี่ที่เดียว! 

Scroll to Top