abdominal pain disease definition

ปวดท้อง-ท้องอืด หลังกินข้าว สัญญาณเสี่ยงโรคร้าย

อาการปวดท้อง หรือท้องอืดหลังจากการรับประทานอาหารเป็นอาการที่หลายคนเคยเจอ หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือมีความรุนแรง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า คุณกำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่…ในบทความนี้จะพามาดูว่า อาการปวดท้อง-ท้องอืด บอกโรคอะไรได้บ้าง

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) หรือที่หลายคนเรียกว่า “โรคกระเพาอาหาร” คือภาวะที่เกิดจากการเสียสมดุลของกรดที่หลั่งออกมา ซึ่งไปทำลายเยื่อบุในกระเพาะอาหารจนเกิดการอักเสบ

สาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหารมีหลายปัจจัย เช่น การอดอาหาร รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารรสจัด การใช้ยาแก้อักเสบ และความเครียด 

อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ปวดท้องบริเวณกลางท้อง มักเป็นๆ หายๆ
  • ท้องอืด
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • รู้สึกไม่สบายท้อง ทั้งก่อนและหลังการรับประทานอาหาร

โรคลำไส้แปรปรวน

โรคไอบีเอส (IBS: Irritable Bowel Syndrome) หรือโรคลำไส้แปรปรวน มักพบได้บ่อยในคนวัยทำงานที่มีชีวิตเร่งรีบและเคร่งเครียด หลายคนมักคิดว่าเป็นแค่ปัญหาปวดท้อง หรือท้องเสียทั่วไป แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้นและกระทบต่อการใช้ชีวิต อาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้แปรปรวน

โรคลำไส้แปรปรวนเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย เช่น ความไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ รวมถึงอาหาร ความเครียด และความวิตกกังวล นอกจากนี้ การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารก็อาจทำให้ลำไส้ไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น

อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ปวดท้องอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วง 3 เดือน
  • ท้องผูกและ/หรือท้องเสีย
  • ท้องอืดและแน่นท้อง
  • ปวดเกร็งบริเวณท้องน้อย
  • มีลมในท้อง และอาการปวดที่บรรเทาลงหลังขับถ่าย

โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD) เป็นโรคทางเดินอาหารที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและเรอเปรี้ยวบ่อยๆ โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย รวมถึงเด็ก โดยอาการนี้สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างรุนแรง

สาเหตุของโรคกรดไหลย้อนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที การรับประทานอาหารมันๆ หรือมากเกินไป รวมถึงความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ภาวะน้ำหนักเกิน การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน

อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • แสบร้อนกลางอก
  • เรอเปรี้ยวบ่อยๆ
  • เจ็บหน้าอก
  • ไอเรื้อรัง
  • บางรายอาจมีอาการเสียงแหบและเจ็บคอร่วมด้วย

ภาวะแพ้แลคโตส

ภาวะแพ้แลคโตส (Lactose Intolerance หรือ Lactase Deficiency) คือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายแลคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในผลิตภัณฑ์นมได้ เนื่องจากร่างกายขาดเอนไซม์แลคเตสที่จำเป็นสำหรับการย่อยสลาย ทำให้แลคโตสที่ไม่ได้ถูกย่อยเคลื่อนที่ไปยังลำไส้ใหญ่และเกิดปฏิกิริยากับแบคทีเรีย

สาเหตุของภาวะแพ้แลคโตสเกิดจากการผลิตเอนไซม์แลคเตสที่ไม่เพียงพอในลำไส้เล็ก ส่งผลให้ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์นมจะเกิดอาการไม่สบายตัว

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดท้อง
  • ท้องอืด
  • มีแก๊สในกระเพาะอาหาร
  • คลื่นไส้
  • ท้องร่วง

อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นภายใน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหลังการบริโภคนม ขึ้นอยู่กับปริมาณแลคโตสที่บริโภคและความสามารถในการผลิตเอนไซม์ของร่างกาย

โรคมะเร็งตับอ่อน

มะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer) เป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อย และการตรวจวินิจฉัยมักทำได้ยาก เนื่องจากตำแหน่งของตับอ่อนอยู่หลังเยื่อบุช่องท้อง อาการของโรคมักแสดงชัดเจนเมื่อมะเร็งได้ลุกลามไปมากแล้ว หรืออุดตันท่อน้ำดี ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ในระยะที่โรครุนแรง

สาเหตุของมะเร็งตับอ่อนไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และโรคเบาหวาน การเกิดมะเร็งตับอ่อนมักเริ่มต้นจากเซลล์ในตับอ่อนที่เติบโตผิดปกติ และมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • น้ำหนักลด
  • เบื่ออาหาร
  • ตัวเหลืองและตาเหลือง (ดีซ่าน)
  • ปวดท้องส่วนบนและปวดหลัง
  • อ่อนแรง คลื่นไส้และอาเจียน

ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แค่โรคกระเพาะหรือร้ายแรงถึงขั้นมะเร็ง?! อยากตรวจให้แน่ใจ ทักหาทีม HDcare ได้เลย พร้อมนัดคิวกับคุณหมอเฉพาะทาง ปรึกษาทางไลน์ สะดวก รวดเร็ว คลิกเลย

โรคมะเร็งท่อน้ำดี

มะเร็งท่อน้ำดี (Bile Duct Cancer) เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในท่อน้ำดี ซึ่งมีหน้าที่ลำเลียงน้ำดีจากตับไปยังถุงน้ำดีและลำไส้เล็ก มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป การตรวจวินิจฉัยมักทำได้ยาก เนื่องจากอาการในระยะเริ่มต้นมักไม่ชัดเจน

สาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดีเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย โดยเฉพาะพยาธิใบไม้ในตับที่มักพบในผู้ที่บริโภคปลาดิบ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินน้ำดี นอกจากนี้ สารก่อมะเร็ง เช่น ไนโตรซามีนที่มีอยู่ในอาหารหมักดองหรือปิ้งย่างก็มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งนี้ รวมทั้งการมีนิ่วในท่อน้ำดีก็สามารถทำให้เกิดการอุดตันและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งได้เช่นกัน

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ตัวเหลืองและตาเหลือง (ดีซ่าน) จากการอุดตันของท่อน้ำดี
  • ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือบริเวณหลัง หลังจากรับประทานอาหาร
  • มีไข้เนื่องจากการอักเสบในท่อน้ำดี
  • คันตามผิวหนัง
  • เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด

อาการเหล่านี้จะชัดเจนมากขึ้นเมื่อมะเร็งเริ่มลุกลามไปยังอวัยวะอื่น หรือทำให้เกิดการอุดตันในท่อน้ำดี

โรคตับอ่อนอักเสบ

โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อตับอ่อน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน และตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โดยอาการของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อาจมีความรุนแรงและอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้ารักษาทันท่วงที อาจหายขาดได้ ในขณะที่ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังมักเกิดจากการอักเสบซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะมะเร็งตับอ่อนได้

สาเหตุของโรคตับอ่อนอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่ ก้อนนิ่วในถุงน้ำดีที่อุดตันท่อน้ำดี การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก การสูบบุหรี่ และโรคทางพันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ระดับแคลเซียมและธาตุเหล็กในเลือดสูง รวมถึงการบาดเจ็บที่ช่องท้อง หรือคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคนี้

อาการที่พบบ่อยของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่

  • ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ที่อาจร้าวไปยังหลัง
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • ตัวเหลืองและตาเหลือง (ดีซ่าน)
  • มีไข้และการช็อกในบางราย

อาการตับอ่อนอักเสบเรื้อรังอาจรวมถึง

  • ปวดท้องเป็นๆ หายๆ
  • อุจจาระสีเทาหรือสีซีด
  • น้ำหนักลดเนื่องจากการดูดซึมสารอาหารไม่ดี

โรคนิ่วในถุงน้ำดี

โรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) คือการตกตะกอนของสารต่างๆ ในน้ำดี ทำให้เกิดนิ่วที่ถุงน้ำดี ซึ่งมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อมีอาการ ผู้ป่วยอาจรู้สึกแน่นท้อง ท้องอืด หรือปวดท้อง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การรักษาส่วนใหญ่คือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก

สาเหตุของนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในน้ำดี เช่น คอเลสเตอรอลหรือบิลิรูบินที่สูงเกินไป และมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น เพศหญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป โรคอ้วน การตั้งครรภ์ และการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ท้องอืด แน่นท้อง
  • ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา
  • ปวดร้าวไปที่ไหล่หรือหลังขวา
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง เมื่อมีการอุดตัน
  • ปัสสาวะสีเข้ม และอุจจาระสีซีด เมื่อมีการอุดตัน

จะเห็นได้ว่า อาการปวดท้อง-ท้องอืด หลังรับประทานอาหาร บ่งชี้ได้หลายโรค โรคร้ายแรงบางชนิดมักไม่แสดงอาการอย่างชัดเจนในระยะเริ่มต้น รู้ตัวอีกทีก็อาจตรวจพบมะเร็งแล้ว ดังนั้น หากเริ่มมีอาการ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ หากเป็นโรคร้ายแรง ยิ่งตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งมีโอกาสรักษาหายได้มาก

อาการแบบนี้ กำลังเป็นโรคอะไร? เป็นโรคกระเพาอาหาร ลำไส้แปรปรวน หรือมะเร็ง อยากเช็กให้ชัวร์ ปรึกษาทีม HDcare ทักมาได้เลย

Scroll to Top