chia seed healthy grain scaled

เมล็ดเจีย ธัญพืชสารพัดประโยชน์

เมล็ดเจีย หรือที่หลายคนสับสนกันว่าเป็นเม็ดแมงลัก เป็นธัญพืชสารพัดประโยชน์ที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังมีโอเมกา 3 สูง อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ดีต่อระบบขับถ่าย มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟัน และช่วยบำรุงสุขภาพผิว 

มีคำถามเกี่ยวกับ เมล็ดเจีย? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

เมล็ดเจียเป็นเมล็ดธัญพืชขนาดเล็ก มีเปลือกนอกที่พองตัวได้เหมือนเม็ดแมงลัก จัดเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับมินต์หรือกะเพรา  โดยถิ่นกำเนิดมาจากบริเวณตอนกลางและตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก รวมถึงประเทศกัวเตมาลา ปัจจุบันนิยมปลูกกันมากในทวีปอเมริกา ส่วนในไทยมักปลูกที่จังหวัดลำปางและจังหวัดกาญจนบุรี 

สารอาหารในเมล็ดเจีย

ในเมล็ดเจียประมาณ 28 กรัม หรือราว ๆ 2 ช้อนโต๊ะครึ่ง จะให้พลังงานประมาณ 137 กิโลแคลอรี แยกเป็น 

แบ่งส่วนประกอบได้ดังนี้

  • คาร์โบไฮเดรต 12.3 กรัม
  • โปรตีน 4.4 กรัม
  • ใยอาหาร 10.6 กรัม
  • ไขมันทั้งหมด 8.6 กรัม (แบ่งเป็นไขมันอิ่มตัว 0.9 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.6 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 6.5 กรัม)
  • แคลเซียม 177 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 265 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 44.8 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 5.3 มิลลิกรัม
  • สังกะสี 1.0 มิลลิกรัม
  • ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม
  • แมงกานีส 10.6 กรัม
  • น้ำ 1.4 กรัม
  • โอเมก้า 3 สูงกว่าปลา 8 เท่า (หากเทียบที่น้ำหนักเท่ากัน)

ประโยชน์ของเมล็ดเจียต่อสุขภาพ

มีไฟเบอร์สูง ดีต่อลำไส้ ท้องไม่ผูก
ใครที่มีปัญหากับระบบขับถ่าย เมล็ดเจียช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะเมล็ดเจียนั้นมีกากใยหรือไฟเบอร์สูง และไฟเบอร์ประมาณ 20% เป็นชนิดดูดซึมง่าย การกินเมล็ดเจียจึงดีต่อระบบลำไส้และระบบขับถ่าย ช่วยแก้อาการท้องผูก และดูดซึมสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้   

กินนิดเดียวก็อิ่มนาน
เมล็ดเจียเป็นธัญพืชช่วยลดน้ำหนักได้อย่างดี เพราะเต็มไปด้วยใยอาหารที่ดูดซึมของเหลวต่าง ๆ ได้อย่างดี โดยก่อนกินให้นำเมล็ดเจียไปแช่ในเครื่องดื่มต่าง ๆ เมล็ดเจียจะดูดซึมของเหลวเหล่านั้นและไปพองตัวในกระเพาะอาหาร ทำให้อิ่มเร็ว และกินอาหารอื่นได้น้อยลง 

นอกจากนี้ เมล็ดเจียยังมีใยอาหารเยอะ กระเพาะอาหารจะค่อยย่อยอย่างช้า ๆ ทำให้อิ่มนาน ไม่ค่อยอยากอาหาร และเมล็ดเจียยังมีคุณค่าสารอาหารหลายอย่าง จึงช่วยลดการกินจุบจิบลงได้ เพราะสาเหตุของการกินจุบจิบส่วนหนึ่งมาจากการที่ร่างกายได้รับสารอาหารต่าง ๆ ไม่เพียงพอ

มีโอเมกาสูง
โอเมกา 3 ไม่ได้อยู่แค่ในปลาเท่านั้น แต่ยังพบในเมล็ดเจียด้วย ถ้าเทียบในปริมาณที่เท่ากัน เมล็ดเจียนั้นมีโอเมกา 3 สูงกว่าปลาถึง 8 เท่า แต่เมล็ดเจียย่อยยากกว่าปลา ก่อนกินจึงควรบดให้ละเอียดก่อน เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดี

โอเมกา 3 ในเมล็ดเจียนั้นมีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการติดเชื้อที่บาดแผล ทำให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น ไม่เป็นแผลเรื้อรัง และช่วยบรรเทาอาการเจ็บแผล นอกจากนี้ โอเมกา 3 ยังช่วยปรับสมดุลระบบไหลเวียนโลหิต ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เร่งการเผาผลาญให้ดีขึ้น และยังช่วยบำรุงสมองให้ความจำดี  

ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแร็ง
เมล็ดเจียมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโปรตีน จึงช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกบางได้

ส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เมล็ดเจียช่วยชะลอการทำงานของระบบย่อยอาหาร จึงช่วยเรื่องการควบคุมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ซึ่งลดโอกาสการเกิดอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน 

ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอ
เมล็ดเจียมีโปรตีนและฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารเหล่านี้ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อหรือกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ  

ช่วยให้อารมณ์ดี
เมล็ดเจียมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งคล้ายกับที่มีอยู่ในนม พอกินเข้าไปก็จะช่วยคุมความอยากอาหาร ทำให้นอนหลับสนิท และช่วยให้อารมณ์คงที่  

ช่วยลดปัญหาผิว สิวอุดตัน ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง
ใครที่ชอบกินอาหารหวาน ๆ มัน ๆ จนเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน ผิวหมองคล้ำไม่หายสักที การกินเมล็ดเจียช่วยได้ เพราะมีสรรพคุณช่วยลดไขมันส่วนเกิน นอกจากนี้ เมล็ดเจียยังมีแร่ธาตุสังกะสีที่ต่อสุขภาพผิว โดยช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวเรียบตึง ดูอ่อนเยาว์ รวมถึงมีแมกนีเซียมที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต จึงช่วยให้ ผิวดูเปล่งปลั่งเป็นธรรมชาติ 

ข้อควรระวังและโทษในการกินเมล็ดเจีย

ถึงประโยชน์ของเมล็ดเจียจะมีมากมาย ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย แต่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางคนและอาจทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้หากทานไม่เหมาะสม

  • อาจทำให้ท้องผูก เนื่องจากเมล็ดเจียดูดซับน้ำได้มาก หากทานเม็ดเจียที่ยังไม่พองเต็มที่ แล้วไม่ทานน้ำตามมากๆ จะทำให้เม็ดเจียดูดน้ำในทางเดินอาหารจนทำให้ท้องผูกและขับถ่ายยากได้ ควรทานน้ำให้เยอะเสมอ หรือทำให้เมล็ดเจียพองน้ำก่อนทาน
  • ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เพราะเมล็ดเจียจะทำให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ และหลอดเลือดบางลง ดังนั้นการกินเมล็ดเจียเมื่อต้องผ่าตัดหรือเข้ารับการทำศัลยกรรมจึงอาจทำให้เกิดปัญหาเลือดไหลไม่หยุดตามมาได้ ซึ่งก็เป็นอันตรายมากทีเดียว
  • อันตรายต่อทารก เมล็ดเจีย อาจส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อเด็กทารกได้ ดังนั้นคุณแม่ที่ให้นมบุตร จึงไม่ควรทานเมล็ดเจียอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสารอาหารในเมล็ดเจียจะส่งผ่านไปสู่ลูกน้อยผ่านทางน้ำนมได้
  • ส่งผลให้ความดันต่ำลง การกินเมล็ดเจียอาจเป็นผลดีต่อผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง แต่ในคนที่ความดันต่ำไม่ควรกินเมล็ดเจียอย่างเด็ดขาด เพราะจะไปลดความดันให้ต่ำลงกว่าเดิม ซึ่งไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นใครที่มีปัญหาความดันโลหิตต่ำ จึงควรหลีกเลี่ยงเมล็ดเจียอย่างเด็ดขาด
  • ทำให้ท้องอืด แน่นท้อง เมื่อกินเมล็ดเจียมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง และเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เพราะเมล็ดเจียจะขยายตัวขึ้นอีกประมาณ 25% เมื่ออยู่ในกระเพาะอาหาร จึงทำให้ย่อยไม่ทันและเกิดอาการท้องอืดได้นั่นเอง

กลุ่มคนที่ต้องระวังในการทานเม็ดเจีย

  • คนที่กระเพาะอาหารและระบบลำไส้มีปัญหา คนที่มีปัญหาเรื่องแก๊สในกระเพาะอาหารหรือเป็นกรดไหลย้อน การกินเมล็ดเจียจะยิ่งทำให้อาการหนักกว่าเดิม เพราะเมื่อย่อยลงไปในกระเพาะอาหารแล้ว เมล็ดเจียจะขยายตัวมากกว่าปกติได้ถึง 25% และไปกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างน้ำย่อยออกมามากกว่าเดิม ส่งผลให้อาการกรดไหลย้อนหนักขึ้น
  • คนที่ต้องเข้ารับการศัลยกรรม คนที่ต้องทำศัลยกรรม รวมถึงคนที่ใช้ยาแอสไพรินและยาละลายลิ่มเลือด ควรงดกินเมล็ดเจีย เพราะเมล็ดเจียจะยิ่งทำให้หลอดเลือดบาง และส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ ถ้ามีบาดแผล เลือดก็จะไม่หยุดไหล
  • คนที่มีความดันเลือดต่ำ คนที่เป็นความดันต่ำไม่ควรกินเมล็ดเจีย เพราะเมล็ดเจียจะส่งผลต่อแรงดันเลือดในขณะที่หัวใจคลายตัว ซึ่งเป็นช่วงที่ความดันเลือดต่ำ ให้ยิ่งต่ำลงไปอีก อาจทำให้ช็อก หน้ามืด หรือเป็นลมได้
  • คนที่กำลังตั้งครรภ์ คนที่กำลังตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรกินเมล็ดเจีย เพราะสารอาหารในเมล็ดเจียมีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต และอาจส่งผลกระทบต่อเด็กในท้องได้

แม้ว่าเมล็ดเจียจะอุดมไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย แต่การกินแบบผิด ๆ ก็นำอันตรายมาให้ได้เหมือนกัน เราจึงต้องกะปริมาณการกินเมล็ดเจียให้พอดี และที่สำคัญคือไม่ควรกินแทนอาหารมื้อหลักด้วย


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเมล็ดเจีย

เมล็ดเจียกินตอนไหน ดีที่สุด

เมล็ดเจียสามารถทานได้ตลอดทั้งวัน แต่การเลือกเวลาทานสามารถขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคุณ

  1. ทานตอนเช้า: การทานเมล็ดเจียในตอนเช้าสามารถเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี เนื่องจากเมล็ดเจียมีไฟเบอร์และโปรตีนสูง ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานและสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ หากทานกับน้ำหรือใส่ในสมูทตี้ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มพลังงานช่วงเช้า
  2. ทานก่อนออกกำลังกาย: เมล็ดเจียมีคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ย่อยช้า ซึ่งสามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ดีระหว่างการออกกำลังกาย หากทานก่อนออกกำลังกาย 30-60 นาที จะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอในระหว่างการฝึก
  3. ทานตอนเย็นหรือก่อนนอน: เมล็ดเจียสามารถช่วยในเรื่องการนอนหลับ เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 และแมกนีเซียมซึ่งช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและส่งเสริมการนอนหลับ หากทานเมล็ดเจียในตอนเย็น ควรทานร่วมกับของหวานหรือโยเกิร์ต

หากคุณใช้เมล็ดเจียเพื่อบรรเทาอาการท้องผูก หรือช่วยในการย่อยอาหาร การทานพร้อมน้ำในช่วงเช้าเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไฟเบอร์ในเมล็ดเจียจะดูดน้ำและช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

มีคำถามเกี่ยวกับ เมล็ดเจีย? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะเลือกทานตอนไหน อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ ถ้าดื่มน้ำไม่พออาจทำให้ท้องผูกได้

เมล็ดเจียกินทุกวันได้ไหม

เมล็ดเจียสามารถทานทุกวันได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมันเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ไฟเบอร์, โปรตีน, กรดไขมันโอเมก้า-3, แคลเซียม, และแร่ธาตุอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพ

เมล็ดเจียกินได้แค่ไหนถึงดีต่อสุขภาพ

เมล็ดเจียกินได้ทุกช่วงวัย โดยปกติแล้วการทานเมล็ดเจียไม่ควรเกิน 15-30 กรัม ต่อวัน (ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ) สำหรับคนทั่วไป

การกินเมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ จะกินตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ หรืออาจกินเรื่อยๆ ตลอดวัน โดยให้นำเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว แช่ไว้ประมาณ 10-15 นาทีก็นำมาดื่มได้เลย

หากคุณมีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ปัญหาความดันต่ำ ตั้งครรภ์ โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

กินเมล็ดเจียก่อนนอน ได้ไหม

ทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม ควรทานเป็นเครื่องดื่มเบาๆ ช่วยให้หลับสบายขึ้น เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 และแมกนีเซียมซึ่งช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและส่งเสริมการนอนหลับ

วิธีกินเมล็ดเจียลดน้ำหนัก ควรกินอย่างไร

เมล็ดเจีย ไม่ได้ทำให้น้ำหนักลดโดยตรง แต่ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหารมื้อหลักลงได้ เมื่อกินได้น้อยลงก็ทำให้น้ำหนักลดลง

การทานเม็ดเจีย แนะนำให้การแช่เมล็ดเจียในน้ำ นมหรือโยเกิร์ตก่อนทาน ประมาณ 15-20 นาที หรือทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้เมล็ดเจียดูดซับน้ำและขยายตัว กลายเป็นเจลหนืด ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นและลดการทานอาหารมากเกินไป

คำแนะนำในการทานเม็ดเจียให้มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก

  • ทานร่วมกับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง: เช่น ผลไม้, ผัก หรือธัญพืชเพื่อเพิ่มการอิ่มและกระตุ้นการย่อยอาหาร เช่น เมล็ดเจียในสมูทตี้, โยเกิร์ต, หรือข้าวโอ๊ต
  • เพิ่มเมล็ดเจียในน้ำผลไม้: หากต้องการเพิ่มความอิ่มโดยไม่รู้สึกหนักท้อง ให้ลองเพิ่มเมล็ดเจียในน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่คุณชอบ
  • เมล็ดเจียในสลัด: สามารถโรยเมล็ดเจียลงในสลัดเพื่อเพิ่มความอิ่มหรือใส่ในซุป ซึ่งจะทำให้คุณได้รับประโยชน์จากไฟเบอร์และกรดไขมันดี
  • กินก่อนมื้ออาหาร: เมล็ดเจียสามารถกินก่อนมื้ออาหารเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและลดการทานอาหารเกินความจำเป็น

หากทำได้ต่อเนื่อง จะช่วยให้ร่างกายอิ่มกำลังดี ไม่อดอาหาร สารอาหารครบถ้วน ได้รับพลังงานน้อยลง ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญ ควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้อยู่ท้องและไม่ทำให้ท้องผูกจากการดูดซับน้ำของเม็ดเจีย

ทั้งนี้หากต้องการให้เมล็ดเจียพองตัวเร็วขึ้น แนะนำให้แช่ในน้ำอุ่น และใช้ช้อนคนเรื่อยๆ จะทำให้เมล็ดเจียพองตัวได้เร็วกว่าเดิม โดยนอกจากแช่ในน้ำเปล่าแล้ว เมล็ดเจียก็สามารถแช่ในเครื่องดื่มชนิดอื่นได้อีกด้วย เช่น น้ำผลไม้ นม ชา กาแฟ น้ำเต้าหู้ และน้ำหวาน เป็นต้น แต่อาจใช้เวลาในการแช่นานขึ้น ประมาณ 15-20 นาที

การกินเมล็ดเจียเพื่อลดน้ำหนัก ก็สามารถแช่ในเครื่องดื่มชนิดอื่น นอกเหนือจากน้ำเปล่าได้อีกด้วย เช่น นมจืด น้ำผลไม้คั้นเองไม่ใส่น้ำตาล หรือจะแช่ในโยเกิร์ตกินแทนอาหารเช้าก็ได้เหมือนกัน

กินเมล็ดเจียแล้วท้องอืด แก้อย่างไร

เมล็ดเจียนั้นกินได้ทั้งแบบแห้งและแบบแช่น้ำ หลายคนที่กินแบบแห้งจึงมักประสบปัญหาท้องผูก ส่วนคนที่กินแบบแช่น้ำก็จะรู้สึกท้องอืด เพราะเมล็ดเจียจะขยายตัวจากการดูดซับน้ำ แม้จะกินน้อย แต่ก็อิ่มนาน ท้องเลยพาลอืดไปด้วย ดังนั้น ถ้าเพิ่งเริ่มกินเมล็ดเจียครั้งแรก ควรลองกินแค่ 2-3 ช้อนชาต่อครั้ง เพื่อทดสอบดูก่อนว่าร่างกายรับได้ที่ปริมาณเท่าไร จะได้ไม่ต้องทรมานกับอาการท้องอืด 

วิธีกินเมล็ดเจียไม่ให้ท้องอืด 

  1. ควรกะปริมาณให้ดี ๆ เริ่มจากแช่เมล็ดเจียในน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง ราว ๆ 15 นาที เพื่อให้เมล็ดขยายตัว  
  2. ถ้าอยากดื่มกับของร้อน เช่น กาแฟ น้ำอุ่น ให้แช่ไว้แค่ 10 นาทีก็พอ  
  3. ถ้าดื่มพร้อมน้ำเย็น ควรแช่ไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนดื่ม 
  4. ถ้ากินเมล็ดเจียกี่ครั้งก็ยังมีอาการท้องผูก แนะนำให้กินเม็ดแมงลัก หรือธัญพืชอย่างอื่นแทน  

เมล็ดเจียกับเมล็ดแมงลัก แตกต่างกันอย่างไร 

คนรักสุขภาพและคนที่ควบคุมน้ำหนักคงจะรู้จักทั้งเมล็ดเจียและเม็ดแมงลัก ทั้งคู่ต่างก็มีความพิเศษร่วมกันหนึ่งข้อคือ การพองตัวหลังแช่น้ำ โดยเมล็ดเจียจะพองตัวเป็นสีใส ๆ ส่วนเม็ดแมงลักพองตัวแล้วมีเมือกสีขาวขุ่น

นอกจากนี้ เมล็ดเจียและเม็ดแมงลักยังมีคุณสมบัติอีกหลายข้อที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นราคา หรือความนิยมที่กำลังเทไปทางฝั่งเมล็ดเจีย พอเป็นแบบนี้ หลายคนก็อาจสงสัยว่าธัญพืชชนิดไหนดีต่อสุขภาพมากกว่า

รูปร่างของเมล็ดเจียและเมล็ดแมงลัก

  • เมล็ดเจียมีรูปร่างมน สีขาวและเทาปนกันเป็นเฉดสี บางครั้งสีก็จะออกเป็นโทนดำ เปลือกหุ้มไม่เรียบ และมีลวดลาย
  • เม็ดแมงลักจะมีรูปร่างรี สีดำเข้มเหมือนงา และเปลือกหุ้มเมล็ดไม่มีลวดลาย

สรรพคุณของเมล็ดเจียและเมล็ดแมงลัก

  • เมล็ดเจียมีราคาแพงกว่าเม็ดแมงลัก มีสารอาหารสำคัญอยู่มาก ให้พลังงานสูงแต่แคลอรีต่ำ สามารถกินเป็นมื้อหลักได้
  • เม็ดแมงลักราคาต่ำกว่า กินแล้วไม่ให้พลังงาน สรรพคุณสำคัญคือ คนมักใช้เป็นยาระบาย เพราะมีกากใยสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และช่วยให้อิ่มได้นานเหมือนเมล็ดเจีย แต่ไม่สามารถนำมากินเป็นมื้อหลักได้

เมล็ดเจีย กินกับอะไรดี 

เมล็ดเจียกินได้โดยไม่ต้องปรุงให้สุก สามารถกินเดี่ยว ๆ หรือกินร่วมกับอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น

  • แพนเค้กเมล็ดเจีย เมนูขนมที่มีไข่ไก่และแป้งสาลีเป็นส่วนประกอบหลัก ผสมด้วยเมล็ดเจีย เสิร์ฟคู่กับผลไม้สด ราดซอสจากสตรอว์เบอร์รี หรือซอสอื่น ๆ ตามชอบ
  • พุดดิ้งเมล็ดเจีย ของหวานเย็นชื่นใจ เป็นนมสดผสมกับเนื้อผลไม้ โรยหน้าด้วยเมล็ดเจีย พร้อมเจลาตินช่วยให้พุดดิ้งเซ็ตตัว แช่เย็นเก็บไว้กินเป็นมื้อว่างได้
  • น้ำเมล็ดเจีย นำเมล็ดเจียผสมน้ำ ปริมาณไม่มากเกินไป เพราะเมล็ดเจียจะพองตัวมากกว่าเดิมหลายเท่า เพียงเท่านี้ก็ได้เครื่องดื่มสายคลีนแล้ว

เมล็ดเจีย หาซื้อได้ที่ไหน

ในปัจจุบัน โลกออนไลน์เป็นช่องทางที่หาซื้อเมล็ดเจียได้ง่าย แถมราคาก็ไม่แตกต่างกันมากเท่าไร แต่ถ้าอยากเลือกเองกับมือและไม่รอนาน สามารถหาซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ได้

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มกิน ลองซื้อในปริมาณที่น้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยเพิ่มปริมาณให้เยอะขึ้นในภายหลัง

มีคำถามเกี่ยวกับ เมล็ดเจีย? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ