ตับเป็นอวัยวะสำคัญที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในช่องท้อง มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะช่วยย่อยอาหารและกำจัดสารพิษ เมื่อตับหยุดทำงานกะทันหันหรือ “ตับวายเฉียบพลัน” อาจทำให้ตับและอวัยวะอื่นได้รับความเสียหาย และมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง HDmall ชวนทุกคนมาเข้าใจภาวะน่ากลัวนี้ให้มากขึ้น เพื่อให้เราสามารถป้องกันและรับมือได้อย่างถูกวิธี
มีคำถามเกี่ยวกับ ตับวาย? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ
สารบัญ [show]
ภาวะตับวายเฉียบพลัน คืออะไร
ภาวะตับวายเฉียบพลัน (Acute Liver Failure: ALF) เป็นภาวะที่เซลล์ตับได้รับความเสียหายมากจนไม่สามารถฟื้นฟูได้เป็นปกติ ทำให้ตับหยุดทำงานอย่างกะทันหัน นอกจากสร้างความเสียหายให้ตับเองแล้ว ยังส่งผลให้อวัยวะอื่นได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ภาวะนี้พบได้ไม่บ่อย แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
สาเหตุของตับวายเฉียบพลัน เกิดจากอะไร
สาเหตุพบได้บ่อยของภาวะตับวายเฉียบพลัน ได้แก่
- การรับประทานยาเกินขนาด เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด หลัก ๆ แล้วจะเป็นยากลุ่มอะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) หรือพาราเซตามอล (Paracetamol) ที่รู้จัก รวมถึงอาจเกิดได้จากยาปฏิชีวนะ ยาแก้อักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ยาต้านเศร้า ยาต้านเชื้อรา และยารักษาโรคลมชัก ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ตับ
- อาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิด การรับประทานอาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิดเป็นปริมาณมากติดต่อกัน อาจทำให้เกิดตับวายเฉียบพลันได้
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus) และไวรัสอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซี และอี การติดเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส (Cytomegalovirus: CMV) หรือการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีซิมเพลกซ์ (Herpes Simplex Virus) ที่ก่อให้เกิดโรคเริม
- การได้รับสารพิษ เช่น สารพิษจากเห็ดระโงกพิษ (Amanita Phalloides) สารทำความเย็น และสารเคมีในอุตหกรรมอื่น ๆ
- ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Diseases) เป็นภาวะที่ทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติไป เช่น โรควิลสัน (Wilson’s Disease) ภาวะตับคั่งไขมันหรือไขมันพอกตับเฉียบพลัน
- โรคของหลอดเลือดในตับ การอุดตันในหลอดเลือดอาจทำให้เกิดการขาดเลือดหรือเลือดไปเลี้ยงตับได้น้อยลง อาจทำให้เกิดภาวะตับวายเฉียบพลันได้
- โรคมะเร็งในระยะแพร่กระจาย มะเร็งจากอวัยวะอื่น ๆ สามารถลุกลามไปที่ตับ เป็นสาเหตุให้ตับวายเฉียบพลันได้
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติกับอวัยวะต่าง ๆ ได้
อาการตับวายเฉียบพลัน เป็นแบบไหน
คนส่วนมากมักตรวจเจอภาวะตับวายเฉียบพลันจากค่าตับที่สูงขึ้นตอนไปตรวจสุขภาพ โดยอาการที่บ่งบอกถึงภาวะตับวายเฉียบพลัน ได้แก่ จุกแน่นใต้ชายโครงด้านขวา รู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลียคล้ายเป็นหวัด คลื่นไส้ ท้องเสีย
เมื่ออาการรุนแรงมากขึ้น อาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลืองหรือดีซ่าน อาเจียนเป็นเลือด ช้ำหรือเกิดเลือดออกได้ง่าย ท้องมานหรือพุงใหญ่คล้ายตั้งครรภ์จากน้ำในช่องท้อง รู้สึกสับสน ซึม และหมดสติ หากเกิดอาการรุนแรงเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการอาจเกิดได้รวดเร็วจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
มีคำถามเกี่ยวกับ ตับวาย? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ
ไม่อยากเสี่ยงตับวาย ตรวจเช็กสุขภาพตับได้ที่ HDmall.co.th หาแพ็กเกจอัลตราซาวด์ช่องท้อง ดูความผิดปกติตับ หรือแพ็กเกจตรวจสุขภาพตับอื่น ๆ คลิกเลย จองได้ก่อนในราคาโปรโมชั่น แถมได้ส่วนลดเพิ่มทุกครั้งที่จองแพ็กเกจอื่น อยากให้แอดมินแนะนำแพ็กเกจให้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แชทเลย
การวินิจฉัยตับวายเฉียบพลัน แพทย์ตรวจอะไรบ้าง
ขั้นแรกจะต้องมีการสอบถามประวัติ และตรวจร่างกาย เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงและประเมินความรุนแรงของภาวะตับวายเฉียบพลัน เช่น ประวัติการใช้ยา การสัมผัสสารเคมี ความเสี่ยงในการติดเชื้อ โรคประจำตัว และอาการผิดปกติที่บ่งบอกถึงภาวะตับวายเฉียบพลัน นอกจากนี้ แพทย์จะมีการตรวจด้านอื่นเพิ่มเติมร่วมด้วย เช่น
- การตรวจเลือด เพื่อดูว่าตับทำงานได้ดีหรือไม่ โดยการทดสอบระดับการแข็งตัวเลือด และวัดค่าเอนไซม์ตับต่าง ๆ
- การดูภาพถ่ายทางรังสีวิทยา เช่น การอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) และการถ่ายภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูโครงสร้างของตับและหาสาเหตุของการเกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน
- การเจาะชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy) มักใช้ในกรณีที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้แน่ชัด โดยแพทย์จะนำตัวอย่างของเนื้อตับบางส่วนออกมาตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน
ภาวะตับวายเฉียบพลัน เป็นแล้วรักษาได้ไหม
ตับวายเฉียบพลันเป็นภาวะรุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ผู้ป่วยมักต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าระวังอาการและภาวะแทรกซ้อน โดยการรักษาภาวะตับวายเฉียบพลัน แพทย์จะรักษาตามอาการและสาเหตุ เช่น
- ตับวายเฉียบพลันจากการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด แพทย์จะให้ยาต้านพิษหรือถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal) เพื่อลดการดูดซึมตัวยาเข้าสู่ร่างกาย
- ตับวายเฉียบพลันจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แพทย์จะให้ยาต้านไวรัสตัวอักเสบบี
- ตับวายเฉียบพลันจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง แพทย์จะให้ยาลดการอักเสบหรือยากดภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วย
หากตับเสียหายหนักมากจนไม่สามารถรักษาได้ หรือรักษาแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับการปลูกถ่ายตับ และมีการใช้เครื่องพยุงการทำงานของตับ (Liver Support Device) ระหว่างรอการปลูกถ่ายตับจนกว่าจะหาตับที่เข้ากันได้กับผู้ป่วย
ป้องกันภาวะตับวายเฉียบพลัน ได้อย่างไร
ตับวายเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่รู้ตัว ยิ่งในกลุ่มผู้ไม่เคยพบโรคตับมาก่อน ยิ่งต้องหมั่นสังเกตอาการตัวเอง การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะนี้ เช่น ไม่รับประทานยาเกินปริมาณ หลีกเลี่ยงการใช้อาหารเสริมและสมุนไพรโดยไม่จำเป็น หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง คนที่ไม่มีภูมิต้านต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี และพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อย่างการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
มีคำถามเกี่ยวกับ ตับวาย? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ