การทำเด็กหลอดแก้วถือเป็นทางเลือกสำหรับคู่สามีภรรยาที่มีภาวะมีบุตรยาก แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นรักษานั้น คู่สามีภรรยาควรเตรียมตัวให้พร้อม โดยดูแลตัวตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บทความนี้รวบรวมวิธีการเตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้ว ทั้ง IVF และ ICSI มาไว้ให้แล้ว
สารบัญ
ทำไมต้องเตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้ว?
โดยปกติแล้วแพทย์มักจะแนะนำให้คู่สมรสที่จะทำเด็กหลอดแก้วเตรียมความพร้อมทางร่างกายล่วงหน้าเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน เนื่องจากการดูแลสุขภาพโดยรวม เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ตัวอ่อนมีคุณภาพ
ดังนั้น คู่สมรสที่กำลังจะทำเด็กหลอดแก้วจึงต้องดูแลสุขภาพและโภชนาการให้ดี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต ให้มีความพร้อมต่อการผลิตไข่และเชื้ออสุจิที่สมบูรณ์มากที่สุด
การเตรียมตัวก่อนเก็บอสุจิ สำหรับฝ่ายชาย
- งดมีเพศสัมพันธ์ ช่วยเหลือตัวเอง รวมทั้งงดการหลั่งทุกชนิด 3-7 วันก่อนเก็บน้ำเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 3 เดือน ก่อนเริ่มรักษาและระหว่างการรักษา
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดและความกังวล
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำอุ่น แช่ออนเซ็น หรือการทำซาวน่า เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงจนเกินไปส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ
- ไม่สวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นจนเกินไป
- พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เน้นรับประทานอาหารบำรุงสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อระบบเจริญพันธุ์ เช่น ไข่ ถั่วเหลือง มะเขือเทศ กล้วย ทับทิม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
การเตรียมตัวก่อนเก็บไข่ สำหรับฝ่ายหญิง
- พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดและความกังวล
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละไม่ต่ำกว่า 2 ลิตร และรับประทานอาหารประเภทโปรตีนอย่างน้อยวันละประมาณ 60 มิลลิกรัม รวมทั้งเน้นรับประทานอาหารบำรุงไข่และมดลูก เช่น ผักใบเขียว น้ำเต้าหู้ งาดำ ธัญพืชเต็มเมล็ด พืชตระกูลถั่ว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี กล้วยหอม มะเขือเทศ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนร่างกายมาก หรือการออกกำลังกายหนักๆ
- งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาเก็บไข่
- งดทำเล็บ ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า งดการแต่งหน้าและใส่คอนแทคเลนส์ในวันเก็บไข่
- ไม่ควรขับรถหรือนั่งรถสาธารณะตามลำพัง เนื่องจากหลังเก็บไข่แล้ว อาจมีอาการอ่อนเพลียจากยาสลบ
อยากทำ IVF, ICSI เตรียมตัวเท่านี้พอไหม มีปัญหาสุขภาพต้องปรับตัวอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ติดต่อทีม HDcare ช่วยทำนัดเข้าปรึกษาคุณหมอ ดูแลกันตั้งแต่ต้นจบ ทำให้การรักษาภาวะมีบุตรยากไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด คลิกเลย
การเตรียมตัวก่อนย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ทำตัวผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดและความกังวล
- รับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้เพียงพอ
- เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินโพรงมดลูก ในวันที่ 2-3 ของการมีประจำเดือน โดยแพทย์จะวางแผนเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูก พร้อมกับนัดติดตามผลและตรวจอัลตราซาวด์เป็นระยะ
ทั้งนี้การเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกให้พร้อมสำหรับการฝังตัวอ่อน โดยมีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่
- การเตรียมผนังมดลูกด้วยฮอร์โมนจากธรรมชาติ กรณีที่ผู้หญิงตกไข่เป็นปกติ จะไม่มีการใช้ยาฮอร์โมนจากภายนอก แพทย์จะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จากรังไข่กระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับย้ายตัวอ่อน
- การเตรียมผนังมดลูกด้วยยาฮอร์โมน แพทย์จะใช้ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จากภายนอก เช่น ยารับประทาน ยาทา ยาแปะ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือใช้ร่วมกัน มากระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว เมื่อความหนาเหมาะสมแล้ว แพทย์จะให้ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ชนิดยาสอดหรือเจลทาช่องคลอด เพื่อเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกสำหรับการย้ายตัวอ่อน
หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกแล้ว ก็จะเข้าสู่การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก ต่อไป ซึ่งจะมีทั้งรอบสด และรอบแช่แข็ง ซึ่งจะเลือกวิธีใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ความพร้อม และความต้องการของแต่ละคู่ รวมทั้งการประเมินจากแพทย์ด้วย
เมื่อรู้แล้วว่า ก่อนทำเด็กหลอดแก้ว ต้องเตรียมตัวอย่างไร ก็มาเริ่มดูแลตัวเองให้ดีตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการมีบุตร แต่หากมีความผิดปกติของร่างกาย มีโรคประจำตัว หรือต้องรับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเริ่มกระบวนการรักษาต่อไป
ยังลังเลใช่ไหม ไม่รู้ว่าเตรียมตัวแบบนี้เพียงพอสำหรับตั้งท้องรึยัง? นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองภาวะมีบุตรยาก จาก ร.พ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย
