รีวิวฟอกสีฟัน Cool Light และชุดฟอกสีฟัน ที่ Grace Dental Clinic

แป้งเป็นคนที่มักจะกังวลเรื่องสีของฟันเสมอค่ะ ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่ได้ออกไปไหนบ่อยมากนัก แต่ก็ยังอยากให้สีฟันมีความสว่าง ไม่เหลืองจนเกินไป เวลายิ้มแล้วยังมั่นใจกับฟันทุกซี่ที่ทุกคนจะเห็นได้จากรอยยิ้มของเราอยู่ก็เลยมาใช้บริการฟอกสีฟัน Cool Light ที่ Grace Dental Clinic ค่ะ

ฟอกสีฟัน Cool Light คืออะไร?

อย่างที่หลายๆ คนทราบกันว่า การฟอกสีฟันนั้นมีอยู่หลายนวัตกรรมมากเลย แป้งก็ได้เข้าไปลองค้นหาข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับการฟอกสีฟันแต่ละแบบ รวมถึงได้สอบถามคุณหมอฟันของทาง Grace Dental Clinic โดยตรงว่า การฟอกสีฟัน Cool Light คืออะไร

คุณหมอก็บอกว่า การฟอกสีฟัน Cool Light คือ การฟอกสีฟันผ่านการใช้น้ำยาไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ทาลงไปที่สีของฟัน แล้วใช้แสงสีฟ้าซึ่งเป็นแสงเย็นยิงซ้ำลงไปยังน้ำยาเพื่อกระตุ้นให้เม็ดสีฟันเกิดการแตกตัวและเปลี่ยนสีที่อาจหมองหรือเหลืองจนไม่สดใสให้กลับมาสว่างสวยขึ้นอีกครั้ง

จุดเด่นที่น่าประทับใจของการฟอกสีฟัน Cool Light นอกจากจะให้ผลลัพธ์การฟอกที่ชัดเจนแล้ว ยังมีราคาย่อมเยากว่าการฟอกสีฟันแบบอื่นด้วยค่ะ เรียกง่ายๆ ก็คือ ได้ทั้งฟันสวยและยังประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้อีก

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Cool Light

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Cool Light จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ โดยเริ่มแรกเราจะต้องแปรงฟันทำความสะอาดช่องปากให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นคุณหมอจะขัดหินปูนให้ แล้วนำโมเดลฟันซึ่งจะเป็นฟันสีต่างๆ ตั้งแต่เหลืองมากไปจนถึงขาวสว่างมากเป็นซี่เดี่ยวๆ มาเทียบกับเฉดสีฟันของเราว่า ก่อนฟอกนั้น ฟันของเราขาวสว่างอยู่ที่เบอร์อะไร แล้วหลังฟอกเสร็จแล้ว ผลลัพธ์ออกมาฟันน่าจะขาวสว่างอยู่ที่โมเดลฟันเบอร์ไหน

จากนั้นคุณหมอจะเริ่มขัดฟันและใส่รีแทรคเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยป้องกันลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้มไม่ให้สัมผัสกับน้ำยาฟอกสีฟันจนเกิดความระคายเคืองได้ค่ะ

ระหว่างที่ใส่เครื่องมือก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยนะคะ คุณหมอจะคอยถามด้วยว่ากลืนน้ำลายได้มั้ย หายใจสะดวกหรือเปล่า เครื่องมือกับแผ่นซับน้ำลายแน่นเกินไปมั้ย ไม่ต้องห่วงนะคะว่าคุณหมอฟันที่นี่จะอิกนอร์หรือดุเรา เพราะที่นี่เขาบริการคนไข้ด้วยความห่วงใยตลอดเวลาจริงๆ

หลังจากเตรียมพร้อมสำหรับการฟอกสีฟันแล้ว คุณหมอจะเริ่มทาเจลสีฟ้าๆ ลงไปที่เหงือกรอบๆ ฟันซี่ที่เราจะฟอกค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกถูกสารฟอกสีฟันจนเกิดความระคายเคืองขึ้นได้นั่นเอง จากนั้นก็จะใช้แสงสีฟ้ายิงลงไปที่เจลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำงานป้องกันเหงือกอย่างละเอียดอีกครั้ง

หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการฟอกสีฟันกันแล้วค่ะ โดยคุณหมอจะทาน้ำยาฟอกลงไปทั่วหน้าฟัน จากนั้นจะฉายแสงสีฟ้าซึ่งเป็นแสงเย็นลงไปที่หน้าฟันนานประมาณ 15-20 นาที ทำแบบนี้ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน ในระหว่างนี้แป้งจะมีรู้สึกเสียวฟันแปลบๆ บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

หลังจากการฟอกสีฟันเสร็จสิ้น คุณหมอฟันก็จะล้างน้ำยาฟอกสีฟันที่ติดค้างอยู่ออกให้หมด แล้วนำโมเดลฟันกลับมาเทียบสีฟันให้แป้งเห็นใหม่อีกครั้งว่า หลังจากฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว สีฟันของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

โดยสรุปแล้วกระบวนการฟอกสีฟัน Cool Light ก็มีเพียงเท่านี้เองค่ะ แต่เพื่อให้ผลลัพธ์การฟอกสีฟันมีความขาวสว่างอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานานมากขึ้น แป้งจึงขอให้คุณหมอจัดชุดฟอกสีฟันที่บ้านให้แป้งด้วย 

วิธีการฟอกสีฟันที่บ้าน

เครื่องมือการฟอกสีฟันที่บ้านที่แป้งรับมาก็คือ น้ำยาฟอกสีฟันซึ่งจะมีเปอร์เซ็นความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำยาฟอกที่คลินิก 1 หลอดค่ะ และได้รับชุดโมเดลตัวพิมพ์ฟันที่พิมพ์จากฟันของแป้งเองหนึ่งชุด รวมถึงกล่องใส่ด้วย สำหรับพกพากรณีเราออกไปทำงานหรือออกไปข้างนอกและต้องการนำชุดฟอกสีฟันติดตัวไปด้วย

สำหรับขั้นตอนการฟอกสีฟันที่บ้าน คุณหมอได้อธิบายไว้อย่างง่ายมากๆ ค่ะ ขั้นตอนโดยคร่าวๆ ก็คือ ให้แป้งหยดน้ำยาลงไปในตัวพิมพ์ฟันประมาณหัวไม้ขีดไฟให้เต็มทั้งหมด 8 ซี่ตามจำนวนฟันของตัวพิมพ์ฟัน จากนั้นให้ใส่ตัวพิมพ์ฟันซ้อนลงไปในปากทั้งแถวฟันบนและล่าง ให้น้ำยาที่ใส่ลงไปได้ไปสัมผัสกับผิวเนื้อฟันเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีที่เนื้อฟันต่อไป

คุณหมอแนะนำให้แป้งฟอกสีฟันที่บ้านสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็พอค่ะ ไม่จำเป็นต้องฟอกทุกวันอย่างที่คิดไว้ โดยในตอนกลางวันให้ใส่ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 ชั่วโมงหรือหากไม่ชอบฟอกตอนกลางวัน ก็สามารถฟอกทิ้งไว้ตอนนอนหลับช่วงกลางคืนก็ได้ แต่ไม่ควรใส่ไว้นานเกิน 8 ชั่วโมง หากคิดว่าจะหลับแล้วใส่เกิน ก็ให้ตั้งนาฬิกาปลุกขึ้นมาถอดออกด้วย 555 นอกจากนี้ยังไม่ควรฟอกสีฟันอย่างต่อเนื่องกันเกิน 2 สัปดาห์ด้วยค่ะ

วิธีเก็บรักษาน้ำยาฟอกสีฟันก็ให้เก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นค่ะ ส่วนตัวพิมพ์ฟันก็ให้ใช้แปรงสีฟันแปรงทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจานหลังจากใช้งานให้เรียบร้อย จากนั้นก็ตากหรือเช็ดให้แห้งแล้วเก็บไว้ในกล่องใส่อุปกรณ์ที่ได้รับมาด้วยก็เป็นอันเรียบร้อย

สรุปง่ายๆ ก็คือ การฟอกสีฟันที่บ้านไม่จำเป็นต้องทำสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานานค่ะ แต่ให้คงความต่อเนื่องในฟอกทุกๆ สัปดาห์ไว้ก็พอ ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมถึงอาหารคาวพวกต้ม แกง ผัดที่มีสีจัดๆ ด้วย

ซึ่งเรื่องการหลีกเลี่ยงไม่กินชาหรือกาแฟสำหรับแป้งก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่ค่ะ เพราะแป้งกินกาแฟแทบทุกวัน 5555 คุณหมอจึงแนะนำว่า ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้ดื่มโดยใช้หลอดดูดเอา จะช่วยให้โอกาสที่สีของเครื่องดื่มไปสัมผัสฟันลดลงได้บ้าง

สำหรับใครที่สนใจอยากฟอกสีฟันให้เนื้อฟันขาวสว่างขึ้น แต่มีราคาค่าใช่จ่ายที่ไม่แพง รวมถึงอยากได้คุณหมอฟันที่ใจดี เชี่ยวชาญ สามารถให้นำแนะนำในการฟอกสีฟันและการดูแลฟันด้านอื่นๆ ได้อย่างเป็นกันเอง แป้งขอแนะนำให้มาที่ Grace Dental Clinic เป็นตัวเลือกแรกเลยนะคะ หรือจะจองคิวทำนัดผ่าน HDmall.co.th ก็จะได้โปรโมชั่นที่คุ้มค่ามากๆ เลยค่ะ

บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

• ฟอกสีฟันเอง กับที่คลินิก แบบไหนดีกว่ากัน?
• การฟอกสีฟันแบบ Cool Light คืออะไร? ปลอดภัยหรือไม่?
• ฟอกสีฟัน Cool Light ดีไหม? ราคาประมาณเท่าไหร่?