อาหารเสริมบำรุงสมอง กินดีจริงไหม จำเป็นหรือไม่

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมอง กินดีจริงไหม จำเป็นหรือไม่?

สมอง มีความสำคัญในการทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายเกือบทุกส่วน และเป็นหน่วยความจำของคนเรา ซึ่งสมองจะเจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่จนกระทั่งถึง 6 ขวบ หลังจากนั้นสมองจะมีการพัฒนาต่อไป แต่จะไม่ได้พัฒนาขนาด

มีคำถามเกี่ยวกับ บำรุงสมอง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

อาหารและโภชนาการเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อการทำงานของสมอง การเลือกบริโภคอาหารให้เหมาะสมจึงมีความสำคัญมาก

อาหารบำรุงสมองสำหรับวัยสูงอายุ

เมื่ออายุมากขึ้น คนสูงวัยจำนวนไม่น้อยมีความต้องการสารอาหารบำรุงสมอง เนื่องจากมีหลายสาเหตุที่อาจทำให้บริโภคอาหารปกติได้น้อยลง จนกระทั่งขาดสารอาหารไป โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวเนื่องจากใส่ฟันปลอม

นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสารช่วยบำรุงสมองอย่างเหมาะสม ยังเป็นเรื่องที่ควรทำควบคู่ไปกับการปรับแนวทางการดำเนินชีวิตให้เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี

แม้ว่าผู้สูงวัยจะมีความต้องการพลังงานที่ลดลง เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวที่น้อยลง แต่สารอาหารบำรุงสมอง ก็ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนวัยนี้

ดร. วนะพร ทองโฉม นักวิชาการโภชนาการ กลุ่มสาขาวิชาโภชนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า กลุ่มสารอาหารบำรุงสมองสำหรับผู้สูงอายุมี 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่

  1. กลุ่มวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ที่พบได้ในเนื้อสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์จากนม และวิตามินบี 9 (โฟเลต) ที่มักจะพบในธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้
  2. กลุ่มอาหารโอเมกา 3 ที่พบได้ในทั้งปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาแซลมอน หรือที่หาง่ายกว่านั้นคือปลาทะเลไทยทั่วไป เช่น ปลาจะละเม็ดขาว ปลาสำลี ปลากะพงขาว ปลาอินทรี ปลาทู
  3. อาหารกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักและผลไม้หลากสี โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่อุดมไปด้วยสารโพลิฟีนอล และสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสื่อมในร่างกาย

หลักการกินอาหารเพื่อบำรุงสมอง สำหรับผู้สูงอายุ

แม้อาหารหลายชนิดจะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ปริมาณมากหรือน้อยเกินไป นอกจากนี้วิธีปรุงอาหารก็สำคัญเช่นกัน อาหารแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่

1. ข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสี ธัญพืชไม่ขัดสี

อาหารกลุ่มนี้มีวิตามินบี 1 ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสมองป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก ป้องกันภาวะโลหิตจาง ช่วยเพิ่มสารสื่อประสาท ซีโรโทนิน ทำให้หลับสบายขึ้น

2. ปลา

ปลาเป็นโปรตีนที่ดีย่อยง่าย มีไขมันต่ำ และเป็นกรดไขมันที่ดี เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมอง ช่วยพัฒนาเนื้อเยื่อของระบบประสาท

ควรเลือกรับประทานปลาหลายชนิดสลับหมุนเวียนกันไป เพื่อป้องกันการได้รับสารพิษตกค้างเกินที่อาจอยู่ในเนื้อปลา และควรรับประทานปลาทะเลสลับกับปลาน้ำจืดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง

3. อาหารทะเล

อาหารทะเลเป็นแหล่งของ ทอรีน สังกะสี วิตามินบี12 และไอโอดีน ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท เนื้อสมอง และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานอาหารทะเลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง

4. เนื้อสัตว์

เนื้อสัตว์อุดมไปด้วยโปรตีน นอกจากนี้ในเนื้อสัตว์ยังมีวิตามินบีทอรีน ธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองและระบบประสาท การสร้างฮีโมโกลบินและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย

ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ชนิดไม่ติดมัน โดยปริมาณเนื้อสัตว์ที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้สูงอายุอยู่ที่วันละ 6-8 ช้อนกินข้าว และผู้สูงอายุควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง

5. ไข่

ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณค่าสูง คือมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนและปริมาณสูง ไข่แดงอุดมไปด้วยโคลีน ทอรีน โฟเลตและวิตามินสำคัญ ซึ่งมีบทบาทต่อการพัฒนาสมอง ระบบความจำ

ผู้สูงอายุที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ รับประทานไข่ได้วันละ 1 ฟอง ส่วนผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ควรรับประทานไข่ไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง หรือทำตามคำแนะนำของแพทย์ ที่สำคัญควรปรุงให้สุกทุกครั้ง

6. ธัญพืชและถั่วเมล็ดแห้ง

งา ข้าวโพด ข้าว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้ง ได้แก่ เต้าหู้น้ำนมถั่วเหลือง หรือน้ำเต้าหู้ เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดีมีวิตามินบี 1 ช่วยในการบำรุงสมอง

มีคำถามเกี่ยวกับ บำรุงสมอง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

สำหรับผู้สูงอายุ หากรับประทานงา แนะนำให้รับประทานงาคั่วบด เพราะย่อยได้ดีกว่างารูปแบบเม็ด ควรกินสลับกับเนื้อสัตว์ จะทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น

7. นม

นมเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง

สำหรับผู้สูงอายุ แนะนำให้ดื่มนมรสจืดวันละ 1-2 แก้ว หากมีปัญหาอ้วน ไขมันในเลือดสูง ควรเลือกสูตรพร่องมันเนย เพื่อให้ได้รับแร่ธาตุแคลเซียมเพียงพอ ป้องกันภาวะกระดูกพรุน

ในกรณีที่บางคนดื่มนมแล้วเกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย อาจไม่ได้แพ้ แต่ขาดเอนไซม์ที่ชื่อว่า แลกเตส (lactase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ไว้สำหรับย่อยน้ำตาลในนม วิธีแก้คือ ค่อยๆ ดื่มทีละน้อย (ไม่เกินครึ่งแก้ว) ต่อครั้ง ควรดื่มนมหลังอาหาร ไม่ดื่มนมขณะที่ท้องว่าง หรือกินผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านการย่อยน้ำตาลแลกโตสบางส่วนโดยจุลินทรีย์ เช่น ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต

8. น้ำมัน

น้ำมันเป็นแหล่งของวิตามินอี มีความสำคัญในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและเยื่อบุผิวของเนื้อเยื่อสมอง

ควรเลือกรับประทานเฉพาะไขมันหรือน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันทานตะวัน น้ำมันงา และใช้น้ำมันปรุงอาหารในปริมาณพอเหมาะ ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน และเลือกใช้น้ำมันให้หลากหลาย ให้เหมาะกับวิธีการปรุงอาหารแต่ละอย่าง เพื่อให้ได้รับกรดไขมันอย่างหลากหลาย

9. ผัก ผลไม้ต่างๆ

ผัก ผลไม้ต่างๆ อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เป็นแหล่งของวิตามินเอ ซี อี เบต้าแคโรทีน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม จึงอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้

การกินผักและผลไม้ปริมาณมากสามารถลดการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ถึง 6.5 เท่า

แนะนำให้รับประทานผักสีเขียวเข้มๆ และหลากหลายสี กินผลไม้หลังอาหารหรือเป็นอาหารว่าง ควบคุมการกินผลไม้รสหวาน ควรเลือกกินผักผลไม้ให้หลากหลายสลับชนิดกันไป

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองมีอะไรบ้าง ได้ผลจริงหรือไม่?

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองส่วนใหญ่จะมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้บริโภคที่ต้องใช้สมองในการคิดและสร้างสรรค์มาก เวลาพักผ่อนน้อยลดอาหารเหนื่อยล้าและบรรเทาความเครียด

กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเภทที่ช่วยบำรุงสมอง ได้แก่ น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย วิตามินบี

อย่างไรก็ตาม องค์การความปลอดภัยของอาหารแห่งยุโรป (European Food Safety Authority: EFSA) ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมกา 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สกัดจากปลาทะเล และพืชจากพวกถั่ว ผลการวิจัย ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้ช่วยบำรุงสมองในเด็ก แต่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและข้อต่างๆ

ดังนั้นข้อหากจะซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งมักมีราคาสูง ควรซื้อที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าได้ผลจริง

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมอง จำเป็นหรือไม่?

โดยปกติแล้ว การบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่พอเหมาะ กินแต่ละหมู่ให้หลากหลาย กินผักและผลไม้ให้มากจะทำให้ร่างกายสมส่วนมีสุขภาพดี ไม่จำเป็นต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแต่อย่างใด

นอกจากนี้ควรปรับพฤติกรรมต่างๆ ให้ส่งเสริมการมีสุขภาพดีด้วย เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล และนอนหลับให้เพียงพอ


เขียนบทความโดย ทีมนักกำหนดอาหารวิชาชีพ HD

มีคำถามเกี่ยวกับ บำรุงสมอง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ