aripiprazole

Aripiprazole (อะริพิพราโซล)

ยา อะริพิพราโซล (aripiprazole) เป็นยาในกลุ่มยารักษาโรคจิตกลุ่มใหม่ ยานี้ออกฤทธิ์โดยการปรับสมดุลสารเคมีตามธรรมชาติภายในสมอง หรือที่เรียกว่าสารสื่อประสาท

สรรพคุณของยา aripiprazole

ยา aripiprazole เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางจิต ความผิดปกติทางอารมณ์ (mental, mood disorders) เช่น

  • โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้วหรือโรคไบโพลาร์ (bipolar disorder),
  • โรคจิตเภท (schizophrenia),
  • โรคทูเร็ตต์ (Tourette’s disorder)
  • อาการหงุดหงิดฉุนเฉียวที่สัมพันธ์กับโรคออทิสติก (irritability associated with autistic disorder)

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับยาอื่นๆ ในการรักษาโรคซึมเศร้า, สามารถช่วยลดอาการประสาทหลอน (hallucinations) และช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น โดยยาจะช่วยให้คุณมีความคิดที่ดีขึ้นและมีความคิดเชิงบวกเกี่ยวกับตนเอง รู้สึกกังวลน้อยลง และช่วยให้ทำกิจวัตรประจำวันได้ดียิ่งขึ้น ยา aripiprazole สามารถใช้สำหรับรักษาผู้ที่มีอารมณ์แปรปรวนรุนแรง (severe mood swings) และช่วยลดความแปรปรวนของอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วย

วิธีใช้ยา aripiprazole

  • อ่านคำแนะนำในการใช้ยาและข้อมูลยาสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนเริ่มรับประทานยา aripiprazole และในทุกครั้งที่คุณไปรับยาซ้ำ หากคุณมีคำถามใดๆ ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ โดยทั่วไปมักรับประทานวันละ 1 ครั้ง ซึ่งขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรค, การตอบสนองต่อการรักษา, อายุ และยาอื่นๆ ที่คุณอาจกำลังใช้อยู่ในขณะนั้น ดังนั้นคุณต้องแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยา และอาหารเสริมที่คุณกำลังรับประทานอยู่
  • ในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากยา แพทย์อาจให้คุณเริ่มยาจากขนาดยาต่ำก่อน และค่อยๆ ปรับเพิ่มขนาดยา ดังนั้นจึงต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ยานี้แนะนำให้รับประทานยาโดยการกลืนทั้งเม็ด อย่างไรก็ตามยาอื่นๆ ที่คล้ายกัน (ชนิดออกฤทธิ์ทันที) สามารถหัก แบ่งเม็ดยาได้ แต่เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้รับประทานยานี้ตามที่แพทย์แนะนำ
  • ถ้าคุณต้องรับประทานยานี้ในรูปแบบที่เป็นยาน้ำ แนะนำให้ตวงยาด้วยอุปกรณ์ตวงยาหรือถ้วยตวงยาโดยเฉพาะ อย่าใช้ช้อนรับประทานอาหารในการตวงยา  เพราะอาจได้รับขนาดยาไม่ถูกต้อง
  • ไม่ปรับเพิ่มขนาดยา ไม่ใช้ยาบ่อยกว่าหรือนานกว่าที่แพทย์สั่ง เพราะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นเร็วกว่าเดิมและยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอีกด้วย
  • การรักษาด้วยยานี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่จะได้ผลการรักษาเต็มที่ จึงต้องรับประทานยานี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยามากที่สุด ขอแนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดิมของทุกวันเพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา
  • ข้อสำคัญในการรับประทานยานี้คือต้องรับประทานยาต่อเนื่องแม้ว่าคุณจะรู้สึกอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม  อย่าหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ อาการบางอย่างอาจแย่ลงได้หากหยุดยาอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องค่อยๆ ปรับลดขนาดยาลงก่อนการหยุดยา
  • แจ้งแพทย์ทราบหากใช้ยาไปแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง

ผลข้างเคียงของยา aripiprazole

  • อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา aripiprazole เช่น เวียนศีรษะ, ง่วงนอน, คลื่นไส้, อาเจียน, อ่อนเพลีย, น้ำลายมาก น้ำลายไหล, ตาพร่า, น้ำหนักเพิ่ม, ท้องผูก, ปวดศีรษะ และนอนไม่หลับ หากอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที
  • อาการเวียนศีรษะ หน้ามืด จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้มได้ แนะนำให้ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ เมื่อต้องเปลี่ยนท่าทางจากท่านั่งหรือท่านอน
  • โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
  • แจ้งแพทย์ทันที หากมีอาการข้างเคียงร้ายแรงเกิดขึ้น ได้แก่ เป็นลม, อารมณ์/จิตใจเปลี่ยนแปลง เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย, มีอาการกลืนลำบาก, กระสับกระส่าย (โดยเฉพาะที่ขา), ตัวสั่น, กล้ามเนื้อเกร็ง,  ใบหน้าเหมือนใส่หน้ากาก (หน้าไม่ยิ้ม), อาการชัก, มีปัญหาในการควบคุมกิจกรรมที่เร้าใจบางอย่าง (เช่น การพนัน, การมีเพศสัมพันธ์, การรับประทานอาหาร หรือการช็อปปิ้ง), มีปัญหาในการหายใจขณะนอนหลับ
  • ยานี้อาจทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงได้ (พบได้น้อย) ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานหรือทำให้อาการของโรคเบาหวานแย่ลงได้ แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เช่น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานอยู่แล้ว แนะนำให้ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่ง และนำผลการตรวจให้แพทย์พิจารณาเสมอ เนื่องจากแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนยาเบาหวานที่คุณกำลังใช้อยู่, ปรับเปลี่ยนโปรแกรมการออกกำลังกาย รวมถึงคำแนะนำในการรับประทานอาหารให้กับคุณ
  • ยานี้อาจทำให้เกิดอาการยึกยือ (tardive dyskinesia) ได้ (พบได้น้อย) ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการนี้ถาวร ต้องแจ้งแพทย์ทราบทันทีหากคุณมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (โดยเฉพาะที่ใบหน้า, ปาก, ลิ้น, แขน หรือขา)
  • ยานี้อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการ neuroleptic malignant syndrome (NMS) (พบได้น้อย) ซึ่งเป็นภาวะอันไม่พึงประสงค์ร้ายแรง โดยต้องไปพบแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้: มีไข้, กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง, ปวดกล้ามเนื้อ, กดเจ็บกล้ามเนื้อ, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, อ่อนเพลียรุนแรง, สับสนรุนแรง, เหงื่อออก, หัวใจเต้นเร็ว/เต้นผิดจังหวะ, ปัสสาวะมีสีเข้ม, อาการของภาวะไตวาย (เช่น ปัสสาวะออกน้อยลง)
  • พบการแพ้ยานี้ได้น้อย อย่างไรก็ตามให้ไปพบแพทย์ทันที หากคุณมีอาการของการแพ้ยานี้ ได้แก่ มีไข้, ต่อมน้ำเหลืองโต, ผื่น, คัน/บวม (โดยเฉพาะที่ใบหน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
  • อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ขอให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา aripiprazole

  • หากคุณแพ้ยา aripiprazole หรือแพ้ยาอื่น แพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้เสมอ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารที่ไม่ออกฤทธิ์อื่น (เช่น propylene glycol) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้ หรือปัญหาอื่นๆ ได้ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมให้สอบถามจากเภสัชกร
  • ก่อนการใช้ยานี้ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือดในสมอง (เช่น โรคหลอดเลือดสมอง), โรคเบาหวาน (รวมถึงประวัติครอบครัวด้วย), ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ (เช่น ความดันโลหิตต่ำ, โรคหลอดเลือดหัวใจ, หัวใจวาย, หัวใจเต้นผิดจังหวะ), ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท (เช่น ความจำเสื่อม, กลุ่มอาการ NMS, อาการชัก), มีภาวะอ้วน, มีเม็ดเลือดขาวต่ำ (รวมถึงประวัติการมีเม็ดเลือดขาวต่ำที่มีสาเหตุจากยา), ปัญหาการกลืนลำบาก, ปัญหาการหายใจขณะนอนหลับ (หยุดหายใจขณะนอนหลับ)
  • ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หรือ ง่วงนอน หรือตาพร่ามัว ได้ แอลกอฮอล์จะทำให้อาการวิงเวียนศีรษะหรือง่วงนอนเป็นมากขึ้นได้ ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยการตื่นตัวหรือการมองเห็นที่ชัดเจน จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ยานี้
  • ยานี้อาจทำให้เหงื่อออกน้อยลง ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะฉุกเฉินจากความร้อน หรือ ฮีทสโตรค (heat stroke) ให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจทำให้ร่างกายมีความร้อนมากเกินไป เช่น ทำงานหนักหรือออกกำลังกายในที่อากาศร้อน หรือการแช่ในอ่างน้ำร้อน หากคุณต้องอาศัยในที่อากาศร้อน แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ และสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ระบายอากาศได้ดี หากคุณรู้สึกว่าร่างกายร้อนเกินไป ให้รีบหาสถานที่ที่มีอาการเย็นและนั่งพัก นอนพักเพื่อระบายความร้อน แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีหากคุณมีไข้ที่อาการไม่ดีขึ้น, อารมณ์ สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลง, ปวดศีรษะ หรือเวียนศีรษะ
  • ยา aripiprazole รูปแบบยาน้ำ อาจมีส่วนประกอบของน้ำตาล จึงควรระวังการใช้ยานี้หากคุณเป็นโรคเบาหวาน โดยให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้อย่างปลอดภัยก่อนเริ่มใช้ยา
  • ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยานี้มากขึ้น โดยเฉพาะ อาการชัก, ง่วงนอน, เวียนศีรษะ, หน้ามืด, สับสน, อาการยึกยือ (tardive dyskinesia), กลืนลำบาก, และอาการข้างเคียงร้ายแรงอื่นๆ  ซึ่งอาการง่วงนอน, เวียนศีรษะ, หน้ามืด และอาการสับสนจะเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้มของผู้ป่วย
  • ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่
  • ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ ทารกที่คลอดจากมารดาที่ใช้ยานี้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อาจมีอาการที่พบได้น้อย ได้แก่ กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง กล้ามเนื้อสั่น, ง่วงนอน, ดูดนมลำบาก หายใจลำบาก หรือร้องไห้ไม่หยุด หากคุณพบอาการเหล่านี้ในทารกแรกเกิด โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกหลังคลอด ให้แจ้งแพทย์ทันที
  • เนื่องจากปัญหาทางสภาพจิตใจ อารมณ์ ที่ไม่ได้รับการรักษา (เช่น โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้วหรือโรคไบโพลาร์ (bipolar disorder), โรคจิตเภท (schizophrenia)) อาจเป็นปัญหาที่ร้ายแรง จึงห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • หากคุณกำลังวางแผนตั้งครรภ์, กำลังตั้งครรภ์, หรือคิดว่าคุณอาจจะตั้งครรภ์ ให้รีบขอคำปรึกษาจากแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์
  • ยานี้ผ่านไปยังน้ำนมได้ จึงไม่แนะนำการให้นมบุตรระหว่างการใช้ยานี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร

คำเตือนในการใช้ยา aripiprazole

เมื่อใช้ยา aripiprazole ในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม (dementia) อาจเพิ่มความเสี่ยงเล็กน้อยต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ (เช่น โรคหลอดเลือดสมอง, หัวใจวาย, หัวใจเต้นเร็ว/หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ปอดอักเสบ) ยานี้ไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาอาการทางพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อม ดังนั้นให้ขอคำปรึกษาจากแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ รวมถึงทางเลือกอื่นในการรักษาที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัยในการรักษาอาการทางพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อม

หากคุณกำลังใช้ยา aripiprazole ร่วมกับยาอื่นในการรักษาโรคซึมเศร้า ขอแนะนำให้คุณอ่านข้อมูลยาอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกันด้วย

ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา aripiprazole

ผู้ป่วยที่มีสภาวะดังต่อไปนี้ ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา aripiprazole ดังนั้นหากคุณมีสภาวะดังรายละเอียดด้านล่าง ให้แจ้งแพทย์ทราบก่อนได้รับยานี้

  • โรคเบาหวาน
  • น้ำหนักเกิน
  • มีสภาวะพร่องเม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูโลไซต์ (granulocytes)
  • มีเม็ดเลือดขาวลดลง
  • มีเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล (neutrophils) ลดลง
  • มีอาการสับสน
  • มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
  • โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
  • มีอาการพาร์กินสัน
  • การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นผิดปกติ
  • มีภาวะ Neuroleptic Malignant Syndrome
  • ผู้ป่วยที่มีโอกาสชักได้ง่าย (Lower Seizure Threshold)
  • โรคที่มีการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
  • โรคหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง
  • โรคหลอดเลือดภายในสมอง
  • ความดันโลหิตตกขณะยืนขึ้น
  • ความดันโลหิตต่ำอย่างผิดปกติ
  • อาการชัก
  • น้ำหนักเพิ่ม
  • ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีโอกาสในการสำลักเอาของเหลวเข้าสู่ปอด
  • ผู้ที่มีปัญหาในการกลืนอาหารผ่านหลอดอาหาร
  • Metabolic Syndrome X
  • ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
  • เป็นผู้ที่มีการทำงานของเอนไซม์ CYP2D6 ไม่ดี (CYP2D6 poor metabolizer)
  • แพ้ยา Aripiprazole Analogues
  • แพ้ยา Aripiprazole

การใช้ยา aripiprazole ร่วมกับยาอื่น

ปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจทำให้การออกฤทธิ์ของยาเปลี่ยนแปลงไป หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมรายการยาทุกตัวที่สามารถเกิดปฏิกิริยากับยา aripiprazole ดังนั้นคุณต้องจดรายการยา อาหารเสริม สมุนไพร ที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน และแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ อย่าเริ่มยา, หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาใดๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน

รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา aripiprazole คือยา metoclopramide

แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณรับประทานผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำให้มีอาการง่วงนอน เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (opioid) หรือยาแก้ไอกลุ่มโอปิออยด์ (เช่น codeine), แอลกอฮอล์, ยาช่วยให้นอนหลับ หรือยารักษาอาการวิตกกังวล (เช่น alprazolam, lorazepam, zolpidem), ยาคลายกล้ามเนื้อ, หรือยาต้านฮีสตามีน ยาแก้แพ้ (เช่น cetirizine, diphenhydramine)

ตรวจสอบฉลากยาทุกรายการ (เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาแก้หวัด) เพราะอาจมีรายการยาที่ทำให้ง่วงนอนได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ยังมีรายการยาที่สามารถเกิดปฏิกิริยากับยา aripiprazole ได้ หากท่านใช้ยาต่อไปนี้ โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกร ทราบ:

  • Sibutramine
  • Iomeprol
  • Domperidone
  • ยากลุ่ม opioids
  • Cabergoline
  • ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4, CYP2D6 อย่างแรง
  • ยาที่เพิ่มการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4
  • Duloxetine
  • Hydroxychloroquine
  • Ribociclib
  • Efavirenz
  • Hydroxyzine
  • ยาในกลุ่ม dopamine agonists บางรายการ

การได้รับยา aripiprazole เกินขนาด

  • หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา aripiprazole เกินขนาด จนทำให้หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
  • อาการที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยาเกินขนาด คือ หัวใจเต้นเร็วมาก, หมดสติ

หากลืมรับประทานยา aripiprazole

ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

การเก็บรักษายา aripiprazole

เก็บยารูปแบบเม็ด หรือยาน้ำ ไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงจากแสงแดดและความชื้น ให้ทิ้งยาน้ำที่เปิดขวดนานเกิน 6 เดือน หรือทิ้งเมื่อยาหมดอายุ แล้วแต่ว่าอะไรจะถึงก่อน ห้ามเก็บยานี้ในห้องน้ำ และให้เก็บยาให้พ้นมือเด็กและพ้นจากสัตว์เลี้ยง ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก

หมายเหตุ

  • ห้ามแบ่งยานี้ให้กับผู้อื่นใช้
  • อาจต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือการตรวจทางการแพทย์ (เช่น ตรวจเลือด, ชั่งน้ำหนัก, ตรวจระดับคอเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์) ก่อนเริ่มการรักษา, ตรวจเป็นระยะเพื่อติดตามอาการ, หรือเพื่อตรวจหาอาการข้างเคียงจากยา โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

Scroll to Top