รีวิวทำ ReLEX Smile แบบ Monovision ที่ โรงพยาบาลพระรามเก้า

ด้วยความที่เราสายตาสั้นมานานมากแล้ว น่าจะตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี แล้วก็ใส่คอนแทคเลนส์มาตลอด จนเมื่อปีที่แล้วรู้สึกว่าค่าสายตาเราเปลี่ยน ภาพที่มองเห็นชัดเมื่อใส่คอนแทคเลนส์เริ่มมัว รู้สึกว่าค่าสายตาเราไม่ปกติ สั้นกว่าเดิม

จากเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์คอนแทคเลนส์เลย ก็กังวลว่าสายตาเราอาจมีปัญหาอื่นๆ เช่น สายตาเอียง หรือสายตายาวตามอายุ ถ้าจะต้องเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ หรือตัดใหม่คงจะลำบาก เลยตัดสินใจหาข้อมูลทำเลสิกไปเลยดีกว่า

ตอนที่เข้ามาปรึกษาคุณหมอ เค้าจะดูค่าสายตา และความหนาของกระจกตาว่าเราสามารถทำด้วยเทคนิคไหนได้บ้าง พอคุณหมอบอกว่าทำได้หมดขึ้นกับที่เราสะดวก และความคุ้มค่าของงบประมาณ เราเลยทำ ReLEx SMILE เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

ในตอนแรกเราก็เปรียบเทียบวิธีการทำ FEMTO LASIK กับ ReLEx SMILE แต่พอได้เข้าปรึกษาคุณหมอก็ตัดสินใจทำเป็น ReLEx SMILE เพราะว่าเป็นเทคนิคที่ดีกับดวงตามากที่สุดในปัจจุบัน แถมยังแผลเล็ก และลดอาการตาแห้งหลังทำได้ค่ะ

ที่ไม่ได้เลือกทำ FEMTO LASIK ก็เพราะว่า แผลจะมีขนาดประมาณ 22 มิลลิเมตร ใหญ่กว่าแบบ ReLEx SMILE ที่แผลจะเล็กแค่ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งข้อดีของการทำ ReLEx SMILE อีกอย่างคือ แผลมันเล็กมาก ถ้าเราไม่พอใจในค่าสายตา ก็สามารถแก้ไขซ้ำในแผลเดิมได้ค่ะ

ทำเลสิกแบบ ReLEx SMILE คืออะไร?

ReLEx (Refractive Lenticule Extraction) SMILE (Small Incision lenticule extraction) เป็นนวัตกรรมที่ใช้ในการรักษาสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์ แพทย์จะใช้เลเซอร์ Femtosecond Laser ปรับความโค้งและความหนาของกระจกตา

จากนั้นก็ปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในให้เป็นรูปเลนส์โดยไม่ต้องแยกชั้นกระจกตา และนำเนื้อเยื่อที่ผ่านการปรับแต่งออกโดยเปิดรอยแผลประมาณ 2-4 มิลลิเมตร

ข้อดีของการทำเลสิกแบบ ReLEx SMILE จะช่วยลดขั้นตอนการเปิดและปิดชั้นกระจกตา ใช้เวลาผ่าตัดน้อย แผลเล็ก ดูแลแผลได้ง่ายค่ะ

จริงๆ แล้วเรารู้จัก HDmall.co.th จากคุณหมอ เค้าแนะนำว่าที่เว็บไซต์นี้มีส่วนลดเพิ่มเติมจากโรงพยาบาล ก็เลยเข้ามาดูโปรโมชั่น และพอถามแอดมินที่ไลน์ @HDcoth ก็เห็นว่ามีหลายราคาจากหลายโรงพยาบาลให้เราเปรียบเทียบค่ะ

ที่ HDmall.co.th เพิ่มทางเลือกให้เรามากขึ้นจากเดิมที่มองเอาไว้ไม่กี่ที่ พอเข้ามาที่นี่ก็เลยได้ตัดสินใจจองคิวเข้าปรึกษาที่โรงพยาบาลพระรามเก้า เพราะที่นี่เห็นว่ามีศูนย์เลสิกที่เปิดใหม่ และมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ คุณหมอตุล พญ.ตุลยา ตั้งศิริพัฒน์ ค่ะ

เราเลือกจองคิวปรึกษากับหมอตุล ผ่าน HDmall.co.th ซึ่งในครั้งแรกก็เข้าไปวัดสายตาก่อน แล้วก็ขยายม่านตาเพื่อดูความหนาของกระจกตา และพอได้ปรึกษากับคุณหมอเค้าก็บอกว่าสามารถทำได้เลย แต่เบื้องต้นคุณหมอแนะนำว่าให้ทำแบบ Monovision ก็เลยให้เราไปลองแว่นดูก่อนว่าโอเคไหม

Monovision คืออะไร

เราก็ไปหาข้อมูลว่า การทำ Monovision คือการรักษาอย่างเต็มที่ในดวงตาข้างหนึ่ง เพื่อใช้เป็นหลักในการมองระยะไกล ส่วนอีกข้าง จะรักษาให้สายตาสั้นไว้เล็กน้อยเพื่อให้มองในระยะใกล้

เนื่องจากสายตาเรามีทั้งสั้นและยาว แถมยังมีเอียงด้วย คุณหมอเลยแนะนำเป็นวิธีนี้ ซึ่งการรักษาสายตาสองข้างที่ไม่เท่ากัน แต่พอใช้สายตาในการมองพร้อมๆ กันและเมื่อปรับตัวได้ก็จะมองเห็นได้ดีทั้งระยะใกล้และไกลค่ะ

แต่ๆๆๆ คุณหมอก็เตือนนะคะว่า การทำ Monovision อาจทำให้การกะระยะลดลง ถ้าหากมีความจำเป็นต้องขับรถช่วงกลางคืน หรือในที่ที่แสงน้อย ควรใช้แว่นสายตาเพื่อให้ดวงตาทั้งสองข้างโฟกัสภาพได้เท่ากันค่ะ

สรุปง่ายๆ นะคะ การทำ Monovision คือการรักษาค่าสายตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เพื่อให้ตาข้างนึงมองได้ชัดในระยะไกล ส่วนอีกข้างมองได้ชัดในระยะใกล้ แต่พอเราใช้สายตาสองข้างพร้อมกัน ภาพที่เห็นจะเป็นปกติเมื่อชินแล้วค่ะ

แต่เนื่องจากเรายังไม่เคยลองวิธีการมองเห็นด้วยวิธีนี้มาก่อน คุณหมอเลยแนะนำให้ไปตัดแว่นเพื่อลองใช้ชีวิตประจำวันดูก่อนว่าโอเคไหม เราก็กลับไปตัดแว่นตามค่าสายตาที่คุณหมอแนะนำ และใส่แว่นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ

ในตอนแรกก็อาจจะงงๆ นิดหน่อย แต่พอใส่ไปนานๆ ก็เริ่มคุ้นชิน ก็เลยตัดสินใจว่าจะทำ ReLEx SMILE แบบ Monovision ก็เลยทำนัดวันผ่าตัดเข้ามาเลยค่ะ

ขั้นตอนการทำเลสิกแบบ ReLEx SMILE

พอมาถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็จะขอวัดสายตาอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ซึ่งค่าสายตาเราก็เปลี่ยนจากที่วันเมื่อครั้งก่อนนิดหน่อย แต่เราก็ตัดสินใจเอาค่าใหม่นี้

เราได้คิวผ่าตัดช่วงบ่าย พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็จะให้สวมชุด และใส่หมวกเพื่อเก็บผม จากนั้นพาไปทำความสะอาดล้างหน้า ตรงนี้เจ้าหน้าที่ย้ำให้ทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาเลยค่ะ จากนั้นก็พาไปหยอดยาชาและยาต่างๆ และนั่งรอสักพักเพื่อเข้าห้องทำเลสิกค่ะ

ในห้องเลสิก เจ้าหน้าที่จะคอยยืนตามแต่ละจุดของตัวเองเลย เค้าก็จะแนะนำว่าให้นอนหันหัวยังไง หัวจะต้องอยู่ตำแหน่งที่ตรงสุดๆ คุณหมอจะล็อกหัวเราไม่ให้หันซ้ายขวาได้ ถ่างเปลือกตาเราได้ แต่เค้าไม่สามารถบังคับตาดำเราได้

ตรงนี้เราจะต้องตั้งสติมองแสงไฟสีเขียวตลอดเลย ห้ามกรอกตาไปมาเด็ดขาด หากเรามองที่จุดสีเขียวก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าบางคนตกใจกรอกตาไปมา เลเซอร์อาจจะผิดพลาดทำให้ค่าสายตาคลาดเคลื่อนได้ค่ะ

ระยะเวลาที่เราจะต้องมองที่จุดแสงสีเขียวก็จะประมาณ 24 วินาทีต่อข้างค่ะ แปปเดียวจริงๆ ไม่ถึง 1 นาทีก็เสร็จแล้ว เราก็เลยตั้งใจมองตลอด คุณหมอก็จะคอยบอกตลอดเลยค่ะ คอยคุยกับเราช่วยให้ผ่อนคลายไปได้เยอะ

ระหว่างที่เรามองจุดแสงสีเขียวๆ นั่นคือช่วงที่เลเซอร์ยิงเข้ามาเพื่อปรับความโค้ง ปรับความหนาของประจกตา และปรับแต่งเนื้อเยื่อในกระจกตาให้เป็นรูปเลนส์โดยไม่แยกชั้นกระจกตาค่ะ จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์นำเนื้อเยื่อนั้นออก ซึ่งแผลจะเล็กมากๆ ประมาณ 2-4 มิลลิเมตร อย่างที่บอกเลยค่ะ

สำหรับใครที่กลัวตอนถ่างตานะคะ อธิบายเพิ่มว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ที่ง้างให้เปลือกตาเราเปิด แต่อีกข้างเค้าจะปิดตาเราไว้ ความรู้สึกก็ไม่ได้เจ็บอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ส่วนตอนที่ยิงเลเซอร์มาที่ตา ก็ไม่ได้เจ็บอะไรเลย ยาชาทำงานได้ดีมากๆ ค่ะ

หลังทำเลสิกแบบ ReLEx SMILE

หลังจากทำเสร็จปุ๊ป เจ้าหน้าที่ก็จะหยอดน้ำตาเทียมให้ และนำอุปกรณ์ใสๆ มาครอบตาเราไว้ ซึ่งเราจะอยู่กับที่ครอบตานี้ทั้งคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เราเผลอขยี้ตาขณะนอนหลับ

ทางโรงพยาบาลจะให้ยากินมาสองตัวคือ ยานอนหลับ ยาแก้ปวด และยาหยอดตาที่เป็นยาแก้อักเสบ น้ำตาเทียม และน้ำเกลือสำหรับเช็ดทำความสะอาดรอบดวงตามาด้วยเพราะว่าเค้าห้ามล้างหน้าค่ะ

พอกลับบ้านเราต้องรีบนอนค่ะ ถ้าใครนอนไม่หลับก็กินยานอนหลับเลย ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องรีบนอน กลับมาถึงบ้านประมาณตอน 4 โมงเย็น พอยาชาหมดฤทธิ์ น้ำตาก็ไหลเหมือนคนร้องไห้เลย

เราโทรไปปรึกษากับโรงพยาบาลว่ามีอาการน้ำตาไหลเอง เค้าก็บอกว่าเป็นผลข้างเคียงจากการทำเลสิก และแนะนำให้รีบกินยาแล้วนอนหลับเพื่อให้แผลสมานตัว เพราะการนอนหลับจะช่วยสมานแผลได้ดีที่สุด ตื่นมาอีกครั้งตอน 4 ทุ่ม ไม่ได้รู้สึกเคืองตาหรือมีน้ำตาไหลแล้ว ก็เลยรีบนอนต่อเลยค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้นจะต้องกลับมาติดตามผล ให้คุณหมอตรวจดูดวงตาอีกครั้ง ในวันนี้เราใส่แว่นดำเพื่อกันแสงจ้าๆ ค่ะ คุณหมอก็จะดูว่าแผลผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง ถ้าหากมีอาการอักเสบคุณหมอก็จะให้ใช้ยาหยอดตาที่เตรียมไว้ให้ แต่ของเราแผลไม่ได้อักเสบมาก ก็เลยไม่ต้องใช้ยา

จากนั้นก็ไปวัดค่าสายตาซ้ำว่าเป็นยังไงบ้าง ค่าสายตาถูกปรับมาตามที่ต้องการไหม ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ส่วนการมองเห็นก็ชัดเจนค่ะ แต่มีความพร่ามัวเล็กน้อย คุณหมอบอกว่าจะใช้เวลาสักประมาณ 3 เดือน ภาพจะค่อยๆ หายมัวค่ะ

ประสบการณ์ทำเลสิกแบบ ReLEx SMILE ที่ โรงพยาบาลพระรามเก้า แม้ว่าที่นี่จะเป็นศูนย์เลสิกที่เปิดใหม่ ตอนแรกเราก็กังวลว่าทีมงานจะเข้าขากันได้ดีไหม แต่ปรากฎว่าเค้าประสานงานกันได้ดีมากๆ ทีมงานทุกคนน่ารักและมืออาชีพ แถมคุณหมอก็มีประสบการณ์ด้านการทำเลสิกโดยตรงค่ะ

สำหรับการทำเลสิกกับคุณหมอตุลก็ประทับใจมากๆ ค่ะ คุณหมอตุลเองน่ารักอยู่แล้ว ในตอนแรกเรามีความกังวลเรื่องที่เกี่ยวกับดวงตามากๆ คุณหมอก็ชิวๆ อธิบายทุกอย่างละเอียด และไม่เร่งรัดให้รีบทำ เพราะการทำเลสิกไม่ใช่การผ่าตัดที่เร่งด่วน คุณหมอก็รอให้เรามั่นใจ สบายใจแล้วค่อยทำค่ะ

นอกจากนี้ทีมงานของคุณหมอเองก็จะมีเลขาส่วนตัวที่คอยให้คำปรึกษาเวลาคุณหมอไม่ว่าง ทีมงานในห้องเลสิกก็ดูแลดี คอยแนะนำให้กำลังใจ แอบมีตบบ่าเล็กน้อยเพื่อปลอบใจเราด้วยค่ะ

ที่สำคัญ การจองคิวทำนัดผ่าน HDmall.co.th ก็สะดวกสบายมากๆ เพราะที่นี่เราจะได้ราคาโปรโมชั่นที่ถูกลงไปอีก ใครไม่สะดวกชำระผ่านหน้าเว็บ ก็จองคิวผ่าน HDmall.co.th เพื่อไปชำระเงินที่โรงพยาบาล แล้วนำใบเสร็จมารับแคชแบ็กได้ด้วยค่ะ

---

บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

• ทำ ReLEx สายตา คือะไร ดีไหม? ราคาเท่าไหร่?
• 4 เทคนิคผ่าตัดแก้ค่าสายตา PRK, LASIK, Femto LASIK, ReLEx SMILE
• ReLEx SMILE คืออะไร ดีไหม ทำที่ไหนดี มีผลข้างเคียงอย่างไร?
• รวมราคาเลสิกและสถานพยาบาลที่มีบริการ
  
• ทำ PRK ผ่าตัดรักษาสายตา ข้อจำกัดน้อย ราคาไม่สูง