triamcinolone scaled

Triamcinolone (ไตรแอมซิโนโลน)

ไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) เป็นยาในกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์สังเคราะห์ อยู่ในกลุ่มเพรกเนน (Pregnane) และอนุพันธ์ของคอร์ติซอล (Cortisol) มี 3 รูปแบบ คือ

  • ยารับประทาน
  • ยาฉีด
  • ยาทา

เช่น ครีม โลชั่นทาผิวหนัง ยาขี้ผึ้งป้ายปาก โดยลักษณะการใช้งานจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรค

Triamcinolone สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคหลายชนิด เช่น ข้ออักเสบ โรคผิวหนังอักเสบชนิดแห้งฝ่อ (lichen sclerosus) โรคลูปัส ผื่นคัน สะเก็ดเงิน อาการแพ้ ลำไส้อักเสบจากแผลในลำไส้ โรคแผลร้อนใน แต่ยานี้ไม่สามารถใช้รักษาหืดกำเริบเฉียบพลันได้ หากมีการแสดงอาการของโรคแล้ว

Triamcinolone มีวางจำหน่ายหลากหลายชื่อการค้า เช่น อะริสโตคอร์ท โดยบริษัท Novatris หรือชื่อการค้าอื่น เช่น คีนาลอก แอสมาคอร์ท คีโนคอร์ท

สารบัญ

โรคและอาการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา Triamcinolone บรรเทา

  • ข้อบ่งใช้สำหรับภาวะผิวหนังอักเสบ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับกดอาการแพ้และอาการอักเสบของโรค
  • ข้อบ่งใช้สำหรับโรคผิวหนังที่ตอบสนองต่อการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์
  • ข้อบ่งใช้สำหรับแผลในปาก
  • ข้อบ่งใช้สำหรับอาการอักเสบของดวงตา
  • ข้อบ่งใช้สำหรับโรคข้ออักเสบ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับข้อต่อหัวไหล่อักเสบ เอ็นอักเสบ
  • ข้อบ่งใช้สำหรับรักษา และป้องกันอาการคัดจมูกจากภูมิแพ้

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Triamcinolone

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Triamcinolone ช่วยชะลอการทำงานของเม็ดเลือดขาว ส่งผลให้ลดการอักเสบ (anti-inflammatory) และมีผลในด้านการกดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive) โดยลดปริมาณ และการทำงานของระบบน้ำเหลือง

ข้อบ่งใช้สำหรับโรคข้ออักเสบ 

ใช้ยารูปแบบ ยาฉีดเข้าข้อ โดยมีขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่และเด็ก ดังนี้

1. ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ 

  • Triamcinolone hexacetonide ขนาด 2 ถึง 6 มิลลิกรัม (ข้อขนาดเล็ก) หรือขนาด 5 ถึง 10 มิลลิกรัม (ข้อขนาดกลาง) หรือขนาด 10 ถึง 20 มิลลิกรัม (ข้อขนาดใหญ่)
  • Triamcinolone acetonide ขนาด 5 ถึง 10 มิลลิกรัม (ข้อขนาดเล็ก) ไปจนถึงขนาด 40 มิลลิกรัม (ข้อขนาดใหญ่) ขนาดยาสูงสุด 80 มิลลิกรัม

ฉีดลงข้อโดยทิ้งระยะห่างแต่ละครั้ง 3 ถึง 4 สัปดาห์

2. ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 3 ถึง 12 ปี 

  • ใช้ยาTriamcinolone hexacetonide สำหรับการปวดข้อในเด็กชนิดไม่ทราบสาเหตุ
  • ขนาด 0.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ข้อขนาดเล็ก) และขนาด 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ข้อขนาดใหญ่) สำหรับข้อบริเวณมือและเท้า
  • ขนาด 0.6 ถึง 1 มิลลิกรัม สำหรับข้อกลางนิ้ว (Proximal interphalangeal joints)
  • ขนาด 1 ถึง 2 มิลลิกรัม สำหรับข้อโคนนิ้วมือ (Metacarpophalangeal) และข้อโคนนิ้วเท้า (Metatarsophalangeal))

ข้อบ่งใช้สำหรับภาวะผิวหนังอักเสบ 

ใช้ยารูปแบบ ยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง โดยมีขนาดการใช้ยาเฉพาะในผู้ใหญ่ ดังนี้

  • Triamcinolone hexacetide ให้ขนาดยาได้ถึง 500 ไมโครกรัมต่อตารางนิ้วหรือประมาณ 80 ไมโครกรัมต่อตารางเซ็นติเมตรของพื้นที่ผิวหนัง
  • Triamcinolone diacetate ขนาด 5 ถึง 25 มิลลิกรัม โดยแบ่งยาฉีดครั้งละไม่เกิน 100 ไมโครกรัมต่อตารางเซ็นติเมตรของพื้นที่ผิวหนัง
  • Triamcinolone acetonide ขนาด 1 ถึง 3 มิลลิกรัมต่อบริเวณ ขนาดยาสูงสุด 5 มิลลิกรัมต่อบริเวณ ขนาดยาสุทธิสูงสุด 30 มิลลิกรัม

ข้อบ่งใช้สำหรับกดอาการแพ้และอาการอักเสบของโรค 

ใช้ยารูปแบบ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยมีขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่และเด็ก ดังนี้

1. ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 6 ถึง 12 ปี

  • ใช้ขนาดเดียวกันกับในผู้ใหญ่

2. ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่

  • Triamcinolone acetonide ขนาดเริ่มต้น 40 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพก (Gluteal muscle) บริหารยาซ้ำได้ตามความจำเป็นของอาการ

ข้อบ่งใช้สำหรับแผลในปาก

ใช้ยารูปแบบ ยาขี้ผึ้งป้ายปาก โดยมีขนาดการใช้ยาเฉพาะในผู้ใหญ่ ดังนี้

  • Triamcinolone acetonide ความเข้มข้น 0.1% ป้ายบริเวณที่มีอาการจนกระทั่งเกิดเป็นแผ่นฟิล์มเคลือบบริเวณ ป้ายยาก่อนนอน หรือสองถึงสามครั้งต่อวัน แนะนำให้ป้ายยาหลังรับประทานอาหาร ประเมินการรักษาหากใช้ยาได้ 7 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น

ข้อบ่งใช้สำหรับอาการอักเสบของดวงตา

ใช้ยารูปแบบ ฉีดเข้าวุ้นในตา โดยมีขนาดการใช้ยาเฉพาะในผู้ใหญ่ ดังนี้

  • Triamcinolone acetonide ขนาดเริ่มต้น 4 มิลลิกรัม บริหารครั้งเดียว

ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาและป้องกันอาการคัดจมูกจากภูมิแพ้

ใช้ยารูปแบบ สเปรย์พ่นจมูกขนาด โดยมีขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่และเด็ก ดังนี้

1. ขนาดการใช้ยาในเด็ก

  • Tramcinolone acetonide อายุ 2 ถึง 5 ปี ขนาดยาสูงสุด พ่น 1 ครั้งลงในรูจมูกแต่ละข้าง วันละครั้ง อายุ 6 ถึง 12 ปี อาจเพิ่มขนาดยาได้เป็นข้างละ 2 ครั้งต่อวัน ในกรณีอาการุรนแรง

2. การใช้ยาในผู้ใหญ่

  • Triamcinolone acetonide ขนาดเริ่มต้น พ่นในรูจมูกข้างละหนึ่งครั้งต่อวัน ลดขนาดเหลือวันละครั้ง พ่นเข้ารูจมูกข้างใดข้างหนึ่งเมื่อควบคุมอาการได้

ข้อบ่งใช้สำหรับโรคผิวหนังที่ตอบสนองต่อการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์

ใช้ยารูปแบบ ยาทาผิวหนัง โดยมีขนาดการใช้ยาเฉพาะในผู้ใหญ่ ดังนี้

  • ยาในรูปยาครีม โลชัน ยาขี้ผึ้ง Triamcinolone acetonide ความเข้มข้น 0.025 ถึง 0.5% ทาลงบริเวณที่มีอาการ วันละสองถึงสี่ครั้ง

ข้อบ่งใช้สำหรับข้อต่อหัวไหล่อักเสบ เอ็นอักเสบ 

ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ 

  • Triamcinolone hexacetonide ขนาด 10 ถึง 20 มิลลิกรัม

ข้อแนะนำในการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก

  • ไม่ใช้เพื่อรักษาโรคหน้าแดง (Rosacea) ปากแตก สิว โรคผิวหนังที่มีการติดเชื้อ
  • ใช้เฉพาะกับโรคผิวหนังอักเสบที่ตอบสนองดีต่อยาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก
  • ยาอาจกดการทำงานของต่อมหมวกไต หากใช้ชนิดที่มีความแรงสูงและใช้เป็นบริเวณกว้าง ดังนั้นจึงควรหยุดใช้ยาเป็นช่วงๆ โดยทั่วไปมักใช้ติดต่อกันไม่เกิน 2 สัปดาห์
  • ไม่ควรใช้ชนิดที่มีความแรงสูงกับผิวหนังที่บาง เช่น ใบหน้า เปลือกตา ซอกพับ อวัยวะเพศ และผิวทารก รวมถึงบริเวณผิวหนังเปิด เช่น ผิวถลอก เนื่องจากผิวที่บริเวณดังกล่าวจะมีการดูดซึมยาได้มากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ในสตรีมีครรภ์ หากจำเป็นต้องใช้ยาควรเลือกชนิดที่มีความแรงต่ำจนถึงความแรงปานกลางเท่านั้น และใช้เป็นเวลาสั้นๆ
  • ก่อนใช้ยาต้องมั่นใจว่าผิวหนังบริเวณนั้นไม่เป็นโรคติดเชื้อ
  • ไม่ควรใช้ชนิดที่มีความแรงสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • ควรหลีกเลี่ยงการทายาแบบมีสิ่งปิดทับ เนื่องจากการทาแบบนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความคุ้นเคยกับการให้ยาวิธีดังกล่าว
  • การใช้ยาที่มีความแรงสูงเป็นเวลานาน หากจะลดขนาดยาควรลดอย่างช้าๆ การลดขนาดยาเร็วเกินไปอาจทำให้โรคกำเริบ

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา Triamcinolone

  • ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไป และไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด
  • หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน

ข้อควรระวังของการใช้ยา Triamcinolone

  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยมาลาเรียขึ้นสมอง
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อรา เชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียที่ยังไม่ได้รับการรักษา
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยวัณโรค
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วย ITP (Idiopathic Thrombocytopenia Purpura)
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อเริม
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไมโคซิสและเชื้อปรสิตในกระแสเลือด
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคจิตชนิดเฉียบพลัน
  • หลีกเลี่ยงการหยุดใช้ยานี้ในทันที
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหาร โรคตับแข็ง
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วย Myasthenia gravis โรคกระดูกพรุน
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคลมชัก
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไต โรคตับ
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคต้อหินหรือต้อกระจก
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือผู้ป่วยโรคหัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงอันจากการใช้ยา Triamcinolone

  • กดภูมิคุ้มกัน เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อทุติยภูมิ ความผิดปกติต่อกล้ามเนื้อ
  • ส่งผลต่อระบบประสาท ได้แก่ อาการปวดศีรษะ อาการอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ได้แก่ การแพ้ยาแบบแอแนฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลันเมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง ต้องรีบพบแพทย์ทันที มีโอกาสพบได้น้อยมาก
  • รบกวนการทำงานทางด้านจิตประสาท ประกอบด้วย อาการนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า
  • ในกรณีใช้อย่างในรูปที่สัมผัสกับดวงตา อาจส่งผลรบกวนการมองเห็น เพิ่มความดันในลูกตา เกิดต้อกระจก
  • ส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ทำให้อาหารไม่ย่อย
  • กดการทำงานของต่อมหมวกไต

แม้ว่ายาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอกจะค่อนข้างปลอดภัย และไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องการเกิดความชินต่อยาเมื่อใช้เป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้หลายอย่างโดยเฉพาะเมื่อใช้ยาที่มีความแรงสูง และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดเฉพาะที่ มีเป็นส่วนน้อยที่เกิดกับระบบภายในร่างกาย

ข้อมูลการใช้ยาในผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร

ยา Triamcinolone จัดอยู่ในยาประเภทซี (Category C) คือควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้หญิงตั้งครรภ์

สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรระวังการใช้ยาประเภท D (Category D) เพราะมีผลอันตรายต่อเด็กทารก เว้นแต่ในกรณีช่วยชีวิต หรือรักษาอาการรุนแรงที่ไม่มียาอื่นๆ ใช้แทนกันได้

ข้อมูลการเก็บรักษายา Triamcinolone

เก็บที่อุณหภูมิระหว่าง 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส ไม่เก็บในช่องแช่แข็ง ป้องกันจากแสงแดด

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลในการสั่งใช้ยา

  • แจ้งข้อมูลในกรณีที่มีการตั้งครรภ์ หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยาบางชนิดส่งผลอันตรายต่อเด็กในครรภ์ หรือสามารถขับออกทางน้ำนมได้
  • แจ้งข้อมูลที่จะส่งผลต่อการรับประทานยา เช่น มีปัญหาการกลืนลำบาก มีปัญหาด้านการมองเห็นหรืออ่านฉลากยา วิธีการรับประทานยา เพื่อแพทย์หรือเภสัชกรจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
  • แจ้งข้อมูลการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ยาที่เพิ่งรับประทานก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทาน (รวมถึงวิตามิน และสมุนไพร) ในกรณีมียาประจำตัวจำนวนมาก ให้พกยาเพื่อให้แพทย์หรือเภสัชกรช่วยตรวจสอบก่อนสั่งจ่ายยาใหม่ ไม่ให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยาที่จะได้รับใหม่ และยาเดิมที่ผู้ป่วยใช้อยู่
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา อาการแพ้ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือแพ้อาหารชนิดใดอยู่ (เนื่องจากยาบางชนิดมีส่วนประกอบของไข่ขาว นม ยีสต์) ยกตัวอย่างอาการแพ้ที่เกิดขึ้น เช่น อาการบวม เกิดผื่น หายใจลำบาก หรือใแสดงบัตรแพ้ยาแก่แพทย์และเภสัชกรก่อนเข้าใช้บริการสุขภาพทุกครั้ง

ยา Triamcinolone เป็นยาอันตรายที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะยาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้

หากคุณมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยานี้ รวมถึงอาการผิดปกติอื่นๆ ควรไปพบแพทย์เป็นอันดับแรก เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการและสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top