ประจําเดือนไม่มา แต่มีตกขาว ท้องไหม ?

ประจำเดือนไม่มาแต่มีตกขาว อาจทำให้หลายคนกังวลว่ากำลังตั้งครรภ์หรือไม่ สาเหตุของอาการเหล่านี้มีหลากหลาย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด ไปจนถึงภาวะสุขภาพอื่น ๆ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้น การที่ประจำเดือนมาช้า หรือ ประจำเดือนไม่มา บางคนมีตกขาวมาแทน เป็นเพราะเหตุใด ปกติหรือไม่ บางคนตรวจแล้วไม่ท้องยิ่งสงสัยมากขึ้น มาฟังคำตอบโดยแพทย๋กัน

ประจําเดือนไม่มา 1 เดือน แต่มีตกขาว

ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ ปกติจะมาแล้ว นี่เกือบ 1 เดือนแล้ว แต่คราวนี้กลับมีตกขาวมาแทน คิดมากเลยค่ะ เวลามีเพศสัมพันธ์กับแฟน ใส่ถุงยางและหลั่งนอกตลอด แบบนี้จะท้องไหมคะ?

ถ้าใส่ถุงยาง โอกาสที่จะท้องมีน้อยมากครับ ตราบใดที่ถุงยางไม่แตกหรือรั่ว เบื้องต้นหากประจำเดือนขาด แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนครับ โดยทั่วไปจะสามารถตรวจพบได้เมื่อประจำเดือนขาดไปแล้ว

หากจำรอบประจำเดือนของตัวเองได้แม่น จะทำให้รู้เวลาที่เหมาะสมในการตรวจ เช่น ถ้าประจำเดือนมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และปกติมาตรงทุก 30 วัน หากถึงวันที่ 3 มีนาคมแล้วประจำเดือนยังไม่มา ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ครับ

ในกรณีที่จำรอบประจำเดือนไม่ได้ แนะนำให้ตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะหากจะท้องได้ก็คือช่วงที่มีไข่ตกพร้อมกับมีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ตรงช่วงนี้ โอกาสท้องก็น้อยครับ

ถ้าตรวจแล้วผลว่าไม่ท้อง แต่ยังรู้สึกสงสัย แนะนำให้รอไปอีกสักสัปดาห์แล้วตรวจซ้ำ เพราะบางครั้งปริมาณฮอร์โมน hCG อาจยังไม่มากพอที่จะให้ผลตรวจเป็นบวก ไม่ควรรีบใช้ยาขับเลือดหรือยาสตรี เพราะหากเกิดการตั้งครรภ์จริง ยาเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อเด็กได้ครับ

เรื่องชุดตรวจการตั้งครรภ์

ชุดตรวจมีหลายแบบ ในรายละเอียดอาจแตกต่างกันบ้าง ให้ดูคำแนะนำในกล่องจะดีที่สุด แต่โดยทั่วไปคือ ให้เก็บปัสสาวะใส่ภาชนะ จุ่มแผ่นทดสอบลงในปัสสาวะ แล้วรอเวลาตามที่ระบุไว้ และจึงอ่านผล

วิธีการเก็บปัสสาวะตรวจมีผลต่อความแม่นยำของการตรวจมากครับ ควรใช้ปัสสาวะครั้งแรกของวันตอนตื่นนอน เพราะจะมีความเข้มข้นสูง หากมี hCG อยู่ก็จะตรวจพบได้ง่ายกว่า

ชุดตรวจส่วนใหญ่จะแสดงผลเป็นขีด ๆ โดยขีดแรกเป็นเส้นควบคุม (Control line) ซึ่งจะต้องขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะท้องหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นแปลว่าชุดตรวจอาจเสีย ขีดที่สองคือการแสดงว่ามีฮอร์โมน hCG ดังนั้น สองขีดคือท้อง ขีดเดียวคือไม่ท้อง หากไม่มีขีดใดเลยแสดงว่าชุดตรวจเสียครับ

เรื่องประจำเดือนมาไม่ตรงรอบหรือขาด

การที่ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบหรือขาดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด ซึ่งอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หรืออาจเกิดจากภาวะอื่น เช่น

  • โรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ซึ่งมักจะมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ร่วมกับลักษณะของฮอร์โมนเพศชาย เช่น มีสิวหรือขนเยอะ
  • ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ที่มีหน้าที่หลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่ อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ เช่น ประจำเดือนขาดนาน ๆ และมีน้ำนมไหลเมื่อบีบหัวนม
  • การตกไข่ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุภายในรังไข่เอง

หากประจำเดือนเคยปกติแล้วมาไม่สม่ำเสมอ และตรวจแล้วไม่ท้อง หรือไม่มีความเครียดที่เป็นสาเหตุ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม อาจจำเป็นต้องพิจารณาการรับประทานยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนครับ

เรื่องตกขาว

ตกขาว คือของเหลวที่ไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งประกอบด้วยสารที่ถูกขับออกจากปากมดลูก ปากช่องคลอด และเซลล์ของเยื่อบุผนังช่องคลอดที่ตายแล้วหลุดออกมา

ตกขาวที่ปกติจะมีสีขาวขุ่น มีกลิ่นคาวเล็กน้อย และอาจมีมากขึ้นในช่วงก่อนประจำเดือนมา หากไม่มีอาการคันหรือแสบในช่องคลอดและไม่มีกลิ่นเหม็น ก็นับว่าเป็นตกขาวที่ปกติ ไม่ต้องรักษาครับ

แต่หากตกขาวมีลักษณะข้นเป็นก้อนคล้ายนม และมีอาการคันหรือแสบช่องคลอด อาจเกิดจากการติดเชื้อรา หากตกขาวมีสีขุ่นเขียวหรือเหลือง และอาจมีเลือดปนด้วย อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น หนองใน หรือโปรโตซัวเช่น Trichomonas ซึ่งอาจเกิดจากการสวนล้างช่องคลอดหรือการรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้สมดุลในช่องคลอดเสีย

หากสงสัยการติดเชื้อ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน เพราะการติดเชื้อในช่องคลอดอาจเป็นเชื้อรา แบคทีเรีย หรือโปรโตซัวก็ได้ หากไม่ได้รับการรักษา อาจลามไปเป็นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ซึ่งจะมีอาการไข้และปวดท้องน้อยร่วมด้วยครับ

การรักษาตกขาวติดเชื้อและอาการคันช่องคลอดมักใช้ยาฆ่าเชื้อ เช่น Metronidazole สำหรับแบคทีเรีย หรือ Clotrimazole สำหรับเชื้อรา ซึ่งอาจใช้ในรูปแบบยาสอดหรือยารับประทาน ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อรับยาที่เหมาะสม แต่หากมีไข้และปวดท้องน้อยร่วมด้วย ควรพบแพทย์ทันที เพราะอาจต้องการการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครับ

ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์

ตกขาว มาก่อน ประจําเดือน กี่วัน

อยากถามว่า ตกขาวปกติจะมาก่อน ประจําเดือนกี่วันคะ ?

ตกขาวที่มาก่อนประจำเดือนเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปตกขาวจะเริ่มมาก่อนที่ประจำเดือนจะมาได้ประมาณ 1-5 วัน ค่ะ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่เกิดขึ้นในรอบเดือน

ในช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมา ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) จะเพิ่มขึ้น ทำให้มีการผลิตตกขาวเพิ่มขึ้น ตกขาวในช่วงนี้มักมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นหรือเหลืองอ่อน เนื้อสัมผัสค่อนข้างเหนียวและหนา หากตกขาวไม่มีสีแปลกหรือกลิ่นแรง ไม่รู้สึกคันหรือแสบ ก็ถือว่าเป็นอาการที่ปกติค่ะ

ตกขาวที่เกิดก่อนประจำเดือนยังเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับรอบเดือนใหม่แล้วค่ะ

ตอบโดย ทีมแพทย์ HD

ประจําเดือนไม่มา แต่มีตกขาว ตรวจแล้วไม่ท้อง

ประจำเดือนไม่มา แต่มีน้ำใส ๆ ออกมาจากอวัยวะเพศ ตรวจแล้วผลก็ไม่ท้อง จะเป็นอะไรไหมคะ?

ลักษณะของประจำเดือนปกติ มีดังนี้ค่ะ

  1. มาสม่ำเสมอทุก 24-35 วัน โดยส่วนใหญ่จะมาทุก 28-30 วัน
  2. มีรอบละ 3-7 วัน
  3. ใช้ผ้าอนามัยวันละประมาณ 2-3 แผ่น
  4. อาจมีอาการปวดท้องน้อยเล็กน้อยในช่วงวันแรก ๆ แต่ไม่ควรปวดรุนแรง

สาเหตุที่ประจำเดือนไม่มา อาจเกิดได้จากหลายปัจจัยค่ะ ก่อนอื่นแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อน หากไม่พบการตั้งครรภ์ มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้ประจำเดือนไม่มา

  • ภาวะไม่มีประจำเดือน (Amenorrhea) จะพิจารณาเมื่อประจำเดือนขาดหายไปต่อเนื่องกัน 3 เดือน ในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนเพิ่มเติม
  • หากประจำเดือนขาดเพียงเดือนเดียว อาจเกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมน หรือไข่ไม่ตกในเดือนนั้น สามารถสังเกตต่อไปก่อนได้ แต่หากในเดือนถัดไปประจำเดือนยังไม่มา ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มา มีหลายอย่าง เช่น

  1. มดลูกหรือปากมดลูกผิดปกติ
  2. รังไข่ผิดปกติ หรือไข่ไม่ตก
  3. ความผิดปกติทางสมอง ที่ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนมาควบคุมรังไข่ เช่น น้ำหนักลดลงมาก การออกกำลังกายหนักเกินไป หรือมีความเครียด ส่งผลให้ฮอร์โมนจากสมองผิดปกติ ทำให้ประจำเดือนไม่มา

การจะทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมประจำเดือนถึงไม่มา ต้องตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และอาจต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจดูฮอร์โมนเพิ่มเติม โดยแพทย์เท่านั้นค่ะ

น้ำใส ๆ ที่ไหลออกมา คือ ตกขาว ปกติผู้หญิงสามารถมีตกขาวได้ค่ะ โดยลักษณะของตกขาวจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงของรอบเดือน

  • ในช่วงก่อนไข่ตก (ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา) ตกขาวจะมีลักษณะเป็นมูกใส ๆ ยืดได้
  • หลังไข่ตก ตกขาวจะเปลี่ยนเป็นสีขาวคล้ายแป้ง

ตกขาวที่ปกติจะไม่ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบช่องคลอด และไม่มีกลิ่นเหม็น อีกทั้งไม่มีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดท้องน้อยหรือเป็นไข้

หากตกขาวมีลักษณะผิดปกติ เช่น

  • ตกขาวเป็นก้อนคล้ายคราบนมเด็ก และมีอาการคันมาก อาจเกิดจากเชื้อรา
  • ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น ปวดท้อง มีไข้ อาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
  • ตกขาวสีขาวหรือเทา มีกลิ่นคล้ายปลา อาจเกิดจากการไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด

การรักษาตกขาวที่ผิดปกติ จะรักษาตามสาเหตุ ดังนั้น หากพบว่าตกขาวมีลักษณะผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายในเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

ตอบโดย พญ. พิมพกา ชวนะเวสน์ สูตินรีแพทย์

ประจําเดือนไม่มา แต่มีตกขาว ท้องไหม

มีอาการตกขาวและประจำเดือนไม่มา มีเพศสัมพันธ์กับแฟนล่าสุดวันที่ 21 มิ.ย. มากกว่า 3 ครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน แต่ไม่มีการหลั่งใน ตอนนี้ตกขาวมามากผิดปกติ มีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนประจำเดือนจะมาแต่ก็ไม่มา รู้สึกอยากทานอาหารรสเผ็ดแทบทุกวัน เช่น ส้มตำ หม่าล่า มะม่วง ปกติประจำเดือนจะมาทุกวันที่ 10 หรือก่อนวันที่ 10 แต่เดือนนี้ยังไม่มา ตอนนี้รู้สึกเครียดมากค่ะ อาการแบบนี้มีโอกาสท้องกี่เปอร์เซ็นต์คะ แล้วมันเกิดจากอะไร ควรทำอย่างไร?

การที่มีตกขาวมากและเจ็บหน้าอกโดยที่ประจำเดือนยังไม่มานั้น อาจเกิดได้จากทั้งการตั้งครรภ์และเป็นอาการนำก่อนประจำเดือนจะมา อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน แม้จะไม่มีการหลั่งภายใน ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายอาจมีอสุจิปะปนอยู่ และสามารถทำให้เกิดการปฏิสนธิกับไข่ได้ ซึ่งความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ในกรณีเช่นนี้อยู่ที่ประมาณ 4-22% ค่ะ

ดังนั้น หมอแนะนำว่า ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วัน และใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ จะให้ผลที่เชื่อถือได้ประมาณ 97-99% ค่ะ

หากผลการตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนยังไม่มา แนะนำให้รอดูต่อไปสักพัก เพราะความเครียดก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้าได้ ถ้าผ่านไปอีกหลายสัปดาห์แล้วยังไม่มีประจำเดือน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมค่ะ

ตอบโดย นพ. กันตณัฏฐ์ อยู่ตรีรักษ์

ประจําเดือนไม่มา 2 เดือน แต่มีตกขาว

ประจำเดือนไม่มาเข้าเดือนที่สอง มีตกขาวใสคล้ายไข่ขาว แล้วก็จะเป็นขาวขุ่นมีเหลืองอ่อน ต่อมาจะเป็นแบบคราบสีน้ำตาลติดกกน. เป็นคนประจำเดือนมาไม่ตรงอยู่แล้วค่ะ เป็นอะไรไหมคะ ?

ประจำเดือนไม่มาเข้าเดือนที่สอง มีตกขาวใสคล้ายไข่ขาว จากนั้นกลายเป็นสีขาวขุ่นและเหลืองอ่อน ต่อมามีคราบสีน้ำตาลติดกางเกงใน ปกติเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว อยากทราบว่าเป็นอะไรไหมคะ?

สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย
  • การตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
  • ภาวะถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
  • ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • ความเครียด
  • การออกกำลังกายอย่างหักโหม
  • น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
  • ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
  • ปัจจัยอื่น ๆ

ส่วนการที่ตกขาวมีการเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองนั้น อาจต้องแยกจากการติดเชื้อบางอย่างในช่องคลอด เช่น เชื้อแบคทีเรียทั่วไป หนองใน หรือเชื้อโปรโตซัวบางชนิดครับ

ในกรณีนี้ หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจน เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมครับ

หากได้มีเพศสัมพันธ์มาก่อนหน้านี้ หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วัน และใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ประมาณ 97-99% ครับ

ตอบโดย นพ. กันตณัฏฐ์ อยู่ตรีรักษ์

เมนส์ไม่มาตกขาวมาแทน

ถ้าเป็นตกขาวมาเยอะหรือเป็นเชื้อรา จะทำให้ประจำเดือนมาช้าได้ไหมคะ? ตอนนี้ตกขาวมาเยอะมาก เป็นแบบเยิ้ม ๆ คัน ๆ แสบ ๆ เมนไม่มาตกขาวมาแทนเพราะอะไรคะ ?

ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันครับ โดยทั่วไปตกขาวอาจมามากขึ้นในช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ

1. เรื่องตกขาว

ตกขาวที่ปกติจะมีสีขาวขุ่น มีกลิ่นคาวเล็กน้อย อาจมีมากขึ้นในช่วงก่อนประจำเดือนมา แต่หากไม่มีอาการคัน แสบ หรือมีกลิ่นเหม็น ก็ถือว่าเป็นตกขาวที่ปกติและไม่จำเป็นต้องรักษาครับ

หากตกขาวเป็นลักษณะขาวข้นคล้ายคราบนม และมีอาการคันหรือแสบในช่องคลอด อาจเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอด หากตกขาวมีลักษณะสีเหลืองหรือเขียว อาจมีเลือดปนหรือไม่ก็ได้ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น หนองใน หรือโปรโตซัวเช่น Trichomonas ซึ่งอาจเกิดจากการสวนล้างช่องคลอด หรือการรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้สมดุลในช่องคลอดเสียไป เชื้อก่อโรคจึงเกิดการแบ่งตัวและติดเชื้อได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อมาจากคู่นอนก็ได้ครับ

อีกหนึ่งโรคที่อาจเกี่ยวข้องคือ Bacterial vaginosis (การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดที่ไม่สมดุล เชื้อชื่อ Gardnerella vaginalis จะแบ่งตัวมากขึ้น) โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดคือ ตกขาวมีกลิ่นอับ หรือกลิ่นคาวปลา โดยมักมีกลิ่นรุนแรงภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างอสุจิที่มีฤทธิ์เป็นด่างและเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดกลิ่นครับ

หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ เนื่องจากการติดเชื้อในช่องคลอดอาจเกิดจากเชื้อรา แบคทีเรีย หรือโปรโตซัว ซึ่งหากไม่รักษา อาจลามไปเป็นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ จะมีอาการไข้และปวดท้องน้อยร่วมด้วยครับ

การรักษาอาการตกขาวติดเชื้อหรือคันช่องคลอด มักใช้ยาฆ่าเชื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่พบ เช่น หากเป็นแบคทีเรีย มักใช้ Metronidazole หากเป็นเชื้อรามักใช้ Clotrimazole ซึ่งเป็นยาสอด ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เรื่องยาก่อนครับ หากมีอาการไข้และปวดท้องน้อยร่วมด้วย แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครับ

2. เรื่องประจำเดือนมาช้า

โดยปกติประจำเดือนอาจมาช้าหรือเร็วได้ประมาณบวกลบ 7 วันครับ ถ้าประจำเดือนยังไม่มาหลังจากผ่านไปไม่เกิน 7 วัน หมอแนะนำให้รอก่อนได้ ประจำเดือนปกติจะมีระยะเวลาประมาณ 2-6 วัน

สาเหตุที่ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบหรือขาด อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ความเครียด ซึ่งอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
  • การตั้งครรภ์ ควรตรวจเพื่อยืนยันหากสงสัย
  • การใช้ยาคุมกำเนิด เช่น ยาฉีดคุมกำเนิดชนิด 3 เดือน ยาฝังคุมกำเนิด หรือยาคุมแผงรายเดือน (21/28 เม็ด) ซึ่งหากใช้นาน ๆ อาจทำให้ปริมาณประจำเดือนน้อยลงได้
  • โรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ซึ่งมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ร่วมกับลักษณะฮอร์โมนเพศชายสูง เช่น มีสิวหรือขนเยอะ
  • ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ซึ่งมีหน้าที่หลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ประจำเดือนขาดนาน และมีน้ำนมไหลเมื่อบีบหัวนม
  • ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (ช็อกโกแลตซีสต์) ที่อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และมีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

หากเดิมประจำเดือนมาปกติ แล้วเกิดมาไม่สม่ำเสมอ โดยไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ หรือได้ตรวจแล้วไม่ท้อง และไม่มีความเครียดที่เป็นสาเหตุ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม อาจต้องพิจารณารับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติมครับ

ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์


บทความที่เกี่ยวข้อง

คำถามสุขภาพที่พบบ่อย

Scroll to Top