รีวิว ตรวจครรภ์ดูพัฒนาการทารก ที่ โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ

เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่

• รีวิว ตรวจครรภ์ ที่โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
• ขั้นตอนตรวจอัลตราซาวด์ครรภ์
• วิธีนับลูกดิ้นระหว่างตั้งครรภ์
• วิธีสังเกตอาการเจ็บครรภ์เตือน
• วิธีสังเกตอาการน้ำเดินมูกใสระหว่างตั้งครรภ์
• วิธีสังเกตมูกใสระหว่างตั้งครรภ์
• วิธีสังเกตฟองในปัสสาวะระหว่างตั้งครรภ์
• วิธีสังเกตอาการเท้าบวมระหว่างตั้งครรภ์
• แนวทางการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปสำหรับหญิงตั้งครรภ์
• บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

การฝากครรภ์และมาตรวจครรภ์กับคุณหมออย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนต้องห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ เพราะเป็นกระบวนการที่ทำให้เราได้รู้ว่าลูกน้อยของเราแข็งแรงสมวัยหรือยัง แล้วเราต้องดูแลตนเองเพิ่มเติมอย่างไรเพื่อให้น้องคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

ตอนนี้แนนตั้งครรภ์ลูกคนที่สองได้ 8 เดือนแล้วค่ะ และวันนี้อยากจะมารีวิวกระบวนการตรวจครรภ์กับคุณหมอสูตินรีแพทย์ที่โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการให้ทุกคนได้เข้าใจ และเตรียมความพร้อมเป็นคุณแม่กันค่ะ

รีวิว ตรวจครรภ์ ที่โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ

สำหรับการตรวจครรภ์ ที่ โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เพราะแนนฝากครรภ์ที่นี่อยู่แล้ว และคอยหมั่นมาตรวจครรภ์กับคุณหมอเป็นประจำ

แต่ในครั้งนี้ที่พิเศษขึ้นหน่อยก็เพราะว่าเราจะทำการอัลตราซาวด์เพื่อตรวจครรภ์แบบละเอียด ก็เลยถือโอกาสรีวิวการตรวจครรภ์ให้คุณแม่มือใหม่เข้าใจกระบวนการไปพร้อมๆ กันเลย

อันดับแรก ใครที่ยังไม่ได้ฝากครรภ์ แล้วมองหาโรงพยาบาลในย่านสมุทรปราการ เพื่อที่จะฝากครรภ์ แนนก็แนะนำว่า ให้โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ เป็นตัวเลือกแรกนะคะ

หลังจากฝากครรภ์ที่นี่เสร็จแล้วก็จะมีการนัดตรวจครรภ์อยู่เรื่อยๆ ซึ่งการเดินมาตรวจครรภ์ที่นี่ก็รวดเร็วและไม่ยุ่งยากเลย ซึ่งการตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ก็มายื่นบัตรประชาชนที่ศูนย์สุขภาพสตรี แล้วก็นั่งรอพบคุณหมอลูกหวาย ซึ่งเป็นคุณหมอเจ้าของเคสของแนน เวลาแนนมาตรวจครรภ์ทุกครั้งก็จะเจอกับคุณหมอลูกหวายนี่แหละค่ะ

ก่อนเริ่มตรวจครรภ์ แนนก็จะได้พูดคุยและเล่าความคืบหน้าของอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ให้คุณหมอลูกหวายฟังทุกครั้งที่เจอกันค่ะ

สำหรับวันนี้เมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีก คุณหมอก็ทวนอายุครรภ์ให้ว่า แนนตั้งครรภ์ได้ 32 สัปดาห์แล้วนะ ถือว่าอยู่ในไตรมาสที่ 3 แล้วและใกล้จะคลอดแล้วล่ะ จากนั้นคุณหมอได้สอบถามอาการเพิ่มเติมว่าในระหว่างที่เราไม่ได้เจอกัน แนนมีอาการเจ็บป่วยหรือผิดปกติอะไรมั้ย

ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นก่อนแนนมาตรวจครรภ์รอบนี้จะมีแค่อาการตึงๆ ท้องนิดหน่อยค่ะ น้องในท้องก็มีดิ้นๆ บ้างเกิน 10 ครั้งต่อวัน ตรงตามเกณฑ์ที่คุณหมอเคยคุยกับแนนไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ส่วนอาการน้ำเดิน หรืออาการปวดเจ็บท้องยังไม่มีค่ะ

คุณหมอจึงให้แนนไปเตรียมตัวทำอัลตราซาวด์กัน ซึ่งการอัลตราซาวด์ในวันนี้ เราจะได้เช็กน้ำหนักน้อง ได้วัดขนาดศีรษะของน้องกัน ได้เห็นเขาดิ้นขยับตัว คุณหมอบอกด้วยว่า อายุครรภ์ขนาดนี้น้องน่าจะมีแก้มยุ้ยๆ ให้เห็นแล้วล่ะ เพราะร่างกายจะเริ่มสะสมไขมันมากขึ้นแล้ว และเราจะได้ฟังเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจน้องกันด้วยค่ะ

ขั้นตอนตรวจอัลตราซาวด์ครรภ์

การตรวจอัลตราซาวด์เป็นขั้นตอนที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิดนะคะ เมื่อคุยกับคุณหมอเสร็จ พยาบาลก็พาแนนเข้าไปนอนรอคุณหมอในห้องตรวจอัลตราวซาวด์ค่ะ

ตัวเครื่องอัลตราซาวด์จะตั้งอยู่ข้างๆ เตียงเลย ที่ปลายเตียงนอนบนผนังก็จะมีจอโทรทัศน์ที่เชื่อมกับเครื่องอัลตราซาวด์อยู่ด้วย เมื่อคุณหมอเริ่มอัลตราซาวด์จนเห็นตัวน้องแล้ว เราก็จะเห็นภาพตัวน้องบนจอที่ปลายเตียงด้วยเหมือนกันค่ะ ไม่ต้องเอี้ยวคอไปดูน้องบนจอจากเครื่องอัลตราซาวด์ให้เมื่อยเลย

อันดับแรกก่อนตรวจอัลตราซาวด์ พยาบาลก็จะขอเปิดเสื้อเราขึ้นเพื่อให้คุณหมอเอาเครื่องมือถูกับผิวหน้าท้องได้ค่ะ จากนั้นคุณหมอจะบีบเจลใสๆ เย็นๆ ลงบนผิวหน้าท้อง แล้วเริ่มใช้หัวเครื่องอัลตราซาวด์ลูบไปทั่วบริเวณเพื่ออัลตราซาวด์ดูน้อง

ระหว่างที่อัลตราซาวด์ คุณหมอจะปิดไฟเพื่อให้เห็นภาพจากอัลตราซาวด์บนจอชัดขึ้นนะคะ เนื่องจากภาพที่ออกมามันจะเป็นโทนสีดำๆ เกือบทั้งภาพเลย ถ้าเปิดไฟดูจะทำให้เห็นน้องไม่ชัดค่ะ

ภาพแรกที่แนนเห็น คือ ศีรษะของน้องก่อนค่ะ คุณหมอลองวัดขนาดดูแล้ว ถือเป็นขนาดศีรษะที่ตรงตามเกณฑ์อายุครรภ์ดี และศีรษะน้องเริ่มอยู่ในท่าเอาหัวลงแล้ว ซึ่งเป็นท่าที่เหมาะต่อการคลอดแบบธรรมชาติ คุณหมอบอกว่าถ้าน้องไม่เอาหัวลงเนี่ย จะมีปัญหาในระหว่างคลอดได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงหลาย จนอาจทำให้คุณหมอต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีผ่าคลอดแทนค่ะ

ต่อมาคุณหมอก็อัลตราซาวด์ตรงทรวงอกน้องให้ดู เพื่อจะได้ดูลักษณะการหายใจของน้อง ซึ่งทรวงอกจะมีการขยับยุบและพองเข้าออกอยู่เรื่อยๆ จากนั้นก็อัลตราซาวด์ดูหัวใจของน้องกัน จะเห็นเป็นก้อนเต้นตุบๆๆ ใหญ่เลย วินาทีนั้นตื้นตันมากค่ะ ดีใจมากๆ ที่เขาสุขภาพแข็งแรง

คุณหมอให้แนนฟังเสียงหัวใจน้องด้วยนะคะ เต้นเร็วสม่ำเสมอดีมาก คุณหมอให้ความรู้เสริมด้วยว่า จังหวะการเต้นหัวใจของทารกจะเร็วกว่าจังหวะการเต้นหัวใจของคนวัยผู้ใหญ่หน่อยค่ะ จากนั้นเราก็ไปวัดขนาดพุงกลมๆ ของน้องกัน และตรวจเช็กปริมาณน้ำคร่ำกันหน่อย ซึ่งน้ำคร่ำของแนนอยู่ในเกณฑ์ปกติดีค่ะ

คุณหมอให้ความรู้ว่า น้ำคร่ำน้อยหรือมากมันบอกอะไรได้หลายอย่างเลย เพราะปริมาณน้ำคร่ำเป็นตัวบ่งชี้ปัญหารกเสื่อมได้ค่ะ ถ้ารกเสื่อมก็จะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงร่างกายน้องได้น้อยลง อาจจะทำให้น้องปัสสาวะได้น้อยด้วย เพราะไตของน้องไม่มีเลือดไปเลี้ยง

จากนั้นคุณหมอเปลี่ยนเป็นการอัลตราซาวด์แบบ 3 มิติให้แนนดูค่ะ ตอนนั้นก็เลยได้เห็นน้องแบบหลายมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่ภาพแบนๆ แบบก่อนหน้านี้ละ ได้เห็นทั้งโครงหน้า ดั้งจมูก แก้มกลมๆ และดวงตาสองข้างของน้องด้วย ตื้นตันใจมากๆ ค่ะ

ส่วนน้ำหนักของน้องที่วัดได้จากเครื่องอัลตราซาวด์ในวันนี้อยู่ที่ 2,065 กรัมค่ะ เป็นไปตามเกณฑ์ของอายุครรภ์ดี ถือเป็นน้ำหนักที่ไม่มาก และไม่น้อยเกินไป วัดได้ว่าร่างกายแข็งแรงค่ะ

หลังจากตรวจอัลตราซาวด์ครรภ์กันไปแล้ว ลำดับต่อมาคุณหมอก็จะให้คำแนะนำในการดูแลตนเองเพิ่มเติมด้วยค่ะ เนื่องจากอายุครรภ์ของแนนเยอะแล้ว เลยจะต้องมีขั้นตอนการดูแลและระมัดระวังตนเองเพิ่มขึ่นจากเดิมค่ะ

วิธีนับลูกดิ้นระหว่างตั้งครรภ์

อย่างแรกเลยคุณหมอจะยังให้แนนนับเวลาน้องดิ้นอยู่เหมือนเดิมค่ะ โดยให้นับหลังกินอาหาร 3 มื้อ ถ้าใน 1 วันน้องดิ้นเกิน 10 ครั้งก็ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ปกติดีค่ะ

และระหว่างนั่งทำงานหรือนั่งเฉยๆ ถ้าจู่ๆ น้องกระตุกหรือเหมือนสะดุ้งขึ้นมาก็ไม่ต้องตกใจ นั่นคือน้องสะอึกค่ะ เป็นสัญญาณของการมีสุขภาพที่ดีเหมือนกัน

สำหรับคุณแม่มือใหม่ การนับลูกดิ้นสำคัญมากๆ ค่ะ เพราะการดิ้นของทารกในครรภ์บอกถึงสุขภาพและความผิดปกติของน้องได้

ตรงนี้คุณแม่ต้องสังเกตดีๆ นะคะ เพราะการที่ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงอาจจะเกิดร่วมกับภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังและตกอยู่ในอันตราย อาจเกิดจากน้ำคร่ำน้อย หรือสายสะดือผูกเป็นปมได้ ซึ่งวิธีสังเกตหากทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้นนานถึง 12-48 ชั่วโมง จะเสียชีวิตค่ะ

ดังนั้นการนับลูกดิ้นสำคัญมากๆ เลย คุณหมอก็เลยจะแนะนำให้นับลูกดิ้นอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง แต่ในเคสของแนนเนื่องจากใกล้คลอดแล้ว ก็เลยให้นับหลังอาหารทั้ง 3 มื้อเลยคะ่

ส่วนวิธีการนับลูกดิ้น ก็ให้นับตั้งแต่ลูกกระแทกที่ครรภ์ 1 ครั้ง นับเป็น 1 ครั้งค่ะ กระแทกกี่ครั้งก็นับตามนั้นได้เลย โดยใน 1 ชั่วโมง ต้องมากกว่า 4 ครั้งขึ้นไป แต่ถ้าในชั่วโมงแรกไม่ถึง 4 ครั้ง ให้เริ่มนับในชั่วโมงที่ 2 และหากในชั่วโมงที่ 2 ยังไม่ถึง 4 ครั้ง ก็แนะนำให้รีบไปโรงพยาบาลค่ะ

วิธีสังเกตอาการเจ็บครรภ์เตือน

สิ่งที่ต้องระวังลำดับถัดไปก็คือ “อาการเจ็บเตือน” เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ในคุณแม่ที่ใกล้คลอด ลักษณะอาการคือ เราจะรู้สึกว่าหน้าท้องแข็งและตึงมากโดยเฉพาะส่วนบนสุดของหน้าท้อง หรือที่เรียกว่า “ยอดมดลูก” ถ้าอาการท้องแข็งตึงเกิดขึ้นแค่ชั่วโมงละ 1-2 ครั้งในแต่ละวัน ก็ยังถือว่าปกติค่ะ

แต่ถ้าเมื่อไรอาการท้องแข็งตึงมันเริ่มถี่เป็นชั่วโมงละ 2-3 ครั้ง และท้องเริ่มแข็งจนลามกลายเป็นอาการเจ็บเนี่ย อาจจะเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดได้ ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที

วิธีสังเกตอาการน้ำเดินมูกใสระหว่างตั้งครรภ์

อาการถัดมาที่ต้องสังเกตให้ดีก็คือ “อาการน้ำเดิน” ค่ะ เมื่อไรที่เราน้ำเดินก็จะเห็นเป็นน้ำใสๆ ไหลออกมาจากช่องคลอด ถ้าเห็นว่ามีน้ำเดินเมื่อไร ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นค่ะ หยุดทุกอย่างแล้วมาโรงพยาบาลทันทีเลย

วิธีสังเกตมูกใสระหว่างตั้งครรภ์

ระหว่างนี้เราอาจจะสังเกตเห็นมูกใสๆ ยืดๆ ไหลออกมาจากช่องคลอดด้วยนะคะ แต่ในส่วนนี้ถ้าสังเกตเห็น ก็ยังไม่ต้องมาโรงพยาบาลก็ได้ค่ะ เพราะเป็นอาการปกติที่พบเจอได้ปกติในอายุครรภ์ที่เยอะๆแล้ว

แต่!...ถ้าเมื่อไรที่มูกยืดๆ มีเลือดปนออกมาด้วย ให้รีบมาโรงพยาบาลทันทีเลยค่ะ คุณหมอบอกว่า เลือดที่ปนอาจจะมาจากจุกมดลูกหลุด ซึ่งเป็นสัญญาณของการเจ็บท้องคลอดได้ เพราะเวลาที่เราใกล้คลอด ปากมดลูกจะเปิดและขยายตัว ทำให้เส้นเลือดที่บริเวณปากมดลูกแตก และมีเลือดไหลปนออกมาค่ะ

วิธีสังเกตฟองในปัสสาวะระหว่างตั้งครรภ์

นอกจากการสังเกตมูกใส เรายังต้องสังเกตฟองปัสสาวะด้วยนะคะ คุณหมอบอกว่าปกติปัสสาวะคนเราก็จะมีฟองเล็กๆ เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็จะหายไป หลายคนเลยอาจจะไม่รู้

แต่ในหญิงตั้งครรภ์ พอปัสสาวะเสร็จให้หันกลับมาดูนิดนึงค่ะ ถ้าสังเกตเห็นฟองในปัสสาวะใหญ่ขึ้นกว่าปกติเมื่อไร แสดงว่าอาจจะมีโปรตีนปนอยู่ในปัสสาวะด้วย เป็นสัญญาณของครรภ์เป็นพิษได้ ให้รับกลับมาพบคุณหมอทันที

วิธีสังเกตอาการเท้าบวมระหว่างตั้งครรภ์

นอกจากสังเกตปัสสาวะ คุณหมอแนะนำว่าให้สังเกตอาการเท้าบวมด้วยก็ดีค่ะ พออายุครรภ์เยอะๆ คุณแม่บางคนก็จะมีอาการเท้าบวมเกิดขึ้น การยกขาสูงขึ้นหน่อยจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ถ้าเมื่อไรที่เท้าเริ่มบวมแล้วลามขึ้นมาที่ขาและอวัยวะอื่นๆ ด้วย ให้กลับมาเช็กอาการกับคุณหมอหน่อยจะดีกว่าค่ะ

แนวทางการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปสำหรับหญิงตั้งครรภ์

หลายคนอาจจะคิดว่ายิ่งท้องใหญ่ คุณแม่น่าจะยิ่งกินจุใช่มั้ยคะ แต่เปล่าเลยค่ะ คุณหมอบอกแนนว่า ยิ่งท้องใหญ่ คุณแม่จะยิ่งกินได้น้อยลงด้วยซ้ำ ใครที่เป็นมีอาการกรดไหลย้อน ในช่วงนี้อาการอาจจะกลับมาได้ค่ะ คุณหมอแนะนำให้แนนลองกินอาหารเป็นมื้อเล็กๆ ลง แต่ให้กินถี่ๆ ย่อยๆ หลายๆ มื้อเอาต่อวันแทนค่ะ

นอกจากนี้คุณหมอยังเตือนให้ระวังการขึ้นลงบันไดด้วยค่ะ เพราะการอุ้มท้องที่ใหญ่ขึ้นอาจจะทำให้เราพลัดตกหกล้มได้ค ทางที่ดีให้ค่อยๆ เดิน หรือเลี่ยงการขึ้นลงบันไดไปจนกว่าจะคลอดน้องดีกว่า

ส่วนการออกกำลังกายยังทำได้นะคะ แต่แนะนำให้เป็นการออกกำลังกายในน้ำเพื่อให้มวลน้ำช่วยพยุงท้องแทนจะดีกว่า จะได้ลดความเสี่ยงเรื่องหกล้มด้วย และหลังจากนี้คุณหมอจะเริ่มนัดให้มาตรวจครรภ์ถี่ขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ

จากที่ปกติเราจะเจอกันทุกๆ ประมาณ 4 สัปดาห์ ตอนนี้คุณหมอจะนัดให้มาตรวจครรภ์ 3 สัปดาห์ต่อครั้งเพื่อดูวิวัฒนาการของน้องที่เริ่มใกล้คลอดแล้ว

ถึงคนนี้จะเป็นลูกคนที่สอง แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีที่จะได้เจอหน้าลูกค่ะ สำหรับคุณแม่มือใหม่หรือที่เพิ่งตั้งครรภ์ทุกคน อย่ามองข้ามการฝากครรภ์และมาตรวจครรภ์กับคุณหมอตามนัดทุกครั้งนะคะ จะได้มีลูกที่สุขภาพแข็งแรงสมวัย มีแก้มยุ้ยๆ กลมๆ เหมือนลูกของแนนค่ะ

ส่วนใครที่ตั้งครรภ์ แล้วยังไม่รู้ว่าจะฝากครรภ์ที่ไหนดี แนนแนะนำเลยค่ะว่า การฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ คุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนให้บริการดีมากๆ ประทับใจทุกครั้งที่เข้ามาตรวจติดตามครรภ์เลยค่ะ และตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่นร่วมกับ HDmall.co.th ด้วยนะคะ ลองเข้าไปดูรายละเอียดกันได้ค่ะ

---

บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

• ฝากครรภ์ ต้องไปพบแพทย์กี่ครั้ง? แต่ละครั้งทำอะไรบ้าง?
• ไปฝากครรภ์ ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับฝากครรภ์ มีอะไรบ้าง?