ยา Fluoxetine เป็นยาสำหรับรักษาโรคซึมเศร้า ต้านอาการซึมเศร้า ลดอาการตื่นตระหนก โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive compulsive disorder) โรคพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ หรือโรคบูลีเมีย (Bulimia) และใช้รักษาผู้หญิงที่มีกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรง (premenstrual dysphoric disorder)
สารบัญ
สรรพคุณของยา Fluoxetine
ยานี้อาจช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และช่วยเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย และอาจช่วยให้คุณกลับมาทำกิจกรรมที่สนใจในชีวิตประจำวันได้ ยาอาจช่วยลดความกลัว ความวิตกกังวล ความคิดที่ไม่ต้องการ และช่วยลดจำนวนครั้งของอาการตื่นตระหนก
นอกจากนี้ยาอาจช่วยลดการทำพฤติกรรมซ้ำ เช่น การล้างมือบ่อยครั้ง การนับ และการตรวจเช็คสิ่งต่างๆ ซ้ำๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
ยา Fluoxetine อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น ความหงุดหงิดฉุนเฉียว ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และลดอาการซึมเศร้า ช่วยลดพฤติกรรมการรับประทานอาหารมากผิดปกติ (binging) และลดพฤติกรรมการพยายามให้ตนเองอาเจียน (Purging) ในผู้ป่วยโรคบูลีเมียอีกด้วย
สรุป ผลของยา Fluoxetine ช่วยอาการเหล่านี้ได้
- รักษาโรคซึมเศร้า: ช่วยลดอาการซึมเศร้า อารมณ์ไม่ดี และความคิดลบ
- รักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD): ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของความคิดย้ำและพฤติกรรมย้ำ
- รักษาโรคแพนิค: ช่วยลดอาการตื่นตระหนกและความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้อง
- รักษาโรควิตกกังวลทั่วไป (GAD): ช่วยลดอาการวิตกกังวลทั่วไปและความตึงเครียด
- รักษาโรคบูลิเมีย (Bulimia Nervosa): ช่วยลดความถี่ของพฤติกรรมกินอาหารแบบบีบบังคับและการอาเจียน
- รักษาอาการดิสโทเนียหลังคลอด: ช่วยลดอาการซึมเศร้าและอารมณ์ไม่ดีหลังคลอด
วิธีใช้ยา Fluoxetine
ยามีทั้งแบบเม็ด แคปซูล และแบบน้ำ ที่พบบ่อย คือ ยา Fluoxetine 20 mg ขึ้นกับใช้รักษาโรคไหน ซึ่งแพทย์จะเป็นคนกำหนดสัดส่วนการใช้ยา
โดยทั่วไปจะรับประทานยา Fluoxetine วันละ 1 ครั้งตอนเช้า ถ้าคุณต้องรับประทานวันละ 2 ครั้ง แพทย์อาจให้คุณรับประทานยาในตอนเช้าและตอนกลางวัน
- อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่มารับยาซ้ำ หากมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
- ถ้าคุณใช้ยา Fluoxetine สำหรับอาการก่อนมีประจำเดือน แพทย์อาจให้คุณรับประทานยานี้ทุกวัน หรือให้รับประทานในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือนไปจนถึงวันแรกที่มีประจำเดือน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ลืม อาจใช้วิธีกาเครื่องหมายไว้บนปฏิทินเพื่อเตือนตนเอง
- ถ้าคุณใช้ยา Fluoxetine ในรูปแบบยาน้ำ ให้ตวงยาโดยใช้อุปกรณ์ตวงยา/ช้อนตวงยาโดยเฉพาะ อย่าใช้ช้อนรับประทานอาหารตวงยา เพราะอาจได้รับขนาดยาไม่ถูกต้องได้
- ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง แพทย์อาจให้คุณเริ่มยาในขนาดต่ำก่อน และค่อยๆ ปรับเพิ่มขนาดยาขึ้น ดังนั้นคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งใช้ยาของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจึงจะได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ เพื่อไม่ให้ลืม แนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน
- คุณจะต้องรับประทานยานี้อย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าจะรู้สึกอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาการบางอย่างอาจแย่ลงได้เมื่อหยุดยากะทันหัน ซึ่งการหยุดยาอย่างถูกต้องอาจจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงช้าๆ ก่อนการหยุดยา
- คุณควรสังเกตเห็นว่าอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และอาจใช้เวลานาน 4-5 สัปดาห์จึงจะเห็นผลจากยาเต็มที่
- ให้แจ้งแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง
ผลข้างเคียงของยา Fluoxetine
- อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา Fluoxetine ได้แก่ คลื่นไส้ ง่วงนอน เวียนศีรษะ วิตกกังวล นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหงื่อออก หรือมีอาการหาว ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์ทันที
- โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
- ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน ยา Fluoxetine อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และนำผลการตรวจมาให้แพทย์ดูด้วย ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับยารักษาโรคเบาหวาน ปรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายในขณะที่คุณเริ่มหรือหยุดยา Fluoxetine
- ยา Fluoxetine อาจเพิ่มปริมาณสารสื่อประสาท Serotonin ซึ่งอาจก่อให้เกิดกลุ่มอาการที่ร้ายแรงได้ (พบได้น้อย) ซึ่งก็คือกลุ่มอาการซีโรโตนิน หรือ ซีโรโตนินเป็นพิษ (Serotonin syndrome/toxicity) โดยความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้จะเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาอื่นที่เพิ่มปริมาณสาร Serotonin ในร่างกายร่วมด้วย ดังนั้นคุณต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับรายการยาทุกรายการที่กำลังใช้อยู่ และไปพบแพทย์ทันที ถ้ามีอาการใดๆ ดังนี้: หัวใจเต้นเร็ว ประสาทหลอน สูญเสียการประสานงานกันของร่างกาย เวียนศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้/อาเจียน/ท้องเสียอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อกระตุก มีไข้อย่างไม่ทราบสาเหตุ กระสับกระส่าย กระวนกระวายผิดปกติ
- ที่พบได้น้อย ผู้ชายอาจมีอาการปวดที่อวัยวะเพศ หรืออวัยวะเพศแข็งตัวนานตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้ามีอาการนี้เกิดขึ้น ให้หยุดใช้ยา และไปพบแพทย์ทันที ซึ่งอาการข้างเคียงนี้อาจเป็นเรื้อรังได้หากยังใช้ยาต่อไป
- ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ) เวียนศีรษะรุนแรง หายใจลำบาก
อาการที่พบได้น้อย แต่ร้ายแรง
แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ได้แก่
- มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพจิตใจอย่างผิดปกติ หรือรุนแรง เช่น กระสับกระส่าย ตื่นตัวมากผิดปกติ รู้สึกมีพละกำลังมากผิดปกติ มีความคิดฆ่าตัวตาย
- มีเลือดออกง่าย มีรอยช้ำง่าย
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหดเกร็ง
- ตัวสั่น
- ความสนใจทางเพศลดลง
- ความสามารถทางเพศเปลี่ยนไป
- น้ำหนักลดผิดปกติ
ผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
ให้ไปพบแพทย์ทันที ถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก ได้แก่
- อุจจาระปนเลือด อุจจาระมีสีดำ หรือเหมือนน้ำมันดิน
- อาเจียนคล้ายกากกาแฟ
- หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- หน้ามืด เป็นลม
- มีอาการชัก
- มีอาการของโรคไต เช่น มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณปัสสาวะ
- ปวดตา ตาบวม ตาแดง
- รูม่านตาขยาย
- การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นรุ้งรอบแสงไฟตอนกลางคืน ตาพร่ามัว
อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ข้อควรระวังในการใช้ยา Fluoxetine
- ถ้าคุณแพ้ยา Fluoxetine หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- ยา Fluoxetine อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงนอนได้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณมีอาการวิงเวียนศีรษะหรือง่วงนอนได้มากขึ้น ห้ามขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- ยา Fluoxetine อาจเป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาว (QT prolongation) หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT prolongation เป็นสภาวะที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง (อาจทำให้เสียชีวิตได้) ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีอาการอื่นๆ เช่น เวียนศีรษะรุนแรง หน้ามืด ซึ่งต้องรีบทำการรักษาทันที
- ความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด QT prolongation อาจเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีโรคบางโรค หรือกำลังใช้ยาบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของ QT prolongation อยู่แล้ว ดังนั้นก่อนใช้ยา Fluoxetine คุณต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ รวมถึงหากเป็นโรคดังต่อไปนี้ โรคหัวใจบางชนิด (หัวใจวาย, หัวใจเต้นช้า, พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG), มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจบางชนิด (พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG, คนในครอบครัวเสียชีวิตจากหัวใจวาย)
- การที่ร่างกายมีระดับโพแทสเซียม (Potassium) หรือ แมกนีเซียม (Magnesium) ในเลือดต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด QT prolongation โดยความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ) หรือมีอาการเหงื่อออกรุนแรง ท้องเสียรุนแรง หรืออาเจียนรุนแรง ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีในการใช้ยา Fluoxetine อย่างปลอดภัย
- ยา Fluoxetine ชนิดน้ำอาจมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ จึงต้องระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรัง หรือผู้ป่วยโรคตับ ยาบางชนิด เช่น Metronidazole, Disulfiram อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างร้ายแรงได้หากใช้ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้อย่างปลอดภัย
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่
- ผู้สูงอายุอาจมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงจากยาได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอาการเลือดออก และหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT prolongation นอกจากนี้ผู้สูงอายุอาจเกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำได้ โดยเฉพาะถ้าใช้ยาขับปัสสาวะร่วมด้วย
- ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ นอกจากนี้เด็กทารกที่คลอดจากมารดาที่ใช้ยานี้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจมีอาการถอนยา เช่น หายใจลำบาก ดูดนมลำบาก มีอาการชัก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง หรือร้องไห้ไม่หยุด ถ้าคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในเด็กแรกเกิด ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
- เนื่องจากโรคเกี่ยวกับอารมณ์ สภาพจิตใจผิดปกติ ที่ไม่ได้รับการรักษา เช่น ซึมเศร้า โรคตื่นตระหนก โรคย้ำคิดย้ำทำ อาจเป็นอาการที่ร้ายแรงได้ ดังนั้นห้ามหยุดยาเองโดยแพทย์ไม่ได้สั่ง ถ้าคุณกำลังวางแผนตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรือคิดว่าตนเองอาจจะตั้งครรภ์ ให้รีบปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์ทันที
- ยา Fluoxetine ผ่านไปยังน้ำนมได้ และอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ในทารกที่ดูดนม จึงให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร
ก่อนการใช้ยา Fluoxetine ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณ
- ตนเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder)
- ตนเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติคิดฆ่าตัวตาย
- เป็นโรคตับ
- เป็นโรคเบาหวาน
- โซเดียมในเลือดต่ำ เช่น เกิดขึ้นระหว่างการใช้ยาขับปัสสาวะ (Diuretics)
- ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง
- มีอาการชัก
- เป็นแผลในกระเพาะอาหาร/ลำไส้
- ตนเองหรือคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหินมุมปิด
คำเตือนในการใช้ยา Fluoxetine
- ยาต้านเศร้า (Antidepressant medications) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคได้หลายโรค ได้แก่ โรคซึมเศร้า และโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางจิตใจ/ความผิดปกติทางอารมณ์ (Mental/Mood disorders) โดยยาเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มีความคิดฆ่าตัวตาย/พยายามฆ่าตัวตาย และยังมีประโยชน์ที่สำคัญอื่นๆ กับตัวผู้ป่วยที่ใช้ยา อย่างไรก็ตามมีข้อมูลพบผู้ป่วยจำนวนน้อย (โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี) ซึ่งใช้ยาต้านเศร้าสำหรับโรคใดๆ ก็ตาม อาจมีอาการซึมเศร้าแย่ลง มีอาการทางสภาวะจิตใจ/อารมณ์ หรือมีความคิดฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย ดังนั้นสิ่งสำคัญมากๆ คือต้องปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยาต้านเศร้า (โดยเฉพาะในผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี) แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ยานี้สำหรับโรคทางจิตใจ หรืออารมณ์ก็ตาม
- แจ้งแพทย์ทันที หากคุณมีอาการซึมเศร้าแย่ลง หรือมีอาการทางจิตที่แย่ลง มีพฤติกรรมผิดปกติไป (รวมถึงความคิดฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย) หรือมีความเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ อารมณ์ (มีอาการวิตกกังวล หรือวิตกกังวลมากกว่าเดิม ตื่นตระหนก มีปัญหาในการนอนหลับ หงุดหงิด ฉุนเฉียว รู้สึกเกลียด รู้สึกโกรธ มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น กระวนกระวายใจอย่างรุนแรง พูดเร็วมาก โดยให้สังเกตอาการเหล่านี้เป็นพิเศษในช่วงเริ่มใช้ยาต้านเศร้า หรือเมื่อมีการปรับขนาดยา
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Fluoxetine
สภาวะต่อไปนี้ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา Fluoxetine ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์ทราบหากคุณมีสภาวะดังต่อไปนี้
- เป็นโรคเบาหวาน
- กลุ่มอาการของการหลั่งฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะไม่เหมาะสม (Syndrome of Inappropriate Antidiuretic Hormone Secretion)
- มีระดับแมกนีเซียม (Magnesium) ในเลือดต่ำ
- มีระดับโซเดียม (Sodium) ในเลือดต่ำ
- มีระดับโพแทสเซียม (Potassium) ในเลือดต่ำ
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกมากกว่าปกติ
- มีพฤติกรรมร่าเริงและทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไป
- มีอาการคลุ้มคลั่งที่ไม่รุนแรง (Mild Degree of Mania)
- เป็นโรคไบโพลาร์
- มีความคิดฆ่าตัวตาย
- เป็นกลุ่มอาการซีโรโตนิน (Serotonin syndrome)-การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา
- เป็นโรคต้อหินมุมปิด หรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินมุมปิด
- มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดใน 30 วันที่ผ่านมา
- หัวใจเต้นเร็วชนิด Torsades de Pointes
- หัวใจเต้นช้า
- พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG
- มีอาการหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรงเฉียบพลัน
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ผิดปกติแต่กำเนิด
- ตับแข็ง หรือเป็นโรคตับ
- มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ลำไส้ หลอดอาหาร
- มีอาการชัก
- เบื่ออาหาร
- เป็นผู้ที่มีการทำงานของเอนไซม์ CYP2D6 น้อยกว่าปกติ (CYP2D6 poor metabolizer)
- แพ้ยา Fluoxetine หรือยาอื่นที่โครงสร้างคล้ายกัน
- แพ้ยาในกลุ่ม SSRIs
การใช้ยา Fluoxetine ร่วมกับยาอื่น
- การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
- ยา Fluoxetine อาจอยู่ในร่างกายได้นานหลายสัปดาห์หลังรับประทานยามื้อสุดท้าย และอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้หลายชนิด ดังนั้นก่อนการใช้ยาอื่น ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรถ้าคุณรับประทานยา Fluoxetine ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- การใช้ยาในกลุ่ม MAO Inhibitors ร่วมกับยา Fluoxetine อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่ร้ายแรงได้ (อาจทำให้เสียชีวิตได้) จึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่ม MAO Inhibitors (Isocarboxazid, Linezolid, Methylene Blue, Moclobemide, Phenelzine, Procarbazine, Rasagiline, Safinamide, Selegiline, Tranylcypromine) ระหว่างใช้ยา Fluoxetine โดยยาในกลุ่ม MAO Inhibitors ส่วนใหญ่ ควรเว้นระยะห่างไม่ใช้ร่วมกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและ 5 สัปดาห์หลังใช้ยา Fluoxetine โดยให้ปรึกษาแพทย์ว่าเมื่อใดควรเริ่มยาหรือหยุดยา Fluoxetine
- ยาหลายๆ ชนิดนอกจากยา Fluoxetine อาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ (ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวขึ้น) ได้แก่ยา Pimozide และ Thioridazine
- ยา Aspirin จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกเมื่อใช้ร่วมกับยา Fluoxetine อย่างไรก็ตามถ้าแพทย์สั่งยา Aspirin ขนาดต่ำให้คุณสำหรับป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Heart attack prevention) หรือเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke prevention) (ขนาดยาโดยทั่วไปคือ 81-325 มิลลิกรัมต่อวัน) คุณควรใช้ยา Aspirin ต่อ ยกเว้นแพทย์สั่งเป็นอย่างอื่น
- ความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการซีโรโตนิน หรือ ซีโรโตนินเป็นพิษ (Serotonin syndrome/toxicity) จะเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาอื่นที่เพิ่มปริมาณสารสื่อประสาท Serotonin ในร่างกาย ตัวอย่างเช่น สมุนไพร St. John’s wort, ยาต้านเศร้าบางชนิด (ยาในกลุ่ม SSRIs เช่น Citalopram/Paroxetine, ยาในกลุ่ม SNRIs เช่น Duloxetine/Venlafaxine) โดยความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการซีโรโตนิน หรือ ซีโรโตนินเป็นพิษอาจเพิ่มมากขึ้นเมื่อเริ่มใช้ยาหรือเมื่อปรับเพิ่มขนาดยา
- แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณกำลังใช้ยา/ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ง่วงนอน เช่น แอลกอฮอล์, ยาต้านฮีสตามีน (เช่น Cetirizine, Diphenhydramine), ยานอนหลับ หรือยารักษาอาการวิตกกังวล (เช่น Alprazolam, Diazepam, Zolpidem), ยาคลายกล้ามเนื้อ, และยาแก้ปวดที่อาจทำให้เสพติดได้ (เช่น Codeine)
- อ่านฉลากยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ (เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ แก้หวัด) เพราะยาเหล่านี้อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้ง่วงนอนได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีในการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย
- ยา Fluoxetine อาจรบกวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ/ผลการตรวจทางการแพทย์ เช่น การตรวจสแกนสมองสำหรับโรคพาร์กินสัน ซึ่งอาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้ ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทุกคนว่าคุณกำลังใช้ยานี้อยู่
รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Fluoxetine ได้แก่
- ยาที่ถูกขจัดออกจากร่างกายผ่านเอนไซม์ที่ตับบางชนิด รวมถึงยา Vinblastine
- ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Propafenone/Flecainide
- ยาต้านเศร้ากลุ่ม Tricyclic Antidepressants เช่น Desipramine/Imipramine
- ยาอื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดเลือดออก มีรอยช้ำ ได้แก่
- ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Clopidogrel
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) เช่น Ibuprofen
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin
การได้รับยา Fluoxetine เกินขนาด
- หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Fluoxetine เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
- อาการของการได้รับยาเกินขนาดอาจได้แก่ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หน้ามืด
หมายเหตุ: ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้, ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจร่างกาย และตรวจติดตามอาการทางจิตเวช
หากลืมรับประทานยา Fluoxetine
- ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
การเก็บรักษายา Fluoxetine
- เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก