Levofloxacin (ลีโวฟลอกซาซิน)

ยา Levofloxacin เป็นยาสำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยจัดเป็นยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) ในกลุ่ม Quinolone (fluoroquinolones) ยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสได้ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่) การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เป็นสาเหตุของการดื้อยาในอนาคตได้

สรรพคุณของยา Levofloxacin

  • ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย: ใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีความไวต่อยาในระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินหายใจ (โรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หลอดลมอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย), ระบบทางเดินปัสสาวะ (การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ รวมถึงการติดเชื้อที่มีความซับซ้อน และการติดเชื้อที่เกิดจากการอักเสบของต่อมลูกหมาก), ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (การติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง), ระบบทางเดินอาหาร
  • ใช้รักษาโรคไซนัสอักเสบ: ใช้ในการรักษาโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
  • ใช้ป้องกันการติดเชื้อหลังผ่าตัด: ในบางกรณี อาจใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังจากการผ่าตัด

วิธีใช้ยา Levofloxacin

  • อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่มารับยาซ้ำ หากมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ระหว่างใช้ยานี้ให้ดื่มน้ำมากๆ ยกเว้นแพทย์สั่งเป็นอย่างอื่น
  • ให้รับประทานยา Levofloxacin อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาที่อาจลดประสิทธิภาพของยา Levofloxacin เช่น Quinapril, Sucralfate, วิตามิน/เกลือแร่ (เหล็ก, สังกะสี) และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแมกนีเซียม (Magnesium), อะลูมิเนียม (Aluminium) หรือ แคลเซียม (Calcium) เช่น ยาลดกรด, ยา Didanosine ชนิดน้ำ, น้ำผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง ดังนั้นให้สอบถามเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีในการใช้ยาต่างๆ อย่างปลอดภัย รวมถึงแจ้งรายการยา อาหารเสริม สมุนไพรที่กำลังใช้อยู่ทั้งหมดให้เภสัชกรทราบด้วย
  • ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาของคุณจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ สำหรับเด็กขนาดยาจะคำนวณตามน้ำหนักตัว
  • เพื่อให้ได้ผลจากการรักษาเต็มที่ ให้รับประทานยานี้ในแต่ละมื้อด้วยระยะเวลาที่ห่างเท่าๆ กัน เพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน
  • ให้รับประทานยานี้อย่างต่อเนื่องจนยาหมดตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นในไม่กี่วันก็ตาม เพราะการหยุดยาเร็วเกินไปอาจทำให้การติดเชื้อกลับมาเป็นซ้ำได้
  • แจ้งแพทย์หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง

ผลข้างเคียงของยา Levofloxacin

  • อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากยา Levofloxacin เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีปัญหาในการนอนหลับ หากอาการข้างเคียงดังกล่าวไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
  • ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก ได้แก่ เจ็บหน้าอก เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หน้ามืด หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ยานี้อาจเป็นสาเหตุของโรคทางลำไส้ที่ร้ายแรงแต่พบได้น้อย คือมีอาการท้องเสียที่เกิดจากเชื้อ  Clostridium Difficile (Clostridium Difficile-Associated Diarrhea) ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียที่ดื้อยา โดยโรคนี้อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้ยา Levofloxacin หรือภายในสัปดาห์จนถึงเดือนหลังหยุดยาแล้ว ให้แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการเหล่านี้: ท้องเสียต่อเนื่อง ปวดท้อง เกร็งท้อง อุจจาระมีมูก/มูกเลือดปน
  • อย่าใช้ยาแก้ท้องเสีย หรือยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์เสพติด ถ้าคุณมีอาการดังกล่าว เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลงได้
  • การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือใช้ซ้ำหลายครั้ง อาจทำให้ติดเชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush) หรือเกิดการติดเชื้อรา ให้ไปพบแพทย์หากคุณมีฝ้าสีขาว (คราบสีขาว) ในช่องปาก มีตกขาวผิดปกติทางช่องคลอด หรือมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้น
  • ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ) เวียนศีรษะรุนแรง หายใจลำบาก
  • อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่

  • มีเลือดออกผิดปกติ มีรอยช้ำผิดปกติ
  • มีอาการของปัญหาที่ไต เช่น ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป
  • มีอาการของปัญหาที่ตับ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อย่างต่อเนื่อง เบื่ออาหาร ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้ม

ข้อควรระวังในการใช้ยา Levofloxacin

  • ถ้าคุณแพ้ยา Levofloxacin หรือแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Quinolone ตัวอื่นๆ เช่น Ciprofloxacin, Moxifloxacin, Ofloxacin  หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยา Levofloxacin อาจเป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาว (QT Prolongation) หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT Prolongation เป็นสภาวะที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง (อาจทำให้เสียชีวิตได้) ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดจังหวะ และมีอาการอื่นๆ เช่น เวียนศีรษะรุนแรง หน้ามืด ซึ่งต้องรีบทำการรักษาทันที
  • ความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด QT Prolongation อาจเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีโรคบางโรค หรือกำลังใช้ยาบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของ QT Prolongation อยู่แล้ว ดังนั้นก่อนใช้ยา Levofloxacin คุณต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ รวมถึงหากเป็นโรคดังต่อไปนี้ โรคหัวใจบางชนิด (หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นช้า พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG) มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจบางชนิด (พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG, คนในครอบครัวเสียชีวิตจากโรคหัวใจ)
  • การที่ร่างกายมีระดับโพแทสเซียม (Potassium) หรือ แมกนีเซียม (Magnesium) ในเลือดต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด QT Prolongation โดยความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ) หรือมีอาการเหงื่อออกรุนแรง ท้องเสียรุนแรง หรืออาเจียนรุนแรง ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีในการใช้ยา Levofloxacin อย่างปลอดภัย
  • ยา Levofloxacin อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมากได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน (พบได้ไม่บ่อย) แนะนำให้ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่งและนำผลการตรวจไปให้แพทย์ดูด้วย และสังเกตอาการของการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น หิวน้ำบ่อยขึ้น ปัสสาวะบ่อยขึ้น รวมถึงสังเกตอาการของการมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำด้วยเช่นกัน เช่น เหงื่อออก สั่น หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกหิว ตาพร่ามัว เวียนศีรษะ หรือชาที่มือ เท้า
  • แนะนำให้คุณพกน้ำตาลกลูโคสชนิดเม็ดติดตัวไว้เพื่อรักษาอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ หากคุณไม่มีน้ำตาลกลูโคสชนิดเม็ด ให้รับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลที่ดูดซึมได้เร็ว เช่น ลูกอมที่มีน้ำตาล หรือ น้ำผึ้ง หรือดื่มน้ำผลไม้ หรือดื่มน้ำอัดลมสูตรที่มีน้ำตาล (ต้องไม่ใช่ลูกอมหรือน้ำอัดลมสูตรปราศจากน้ำตาล) และให้แจ้งแพทย์ทราบทันทีเมื่อคุณมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ และ/หรือ เมื่อมีการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อรักษาอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • เพื่อป้องกันการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แนะนำให้รับประทานอาหารตรงเวลา และไม่ข้ามการรับประทานอาหารในมื้อใดไป หากเกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำขึ้น แพทย์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยาปฏิชีวนะเป็นตัวอื่น หรือปรับยารักษาโรคเบาหวานให้กับคุณ
  • ยา Levofloxacin อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้มีอาการเวียนศีรษะมากขึ้น ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ยา Levofloxacin อาจทำให้คุณมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น จึงแนะนำให้จำกัดระยะเวลาที่ต้องสัมผัสแสงแดด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหลอดไฟอุลตราไวโอเลต (Sunlamps) และให้ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้ามิดชิดขณะอยู่ในที่แจ้ง แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการผิวไหม้จากแดด หรือผิวหนังแดง/ผิวหนังมีตุ่มพอง
  • ยา Levofloxacin อาจทำให้วัคซีนที่ทำจากแบคทีเรียเชื้อเป็น (เช่น ไทฟอยด์วัคซีน) ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ดี ดังนั้นอย่าฉีดวัคซีนระหว่างการใช้ยานี้ ยกเว้นแพทย์สั่ง
  • ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่
  • เด็กอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาที่ข้อ และเส้นเอ็น เพิ่มขึ้น ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ต่อใช้ยานี้
  • ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงได้มากขึ้น ได้แก่ ปัญหาที่เส้นเอ็น (โดยเฉพาะถ้ารับประทานร่วมกับยาสเตียรอยด์ เช่น Prednisone หรือ Hydrocortisone) ปัญหาที่ตับ หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT Prolongation
  • ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์
  • ยา Levofloxacin ผ่านไปยังน้ำนมได้ในปริมาณเล็กน้อย แต่น่าจะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกที่ดูดนม โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร

ก่อนการใช้ยา Levofloxacin ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น

  • โรคเบาหวาน
  • มีปัญหาที่เอ็น ข้อต่อ เช่น เอ็นอักเสบ (Tendonitis), มีการอักเสบของถุงน้ำลดการเสียดสีบริเวณกระดูก เอ็น และกล้ามเนื้อใกล้ข้อต่อ (Bursitis)
  • โรคไต
  • โรคทางสภาพจิตใจ/อารมณ์ เช่น ซึมเศร้า
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย (Myasthenia Gravis)
  • มีปัญหาที่เส้นประสาท เช่น ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)
  • มีอาการชัก

คำเตือนในการใช้ยา Levofloxacin

  • ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Quinolone รวมถึงยา Levofloxacin อาจทำให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงและอาจเป็นถาวรได้ ได้แก่ เส้นเอ็นได้รับความเสียหาย (เช่น เอ็นอักเสบ, เอ็นฉีกขาด) ปัญหาที่เส้นประสาทบริเวณแขนและขา (ปลายประสาทอักเสบ; Peripheral Neuropathy) และปัญหาในระบบประสาทของร่างกาย
  • ความเสียหายที่เส้นเอ็นอาจเกิดขึ้นทั้งในระหว่างและหลังการใช้ยา Levofloxacin ถ้ามีอาการปวดหรือบวมที่ข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ต้องหยุดการออกกำลัง ให้หยุดพัก และรีบไปพบแพทย์ทันที โดยความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาที่เส้นเอ็นจะยิ่งเพิ่มขึ้นถ้าคุณอายุมากกว่า 60 ปี, กำลังใช้ยาสเตียรอยด์ร่วมด้วย เช่น Prednisone หรือถ้าคุณได้รับการปลูกถ่ายไต, ปลูกถ่ายหัวใจ หรือปลูกถ่ายปอด
  • ยา Levofloxacin อาจทำให้โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย (Myasthenia Gravis) มีอาการแย่ลงได้ จึงต้องแจ้งแพทย์ทราบทันทีถ้าคุณมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่เกิดขึ้นใหม่ หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงแย่ลง เช่น หนังตาตก (Drooping Eyelids), เดินไม่สมดุล, มีปัญหาในการหายใจ
  • ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยาก่อนการใช้ยานี้

คุณต้องไปพบแพทย์ทันทีถ้ามีอาการใดๆ ดังต่อไปนี้

  • ปวด ชา แสบร้อน เสียวซ่า อ่อนแรง ที่แขน มือ ขา เท้า
  • มีการเปลี่ยนแปลงของการรู้สึก สัมผัส ความเจ็บปวด อุณหภูมิ ความสั่นสะเทือน และท่าทางของร่างกาย
  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดศีรษะเป็นเวลานาน
  • การมองเห็นผิดปกติไป
  • สั่น
  • มีอาการชัก
  • มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพจิตใจ เช่น กระวนกระวาย วิตกกังวล สับสน ประสาทหลอน ซึมเศร้า และอาจมีความคิดฆ่าตัวตายได้ (พบได้น้อย)

ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Levofloxacin

สภาวะต่อไปนี้ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา Levofloxacin ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์ทราบหากคุณมีสภาวะดังต่อไปนี้

  • มีการติดเชื้อ Clostridium Difficile
  • เป็นโรคเบาหวาน
  • มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • มีระดับโพแทสเซียม ในเลือดต่ำ
  • มีภาวะที่มีโอกาสเกิดอาการชักได้ง่าย (Lower Seizure Threshold)
  • ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง (Pseudotumor Cerebri)
  • ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย (Myasthenia Gravis)
  • เป็นโรคที่มีการไหลเวียนเลือดไปที่กล้ามเนื้อหัวใจผิปกติ
  • หัวใจเต้นเร็ว ชนิด Torsades De Pointes
  • หัวใจเต้นช้า
  • ตรวจพบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ QT ยาว จากการตรวจ EKG
  • ตรวจพบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ QT ผิดปกติแต่กำเนิด
  • เส้นเลือดแดงในสมองแข็งตัวอย่างรุนแรง
  • เป็นโรคตับ
  • ได้รับการปลูกถ่ายไต หรือปอด หรือหัวใจ
  • เส้นเอ็นอักเสบ, เส้นเอ็นฉีกขาด
  • สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
  • มีอาการชัก
  • ประสาทหลอน
  • เป็นโรคกล้ามเนื้อลายสลาย (Rhabdomyolysis)
  • ไตบกพร่องปานกลางถึงรุนแรง
  • แพ้ยา Levofloxacin
  • แพ้ยาในกลุ่ม Quinolones ตัวอื่นๆ

การใช้ยา Levofloxacin ร่วมกับยาอื่น

  • การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • ผลิตภัณฑ์ยาบางรายการที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Levofloxacin เช่น Strontium
  • แม้ว่ายาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ไม่ค่อยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด, แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด แต่มียาปฏิชีวนะบางรายการ (เช่น Rifampicin, Rifabutin) ที่ส่งผลลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด ทำให้ตั้งครรภ์ได้ ถ้าคุณกำลังใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยา Levofloxacin มีโครงสร้างคล้ายกับยา Ofloxacin มาก ดังนั้นห้ามใช้ยาสองชนิดนี้ร่วมกัน
  • ยา Levofloxacin อาจรบกวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจปัสสาวะหาสาร Opiates (Urine Screening For Opiates) ซึ่งจะทำให้ผลการตรวจออกมาผิดพลาดได้ ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้อยู่

การได้รับยา Levofloxacin เกินขนาด

  • หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Levofloxacin เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
  • อาการของการได้รับยาเกินขนาด เช่น เวียนศีรษะอย่างรุนแรง

หมายเหตุ: ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้, ยานี้ถูกสั่งจ่ายสำหรับสภาวะโรคปัจจุบันของคุณเท่านั้น ห้ามใช้ยานี้สำหรับการติดเชื้อในครั้งอื่นๆ ยกเว้นแพทย์สั่ง, ควรมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจการทำงานของไต ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจน้ำตาลในเลือด เพาะเชื้อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ ซึ่งอาจตรวจก่อนใช้ยาหรือระหว่างที่ใช้ยา ดังนั้นคุณต้องไปพบแพทย์ตามที่แพทย์นัด

หากลืมรับประทานยา Levofloxacin

  • ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

การเก็บรักษายา Levofloxacin

  • เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก

Scroll to Top