ก้อนเนื้อที่เต้านม และซีสต์เต้านม เป็นความผิดปกติที่พบได้ในคนทั่วไป แต่จะพบได้บ่อยในผู้หญิง โดยหากพบความผิดปกติแล้ว หนึ่งในทางเลือกในการรักษาหลักคือการผ่าตัดเต้านม แต่เทคนิคการผ่าตัดก็มีหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีขั้นตอน ข้อดี ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน หากคุณเป็นหนึ่งคนที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกรักษาด้วยวิธีไหนดี จะเหมาะกับคุณมากที่สุด เราจะมาเปรียบเทียบความต่างให้ทราบกัน
เปรียบเทียบก้อนที่เต้านมกับซีสต์เต้านม ต่างกันอย่างไร อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย
สารบัญ
คลำพบก้อนเต้านม ต้องผ่าตัดเลยไหม?
หลายคนที่คลำพบก้อนบริเวณเต้านม อาจรู้สึกกังวลใจ ไม่รู้ว่าต้องรักษาอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ก็กลัวว่าจะลุกลามเป็นมะเร็งเต้านมในอนาคต แต่จริงๆ แล้ว ก้อนที่พบบริเวณเต้านมอาจไม่ร้ายแรง และไม่จำเป็นต้องเสมอไป
หากก้อนที่พบเป็น เนื้องอกในเต้านม โดยส่วนใหญ่จะเป็น เนื้องอกเต้านมชนิดปกติ (Fibroadenoma) ซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งเต้านม จึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออกเสมอไป แต่บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดก้อนเนื้อออก ในขณะที่ก้อนยังมีขนาดเล็ก เพื่อที่แผลผ่าตัดจะได้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และระยะการพักฟื้นจะสั้นกว่า
หากก้อนที่พบเป็น ซีสต์เต้านม (Breast Cyst) หรือ ถุงน้ำในเต้านม โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากร่างกายของผู้หญิงเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ โดยจะเกิดขึ้นในทุกๆ เดือน เมื่อไม่เกิดการปฏิสนธิ และมีประจำเดือน ถุงน้ำก็จะค่อยๆ ยุบลงไปเอง แต่หากถุงน้ำบางถุงยุบไม่หมด ก็ทำให้เกิดซีสต์ที่เต้านมได้
สำหรับผู้ที่รู้สึกกังวลใจ ต้องการรักษาแต่ไม่อยากผ่าตัด ก็ยังมีวิธีอื่นๆ นอกเหนือจากการผ่าตัดที่ช่วยรักษาก้อนเนื้อหรือซีสต์เต้านมได้เช่นกัน
5 วิธีรักษาเนื้องอกและซีสต์เต้านม แบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด อ่านต่อคลิก
เมื่อไหร่ต้องผ่าตัดเนื้องอกเต้านม
ส่วนใหญ่หากแพทย์ประเมินแล้วว่า เนื้องอกเต้านมหรือถุงน้ำเต้านมที่พบไม่เป็นอันตราย ก็มักแนะนำให้ตรวจติดตามเป็นระยะ เช่น ทุกๆ 1-2 ปี เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
แต่หากพบสัญญาณดังต่อไปนี้ มักจะแนะนำให้ทำการผ่าตัดรักษา
- ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หรือรูปร่างมีการเปลี่ยนแปลงไป
- ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม. ขึ้นไปในคนที่อายุไม่เกิน 30 ปี หรือมีขนาดใหญ่เกิน 3 ซม. ขึ้นไป ในคนที่อายุมากกว่า 30 ปี
- เจ็บตรงก้อนเนื้อ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
เปรียบเทียบ 3 เทคนิคการผ่าตัดเนื้องอกเต้านม ซีสต์เต้านม วิธีไหนเหมาะที่สุด
การผ่าตัดรักษาเนื้องอกเต้านม หรือซีสต์เต้านม ปัจจุบัน มี 3 เทคนิคหลักๆ คือ การผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบเปิด การผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบส่องกล้อง และการผ่าตัดเต้านมผ่านเข็ม ด้วยเครื่องเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศ (VAE)
1. การผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบเปิด (Wide Excision)
เป็นการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมมาตรฐาน สามารถรักษาเนื้องอกเต้านมได้ทุกขนาด และทุกรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้เทคนิคนี้ในก้อนเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตรขึ้นไป เป็นมะเร็งเต้านม หรือยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่
การผ่าตัดเต้านมแบบสามารถ ผ่าตัดโดยระงับความรู้สึกด้วยยาชา หรือ ผ่าตัดโดยระงับความรู้สึกด้วยยาสลบ ก็ได้ กรณีที่ก้อนมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แพทย์มักแนะนำให้ใช้ยาสลบ
ขั้นตอนการผ่าตัดเต้านมแบบเปิด
แพทย์จะใช้ยาชาหรือยาสลบเพื่อระงับความรู้สึกของผู้ป่วย แล้วกรีดเปิดผิวหนัง ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตรขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้องอก โดยจะเลือกบริเวณที่ซ่อนรอยแผลได้ดีที่สุด เช่น บริเวณใต้ลานนม หรือบริเวณขอบล่างของเต้านม
จากนั้นจะใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดรวมทั้งห้ามเลือดไปพร้อมๆ กัน ค่อยๆ ตัดเลาะนำเนื้องอกออกมาทั้งก้อน และอาจเลาะเนื้อเยื่อปกติที่อยู่รอบๆ ออกมาด้วย
ทั้งนี้หากก้อนเนื้องอกนั้นเป็นมะเร็ง หรือมีโอกาสเป็นมะเร็ง และแพทย์วินิจฉัยว่าควรผ่าตัดต่อมน้ำเหลือง ก็สามารถผ่าตัดพร้อมกันได้ทันที โดยแบ่งได้ 2 กรณีคือ
1.1 กรณีที่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะ 0 หรือระยะที่ 1
แพทย์อาจแนะนำให้ ผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้า ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล หรือ กรณีที่ประเมินแล้วว่าสามารถตัดเลาะก้อนเนื้อออกได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด ก็จะแนะนำให้ ผ่าตัดเต้านมออกเพียงบางส่วน ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล แทน เพื่อรักษารูปทรงเต้านมเดิมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล เป็นต่อมน้ำเหลืองต่อมแรกที่มะเร็งเต้านมจะแพร่กระจายมา ดังนั้นการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองต่อมนี้ออก ก็จะช่วยลดโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองต่อมอื่นๆ ลงได้
1.2 กรณีที่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
หมายถึงเซลล์มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ ผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้า ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออกทั้งหมด และเช่นเดียวกัน หากแพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถตัดเลาะก้อนเนื้องอกได้ อาจแนะนำให้ ผ่าตัดเต้านมออกเพียงบางส่วน ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออกทั้งหมด ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น
นอกจากนี้ ยังมีบางกรณีที่ผู้ป่วยต้องการ ผ่าตัดเนื้องอกเต้านม พร้อมเสริมเต้านม ด้วย เพื่อเสริมความมั่นใจ ให้เต้านมกลับมามีรูปร่างใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และการวินิจฉัยจากแพทย์ด้วย
รู้จักกับการผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมดและเสริมสร้างเต้านมใหม่ มีวิธีไหนบ้าง ตัดเนื้องอกออกแล้วเสริมหน้าอกได้ทันทีเลยไหม? คลิกอ่านต่อ
ข้อดีของการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบเปิด
- เป็นการผ่าตัดมาตรฐาน สามารถรักษาก้อนเนื้องอกได้ทุกขนาด ทุกรูปแบบ
- ขั้นตอนการผ่าตัดไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน
- สามารถผ่าตัดได้ทั้งภายใต้การใช้ยาชา และยาสลบ
- ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดไม่สูง เมื่อเทียบกับเทคนิคอื่นๆ
ข้อจำกัดของการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบเปิด
- แผลผ่าตัดขนาดใหญ่กว่าการผ่าตัดรูปแบบอื่น
- อาจรู้สึกเจ็บแผลมากกว่า
- มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากกว่า เพราะแผลผ่าตัดมีขนาดใหญ่กว่ารูปแบบอื่นๆ
- ระยะเวลาพักฟื้นจนกว่าจะใช้ชีวิตได้ตามปกติประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งนานกว่าเทคนิคอื่นๆ
2. การผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบส่องกล้อง (Endoscopic Breast Surgery)
เป็นการผ่าตัดที่พัฒนามาจากการผ่าตัดแบบเปิด โดยจะมีการใช้เครื่องมือพิเศษในการผ่าตัด ทำให้แผลมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย และซ่อนรอยแผลผ่าตัดได้ดีกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
การผ่าตัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้องอกหรือซีสต์เต้านม ซึ่งอาจเป็นหรือไม่เป็นมะเร็งเต้านมก็ได้ แต่หากเป็นมะเร็งเต้านม ต้องอยู่ในช่วงระยะที่ 0-3 (มะเร็งเต้านมระยะที่ 3 คือ ขนาดก้อนใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร มีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ แต่ยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น)
หากอยู่ในระยะที่ 4 คือ มะเร็งมีการแพร่กระจาย ลุกลามมายังผิวหนัง หัวนม หรือลานนม จะไม่สามารถผ่าตัดด้วยวิธีนี้ได้
ขั้นตอนการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบส่องกล้อง
แพทย์จะใช้ยาสลบเพื่อระงับความรู้สึกของผู้ป่วย แล้วกรีดเปิดผิวหนัง ขนาดไม่เกิน 3-4 เซนติเมตร บริเวณใต้รักแร้ หรือฐานหัวนม
จากนั้นใช้อุปกรณ์ผ่าตัดที่มีกล้องเอนโดสโคป (Endoscope) ขนาดเล็ก ติดอยู่ที่ส่วนปลาย สอดเข้าไปผ่าตัดเอาเนื้องอกเต้านมออก ซึ่งภาพจากกล้องจะช่วยให้แพทย์มองเห็นอวัยวะภายในได้อย่างชัดเจน ช่วยให้สามารถตัดเลาะก้อนเนื้อ เนื้อเยื่อเต้านม ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกับการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบเปิด หากก้อนเนื้องอกนั้นเป็นมะเร็ง หรือมีโอกาสเป็นมะเร็ง และแพทย์วินิจฉัยว่าควรผ่าตัดต่อมน้ำเหลือง ก็สามารถผ่าตัดพร้อมกันได้ทันที
แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดเนื้องอกเต้านมทั้งเต้าแบบส่องกล้อง ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลือง หรือ ผ่าตัดเต้านมออกเพียงบางส่วนแบบส่องกล้อง ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนลแบบเปิดหรือ ผ่าตัดเต้านมออกเพียงบางส่วนแบบส่องกล้อง ควบคู่กับ ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออกทั้งหมดแบบเปิด และหากผู้ป่วยต้องการผ่าตัดเสริมสร้างหน้าอก ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ปัจจัยในการเลือกว่าต้องทำการผ่าตัดรูปแบบใด เสริมสร้างหน้าอกได้ทันทีเลยหรือไม่นั้น ก็คล้ายคลึงกับการผ่าตัดแบบเปิด เพียงแต่เปลี่ยนเทคนิคการผ่าตัดเท่านั้น
ข้อดีของการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบส่องกล้อง
- ใช้เทคนิคซ่อนแผล ทำให้แทบไม่เห็นแผลเป็นหลังผ่าตัด
- แพทย์เห็นภาพอวัยวะได้ชัดเจน สามารถเก็บรายละเอียดการผ่าตัดได้ดี
- แผลมีขนาดเล็ก ดูแลรักษาง่ายกว่า
- เจ็บแผลน้อยกว่า
- เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งสั้นกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
ข้อจำกัดของการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบส่องกล้อง
- ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 ได้
- การผ่าตัดมีความซับซ้อน และแพทย์ต้องมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือสูง
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
3. การผ่าตัดเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ (Vacuum-Assisted Breast Excision)
เป็นการผ่าตัดเต้านมเทคนิคใหม่ โดยจะมีการใช้เครื่องมือพิเศษในการผ่าตัด ทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก เพียง 0.7 เซนติเมตรเท่านั้น แต่สามารถผ่าตัดนำเนื้องอกขนาดใหญ่ 3-4 เซนติเมตรออกมาได้
หลักการผ่าตัดเรียกง่ายๆ ว่า ‘เจาะ ปั่น ดูด’ คือ ใช้เข็มขนาดใหญ่เจาะเข้าไปในก้อนเนื้องอก จากนั้นปั่นเนื้องอกให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ ดูดเนื้องอกที่ถูกปั่นแล้วออกมา แล้วส่งชิ้นเนื้อไปตรวจหาความผิดปกติ
แต่หลักการนี้จะเหมาะสำหรับเนื้องอกชนิดที่ไม่ใช่มะเร็งเท่านั้น เพื่อป้องกันเซลล์มะเร็งแพร่กระจาย
การผ่าตัดเต้านมด้วยเทคนิคนี้สามารถ ผ่าตัดโดยระงับความรู้สึกด้วยยาชา หรือ ผ่าตัดโดยระงับความรู้สึกด้วยยาสลบ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน รวมไปถึงความต้องการของผู้ป่วยด้วย
ขั้นตอนการผ่าตัดเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
แพทย์จะเริ่มจากการฉีดยาชา หรือวางยาสลบผู้ป่วย จากนั้นจะใช้มีดกรีดเปิดแผลขนาดประมาณ 0.7 เซนติเมตร แล้วสอดเข็มชนิดพิเศษ ลักษณะคล้ายหลอดดูดน้ำที่มีปลายแหลม เข้าไปในเนื้องอก จากนั้นจะเริ่มปั่นเนื้องอกให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วดูดเนื้องอกออกมาจนหมด
เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีเนื้องอกหลงเหลืออยู่แล้ว จะนำอุปกรณ์ออก พร้อมเย็บปิดแผลเพียง 1 เข็ม พันหน้าอกผู้ป่วยเพื่อห้ามเลือด แล้วส่งชิ้นเนื้อไปตรวจหาความผิดปกติยังห้องปฏิบัติการ
ข้อดีของการผ่าตัดเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
- แผลมีขนาดเล็กมาก เพียง 0.7 เซนติเมตร
- ผ่าตัดภายใต้การใช้ยาชา หรือยาสลบก็ได้
- เจ็บแผลน้อยกว่า
- หลังผ่าตัด หากไม่พบความผิดปกติใดๆ สามารถกลับบ้านได้ทันที
- ใช้เวลาพักฟื้นสั้นที่สุด ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อจำกัดของการผ่าตัดเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
- หากก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่มากอาจไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้
- ไม่สามารถรักษาก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งเต้านม หรือมีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็งเต้านมได้
- หากเนื้องอกอยู่ติดผิวหนังด้านบนมากๆ หรืออยู่ใกล้กล้ามเนื้อหน้าอกด้านล่างมากๆ จะทำให้การผ่าตัดทำได้ยากขึ้น
- แพทย์จะต้องมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือ
- ค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับการผ่าตัดรูปแบบอื่นๆ
การผ่าตัดเนื้องอกเต้านม หรือซีตส์เต้านมในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจหรือน่ากลัวอีกต่อไป เพราะด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีผลข้างเคียงน้อยลงมาก รวมทั้งยังมีเทคนิคการผ่าตัดที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะกับอาการ ความรุนแรง และระยะของโรคของผู้ป่วยแต่ละคน
สำหรับใครที่กำลังต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม หรือต้องการปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาเนื้องอกในเต้านม หรือซีสต์เต้านมอยู่ ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้ข้อมูลจนกว่าคุณจะสบายใจ ทำนัดปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และนัดคิวผ่าตัดได้รวดเร็ว ไม่ต้องคอยนาน ช่วยอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ทั้งสิทธิ์ประกันสังคม หรือการเบิกจ่ายประกันได้ครอบคลุมทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณพร้อมที่สุดเพื่อการผ่าตัดครั้งสำคัญ คลิกที่นี่เลย
