อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้

อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้

อาการปวดศีรษะเป็นอาการปวด หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณรอบๆ ศีรษะ รวมถึงหนังศีรษะ โพรงจมูก หรือคอ ส่วนอาการคลื่นไส้เป็นอาการมวนท้องแบบหนึ่ง โดยอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้เป็นอาการที่พบได้บ่อยมาก และมีได้ตั้งแต่ระดับไม่รุนแรงจนถึงรุนแรง

มีคำถามเกี่ยวกับ ปวดศีรษะ? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

บางครั้งอาการทั้ง 2 อย่างนี้ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน ในบางกรณีอาจหมายถึง ภาวะรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

สาเหตุของอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้

  • อาการปวดไมเกรน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้พร้อมกันได้ ไมเกรนสามารถทำให้เกิดอาการได้หลายอย่าง เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ไวต่อแสง ปวดศีรษะรุนแรง ส่วนมากมักจะเห็นแสง หรือสิ่งต่างๆ ผิดปกติก่อนที่จะมีอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ตามมา

โรคอื่นๆ ที่พบร่วมกับอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ได้ เช่น ภาวะขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ

  • อาการขาดน้ำ เกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา โรคตับ หรือไตที่รุนแรง การอดอาหารเป็นเวลานานๆ หรือการขาดฮอร์โมน หากคุณเป็นโรคเบาหวาน การใช้ยาอินซูลินมากเกินไปก็สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้

โรคอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ได้ แบ่งเป็น

  • การปวดศีรษะจากมีสิ่งซึ่งกินที่ในสมอง (structural causes) เช่น
    • เนื้องอกในสมองซึ่งพบอาการปวดศีรษะได้ประมาณครึ่งหนึ่ง และยังพบร่วมกับอาการอื่นๆได้ เช่น อ่อนแรง พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง หรืออาการชัก
    • เลือดออกในเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (Subdural hematoma) มักพบในผู้สูงอายุ มีอาการปวดศีรษะร่วมกับอาการอื่นๆได้ เช่น ซึม เชื่องช้า
    • ฝีในสมอง (Brain abscess) มีอาการปวดศีรษะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน ระดับความรู้ตัวลดลง มีไข้ มีอาการชักได้
  • การปวดศีรษะจากมีสิ่งซึ่งไม่กินที่ในสมอง (nonstructural causes) เช่น
    • โรคหลอดเลือดขมับอักเสบ(Giant cell arteritis) มักพบในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป มีอาการปวดเฉียบพลันและรุนแรงขึ้น
    • Menigeal headache หรือการปวดศีรษะซึ่งเกิดจากการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง
    • Post cerebral concussion headache หรืออาการปวดศีรษะหลังอุบัติเหตุ มักจะเริ่มหลังประสบอุบัติเหตุประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการมักไม่รุนแรง
  • การดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือได้รับสารนิโคตินมากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ได้เช่นกัน

เมื่อไรควรไปพบแพทย์

ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ระดับไม่รุนแรงถึงรุนแรงปานกลางสามารถหายได้เอง แต่อาจต้องใช้เวลา เช่น ผู้ป่วยโรคหวัดส่วนใหญ่ก็จะหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องรักษา

ในบางราย อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้อาจเป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรง ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดรุนแรงมากๆ หรือมีอาการต่อไปนี้ร่วมกับอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้

  • ปวดศีรษะฉับพลันและรุนแรง ไม่เคยเป็นมาก่อน
  • ปวดศีรษะและแย่ลงเรื่อยๆ
  • มีอาการทางระบบประสาทผิดปกติ เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน หรือหมดสติ
  • ปวดศีรษะร่วมกับมีไข้ ผื่นตามตัว
  • ปวดศีรษะร่วมกับมีโรคประจำตัวเดิม เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • มีประวัติรับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • มีประวัติศีรษะกระแทกใน 1-2 วัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีอาการดังกล่าว แต่หากคุณมีอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้เป็นประจำในระดับที่ไม่รุนแรงมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมเช่นกัน

มีคำถามเกี่ยวกับ ปวดศีรษะ? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

การรักษาอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้

แผนการรักษาสำหรับอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ หากมีโรคที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว แพทย์จะพยายามรักษา หรือโรคดังกล่าว เช่น แนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ยา หรือวิธีอื่นๆ ในการรักษาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น

  • หากมีอาการปวดศีรษะไมเกรนและรู้สึกว่า กำลังจะเป็น ให้อยู่ในที่มืด เงียบ และประคบเย็นที่ด้านหลังของลำคอ
  • หากสงสัยว่า อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้เกิดจากความเครียด ลองทำกิจกรรมที่คลายเครียด เช่น การออกไปเดิน ฟังเพลงที่ผ่อนคลาย
  • หากสงสัยว่า กำลังขาดน้ำ หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ให้หยุดพักเพื่อดื่มน้ำ หรือน้ำหวาน หรือของหวาน
  • การใช้ยาแก้ปวดโดยทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือพาราเซตามอล สามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะได้อย่างไรก็ตาม การใช้ยาแอสไพรินอาจจะแรงไปสำหรับกระเพาะอาหาร และทำให้เกิดอาการมวนท้องได้

การป้องกันอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ทั่วไป

ถึงแม้อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้จะป้องกันได้ยาก แต่คุณก็สามารถลดโอกาสในการเกิดอาการดังกล่าวได้ ดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • รับประทานอาหารที่สมดุล หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด หรือรับประทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป เช่น รับประทานของทอดเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป
  • ลดความเสี่ยงต่อการติดหวัดและไข้หวัดใหญ่ด้วยการล้างมือเป็นประจำ
  • ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะด้วยการคาดเข็มขัดนิรภัยเวลาที่เดินทางด้วยรถยนต์ และใส่หมวกกันน็อคเวลาที่ขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือเล่นกีฬาผาดโผน

วิธีป้องกันอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้จากไมเกรน

หากคุณเป็นไมเกรน ลองระบุสาเหตุ และหลีกเลี่ยงสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน แนะนำให้ลองจดบันทึกประจำวันเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำและอาการที่เกิดขึ้น

วิธีนี้อาจจะช่วยให้คุณรู้ว่า อาหาร กิจกรรม หรือปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมใดที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ทั้งนี้การหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นนี้จะสามารถป้องกันการเกิดอาการปวดไมเกรนในครั้งถัดไปได้

ถึงแม้อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้จะเป็นอาการที่สามารถหายได้เองแต่ก็ไม่ควรวางใจ เพราะการที่คุณมีอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้เป็นประจำ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย หรือความผิดปกติในร่างกายได้

ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาให้หายขาด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้อาจรุนแรงขึ้นได้


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. วรพันธ์ พุทธศักดา

มีคำถามเกี่ยวกับ ปวดศีรษะ? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ