นวัตกรรมการแพทย์และการรักษาโรคมะเร็ง ตอบครบทุกคำถามโดยแพทย์


HDmall สรุปให้

ขยาย

ปิด

  • การรักษาโรคมะเร็งแบบดั้งเดิมคือการฉายรังสีบำบัด (Radiotherapy) การทำเคมีบำบัดหรือคีโม (Chemotherapy) และการผ่าตัด (Surgery) แต่ความสำเร็จจากการรักษาอยู่ที่เพียง 30-34% และมีจำนวนผู้ป่วยที่รอดชีวิตจากการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้เพียง 2-3%
  • การใช้ความร้อนทำลายเซลล์มะเร็งส่งผลทำให้เซลล์บางส่วนตายและหดตัวลง ไม่เจริญเติบโตแพร่กระจายออกไปสู่อวัยวะหรือพื้นที่ใกล้เคียง และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
  • พืชสมุนไพรที่มีความโดดเด่นและสามารถสกัดสารเหล่านี้มาทำเป็นสารต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ ได้แก่ ขมิ้นชัน (Turmeric) กระชาย (Fingerroot) ขิง (Ginger) เคาร์คูมิน (Curcumin) ชาเขียว (Green Tea)
  • โรคมะเร็งชนิดเดียวที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังไม่สามารถเอาชนะมันได้ นั่นก็คือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือโรคลูคีเมีย (Leukemia) เนื่องจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ไม่ใช่เซลล์ที่ผิดปกติเหมือนโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งจะต้องยอมรับให้ได้ว่าตนเองเป็นโรคมะเร็ง ยอมรับว่ากำลังป่วยและกำลังรักษา และใจเย็นๆ ไม่ใช่เพียงวันละครั้งหรือวันละชั่วโมง แต่ขอให้ใจเย็นตลอดเวลา เพราะการตื่นกลัวหรือตกใจกับโรคร้ายที่เกิดขึ้นจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยหลายรายไม่สามารถควบคุมกิจวัตรประจำวันในส่วนอื่นๆ ได้
  • บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDinsight ได้รับการสปอนเซอร์จาก Bangkok Anti Aging Center แพทย์ผู้ให้ข้อมูลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายแพ็กเกจดังกล่าว

สารบัญเนื้อหา


การรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดยังคงเป็นความท้าทายที่ยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ ว่าวิธีไหนกันแน่ที่สามารถรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกประเภทให้หายขาดได้มากที่สุด และจนถึงปัจจุบัน อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งก็ยังคงสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม วิธีรักษาโรคมะเร็งที่จะสามารถรักษาผู้ป่วยโรคนี้ให้หายขาดได้นั้น ใช่ว่าจะไม่มีเสียทีเดียว เพียงแต่น้อยคนที่จะรู้จักวิธีเหล่านี้ รวมถึงอาจไม่รู้จักศูนย์การแพทย์ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น

ทาง HDmall.co.th ขอเป็นเป็นหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้พบกับทางเลือกการรักษาที่ทำให้หายขาดจากโรคร้ายแรงนี้ได้ จึงขอนำเสนอความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและวิธีการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน ที่สามารถสร้างโอกาสให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถหายขาดจากโรคร้ายแรงนี้ได้

HDmall.co.th ร่วมกับ Bangkok Anti-Aging Center โดย Dr. Michael W. Trogish แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็งจากประเทศเยอรมัน และประจำการเป็นที่ปรึกษาด้านการรักษาโรคมะเร็ง BAAC ที่จะมานำเสนอความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการแพทย์ในยุคปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็งได้มากที่สุด

วิธีรักษาโรคมะเร็งในยุคปัจจุบันมักใช้วิธีอะไร?

Dr. Michael กล่าวว่า จนถึงยุคปัจจุบันวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบดั้งเดิมอย่างการฉายรังสีบำบัด (Radiotherapy) การทำเคมีบำบัดหรือคีโม (Chemotherapy) และการผ่าตัด (Surgery) ก็ยังคงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมกันอยู่ในทุกโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเหล่านี้กลับอยู่ที่เพียง 30-34% ทั่วโลกเท่านั้น และมีจำนวนผู้ป่วยที่รอดชีวิตจากการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้เพียง 2-3%

Dr. Michael เสริมว่า เปอร์เซ็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นยังจัดว่าไม่เพียงพอ และถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จในฐานะวิธีรักษาโรคมะเร็ง เพราะยังมียอดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากอยู่เช่นเดิม ด้วยเหตุนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจึงเริ่มหันกลับมาค้นคว้าวิธีรักษามะเร็งแบบอื่น โดยเฉพาะวิธีรักษามะเร็งจากธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ยา แต่ใช้ศาสตร์การรักษาแบบอื่นเข้ามารักษาโรคมะเร็งแทน

นวัตกรรมรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ที่เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ป่วย

Dr. Michael ได้จำแนกวิธีรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ที่น่าสนใจและมีแนวโน้มจะเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งได้ดีกว่าวิธีแบบเก่าๆ ที่กล่าวไปข้างต้น ดังต่อไปนี้

1. การใช้ความร้อนทำลายเซลล์มะเร็ง

แทนที่จะใช้รังสีหรือคลื่นพลังงานในการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะใกล้เคียงได้ Dr. Michael ได้แนะนำให้เรารู้จักวิธี “การใช้ความร้อนทำลายเซลล์มะเร็ง หรือ Local Hyperthermia” ซึ่งเป็นวิธีการใช้ความร้อนเข้าไปเพิ่มอุณหภูมิต่อเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่ในระดับที่ไม่มากจนเกิดอันตราย โดยจะอยู่ที่ประมาณ 5-8 องศาเท่านั้น

การใช้ความร้อนทำลายเซลล์มะเร็งจะส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งบางส่วนตายและหดตัวลง ไม่เจริญเติบโตแพร่กระจายออกไปสู่อวัยวะหรือพื้นที่ใกล้เคียงอีก นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

อย่างไรก็ตาม Dr. Michael ก็ได้เสริมว่า วิธีการใช้ความร้อนทำลายเซลล์มะเร็งยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เพราะวิธีการนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ “ทุกส่วน” ของร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคน แต่ยังมีข้อจำกัดอยู่ในบางอวัยวะ เช่น ตับ ปอด และยังต้องมีการพัฒนาเครื่องมือต่อไปอีก เมื่อให้ความร้อนสามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ทุกพื้นที่ภายในร่างกายของมนุษย์

2. การรักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพร

อย่างที่หลายๆ คนรู้กันว่า วิธีรักษามะเร็งที่แพร่หลายและรับรู้กันได้บ่อยๆ มักจะเป็นการใช้สารเคมี สารยา หรือการใช้รังสีอันตรายเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่ง Dr. Michael ได้เสริมว่า ความจริงแล้วมันยังมีอีกวิธีรักษาที่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้โดยไม่ต้องพึ่งสารยา นั่นก็คือ การใช้สมุนไพร

Dr. Michael ได้ยกตัวอย่างพืชสมุนไพรที่มีความโดดเด่นและสามารถสกัดสารเหล่านี้มาทำเป็นสารต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ ได้แก่

นอกจากนี้สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งพบได้ในไวน์แดง ก็ยังเป็นอีกสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านเชื้อมะเร็งได้ด้วยเช่นกัน

โดยในตอนนี้ Dr. Michael ได้ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการในประเทศเยอรมัน ในการวิจัยและค้นคว้าวิธีนำพาสารจากสมุนไพรเหล่านี้เข้าไปสู่เส้นเลือดของผู้ป่วยโรคมะเร็งโดยตรง เพื่อให้สารเหล่านี้สามารถเข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งและต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งชิ้นใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งในตอนนี้มีแนวโน้มความสำเร็จสูงมาก

วิธีรักษาโรคมะเร็งชนิดนี้จึงเรียกได้ว่า เป็นการจับคู่ศาสตร์แพทย์แผนไทยและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาขับเคลื่อนการรักษามะเร็งพร้อมๆ กันอย่างแท้จริง

นอกจากนี้การรักษาโรคมะเร็งด้วยการใช้สมุนไพรยังมีจุดเด่นอยู่ที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดได้ และยังช่วยบำรุงผิวพรรรณให้ดูดีขึ้น ช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยให้ลดลง ซึ่งนับเป็นผลข้างเคียงเชิงบวกที่ต่างจากวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบเดิมๆ ที่ผู้ป่วยมักจะมีผลข้างเคียงเป็นการเจ็บป่วยอื่นๆ ตามมา เช่น ผมร่วง อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ

วิธีรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ทุกชนิดหรือไม่?

Dr. Michael ให้ความมั่นใจว่า เทคโนโลยีการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่นั้นสามารถรักษาโรคมะเร็งได้แทบทุกรูปแบบ

มีเพียงโรคมะเร็งชนิดเดียวที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังไม่สามารถเอาชนะมันได้ นั่นก็คือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือโรคลูคีเมีย (Leukemia) เนื่องจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ไม่ใช่เซลล์ที่ผิดปกติเหมือนโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ

นอกจากนี้ระยะการแพร่กระจายของโรคมะเร็งก็มีส่วนทำให้เกิดข้อจำกัดในการรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้เช่นกัน

โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะที่ 2 และ 3 ยังถือเป็นระยะที่รักษาให้หายขาดได้อยู่ ผู้ป่วยหลายรายในระยะนี้ยังแทบจะดูเหมือนคนปกติทั่วไปและยังมีพละกำลังแข็งแรงอยู่เหมือนเดิม นอกจากนี้ยังเป็นระยะของโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยมักจะยังมีกำลังในการรักษาต่อไปด้วย

แต่ในส่วนของผู้ป่วยระยะที่ 4 หรือที่ Dr. Michael เรียกว่า ระยะแพร่กระจายนั้น การรักษาให้หายขาดยังคงเป็นเรื่องยากอยู่ เพราะเป็นระยะที่ยากต่อการหยุดเซลล์มะเร็งและอวัยวะหลายส่วนของร่างกายผู้ป่วยระยะนี้ก็มักเสียหายไปหลายส่วนแล้ว

อย่างไรก็ตาม Dr. Michael กล่าวว่า เปอร์เซ็นการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะที่ 4 นั้นก็ยังมีสูงถึง 25% ซึ่งนั่นแปลว่า ยังมีโอกาสหายได้ เพียงแต่จะต้องรักษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญและรู้จักวิธีรักษาโรคมะเร็งที่หลากหลายมากพอ

โรคมะเร็งในเด็กสามารถรักษาได้หรือไม่?

เพราะโรคมะเร็งส่วนมากมักเกิดกับกลุ่มวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ คำถามคือ แล้วเด็กๆ ที่โชคร้ายเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่อายุน้อยๆ นั้นยังมีทางรอดหรือไม่?

Dr. Michael ตอบว่า ยังมีวิธีรักษาโรคมะเร็งในเด็กอยู่ โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นโรคมะเร็งเนื่อเยื่ออ่อนหรือมะเร็งซาร์โคมา (Soft Tissue Sarcoma) และยังเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายด้วย โดยเป็นการรักษาผ่าน การทำไฮฟู่ (High-Intensity Focused Ultrasound: HIFU)

โดยการทำไฮฟู่ เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่แพร่หลายและกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก จากการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันและคอลลาเจนผิวหนังที่เสื่อมตัวแล้ว เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง

แต่ในส่วนของการรักษาโรคมะเร็งนั้น แพทย์จะสร้างคลื่นอัลตราซาวน์แบบเดียวกันกับการทำไฮฟู่ ในอุณหภูมิความร้อนประมาณ 100 องศาเซลเซียส แล้วยิงพลังงานลงไปคล้ายกับการยิงปืนเป็นจุดๆ เพื่อทำลายเซลล์เนื้อเยื่อที่สามารถลุกลามกลายเป็นเซลล์มะเร็งให้ถูกทำลายลง จัดเป็นวิธีการรักษามะเร็งที่มีการพัฒนามาจากศาสตร์การรักษาความงาม แต่สามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้มีประสิทธิภาพเช่นกัน

สิ่งที่อยากบอกกับผู้ป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งในขณะนี้

Dr. Michael กล่าวถึงข้อแรกที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งจะต้องยอมรับให้ได้นั่นก็คือ “ยอมรับว่าตนเองเป็นโรคมะเร็ง” พูดง่ายๆ ก็คือ ยอมรับว่ากำลังป่วยและกำลังรักษา รวมถึงยอมรับให้ได้ว่า มันคือเรื่องจริง

สิ่งที่ต้องคิดตามมาเป็นลำดับถัดไปก็คือ “ใจเย็นๆ” ไม่ใช่เพียงวันละครั้งหรือวันละชั่วโมง แต่ขอให้ใจเย็นตลอดเวลา เพราะการตื่นกลัวหรือตกใจกับโรคร้ายที่เกิดขึ้นจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยหลายรายไม่สามารถควบคุมกิจวัตรประจำวันในส่วนอื่นๆ ได้

เพราะกิจวัตรประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หรือการออกกำลังกาย ในระหว่างรักษาโรคมะเร็งนั้น เป็นปัจจัยและกุญแจสำคัญที่จะยังทำให้ร่างกายผู้ป่วยคงความแข็งแรงในการต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อไปได้อยู่

Dr. Michael เสริมอีกว่า ขอให้ผู้ป่วยทุกคน “อย่ายอมแพ้เด็ดขาด” มันอาจเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ลงมือทำยาก แต่นั่นคือสิ่งที่คุณหมออยากให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคนจำใส่ใจเอาไว้ไม่ให้ลืม

เพราะกำลังใจและความคิดที่ยังไม่ยอมแพ้ต่อโรคภัยต่างๆ นั้น ไม่สามารถเสริมหรือสร้างได้จากนวัตกรรมทางแพทย์ใดๆ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านใดทั้งนั้น แต่ต้องมาจากตัวผู้ป่วยแต่เพียงผู้เดียว

เพราะแพทย์ก็จะไม่ยอมแพ้ต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกท่านเช่นเดียวกัน เพราะนั่นคืองานและภารกิจสำคัญที่จะต้องช่วยชีวิตผู้ป่วยทุกท่านให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างมีความสุขอีกครั้ง

ยิ่งตัวผู้ป่วยมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่ย่อท้อต่อการรักษาโรคมะเร็งมากเท่าไร ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีการค้นหาวิธีการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างถูกจุดและเหมาะสม Dr. Michael กล่าวว่า มันจะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็งมากขึ้นเท่านั้น

ทำไมต้องมารักษาโรคมะเร็งที่ Bangkok Anti-Aging Center

Dr. Michael มีความเห็นว่า กรุงเทพมหานครไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมนักต่อการรักษาโรคมะเร็งมากนัก เพราะเป็นเมืองหลวงที่อัดแน่นไปด้วยความเครียดแทบทุกด้าน ซึ่งไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่ดีต่อตัวผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ด้วยเหตุนี้ Dr. Michael จึงร่วมมือกับทาง Bangkok Anti-Aging Center หรือ BAAC ในการจัดตั้งศูนย์การแพทย์สำหรับรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ โดย Dr. Michael อยากให้เรียกว่าเป็น “รีสอร์ททางการแพทย์” เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้เข้ามารักษาโรคมะเร็งในสภาพแวดล้อมที่มีแต่พลังเชิงบวกควบคู่กับการให้บริการที่ดีเยี่ยม ผ่านบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าใจถึงภาวะด้านสุขภาพต่างๆ ที่มีผลมาจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ทาง BAAC ยังมุ่งมั่นรักษาโรคมะเร็งทุกชนิดโดยไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือค่าตอบแทนเป็นเงินแต่อย่างใด แต่เพื่อมุ่งมั่นช่วยเหลือ หาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม และเห็นผลลัพธ์ดีที่สุดให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง รวมถึงสร้างกำลังใจและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสภาพจิตใจที่อาจไม่มั่นคงนักต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกท่านด้วย

เพราะด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญในศาสตร์การรักษาโรคแทบทุกด้าน บุคลากรทางการแพทย์จาก BAAC จึงเข้าใจถึงความยากลำบากและความท้อแท้ของผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายรายที่ต้องการรักษาโรคร้ายให้หาย แต่ยังตามหาแพทย์และศูนย์การแพทย์ที่ใช่สำหรับการดูแลโรคนี้ไม่เจอ

หากคุณกำลังเผชิญกับโรคมะเร็งหรือมีคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้อยู่ และต้องการคำแนะนำหรือหนทางในการรักษาโรคมะเร็งที่เห็นผลดีที่สุด สามารถติดต่อมาที่ Bangkok Anti-Aging Center ทุกสาขา เพื่อขอคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็งจากทั้งในและต่างประเทศ

ไม่แน่ว่า ฝันร้ายเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ อาจได้พบกับวิธีแก้ที่ใช่และตรงจุดที่สุดจากที่นี่ก็ได้ ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยและความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ไม่เป็นรองใคร จาก Bangkok Anti-Aging Center


ขอขอบคุณ

Dr. Michael W. Trogish แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็งจากประเทศเยอรมัน และประจำการเป็นที่ปรึกษาด้านการรักษาโรคมะเร็ง Bangkok Anti-Aging Center

บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

@‌hdcoth line chat