HDmall สรุปให้!
ปิด
ปิด
- หากใครมีค่า BMI เกิน 22.9 หรือมีความดันสูงควรลองหาโอกาสตรวจสุขภาพเพื่อเช็กความเรียบร้อยภายในบ้าง เพื่อที่จะได้ทราบว่าควรปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตอย่างไร
- ความผิดปกอีกอย่างที่อาจสังเกตได้ในชีวิตประจำวันคือมักจะรู้สึกอ่อนเพลีย ป่วยง่าย อาจเกิดจากพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสมมาเป็นเวลานาน ควรตรวจสุขภาพเช่นกัน
- ผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เป็นรคเบาหวาน หรือแม้แต่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นเบาหวาน ก็ควรตรวจสุขภาพประเมินความเสี่ยงที่อราจเกิดกับตัวเองด้วย
- เปรียบเทียบแพ็กเกจและรายการตรวจสุขภาพต่างๆ ได้ที่ HDmall.co.th หรือสอบถามแอดมิน ให้แอดมินช่วยหาแพ็กเกจที่เหมาะสมให้ ทักไลน์ @hdcoth
เมื่อร่างกายพูดไม่ได้ เราจึงต้องสังเกตอาการผิดปกติด้วยตัวเอง มาดูเช็กลิสต์ 5 ข้อที่บอกว่าควรไปตรวจสุขภาพประจำปีได้แล้ว
1. มีค่าดัชนีมวลกายเกินมาตรฐาน
ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) เป็นการวัดความสมดุลของน้ำหนักและส่วนสูง ช่วยพอประมาณได้ว่ามีน้ำหนักที่เหมาะสมไหม
แม้จะไม่สามารถบอกระดับคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดได้โดยตรง แต่ก็พอจะทำให้เราระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตได้
ค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมของดัชนีมวลกายจะอยู่ที่ประมาณ 18.5-22.9 สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / [ส่วนสูง (เมตร)] ยกกำลัง 2
หากมีค่าเฉลี่ย จึงควรไปตรวจสุขภาพเพื่อดูระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดได้แล้วล่ะ
2. อายุเกิน 20 ปีแล้ว
สมาคมโรคหัวใจของสหรัฐ (American Heart Association: AHA) แนะนำให้ตรวจคัดกรองสุขภาพอย่างน้อยทุกๆ 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
แต่หากมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบจากสารพิษ เช่น
- ตัวเองหรือคนในครอบครัวสูบบุหรี่
- มีพฤติกรรมดื่มสุรา
- ตัวเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นเบาหวาน
- เป็นโรคเบาหวาน
ควรรับการตรวจคัดกรองหรือตรวจเลือดอย่างน้อยปีละครั้งโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพื่อวัดระดับไขมันดี HDL (good cholesterol),ไขมันเลว LDL (bad cholesterol) และ ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides)
3. มีความดันสูงเกินมาตรฐาน
ปัจจุบันมีอุปกรณ์วัดความดันขนาดเล็กที่สามารถใช้งานที่บ้านได้ รวมถึงอุปกรณ์ขนาดพกพาต่างๆ เช่น นาฬิกาข้อมือที่สามารถวัดความดันเลือดได้
ค่าความดันมาตรฐานไม่ควรเกิน 120/80 มิลลิเมตรปรอท อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้นิดหน่อยตามสถานการณ์ เช่น ช่วงออกกำลังกาย หรือเดินขึ้นบันได
แต่หากมีความดันสูงต่อเนื่องตลอดวัน ความดันสูงในขณะที่อยู่เฉยๆ อาจมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรควิตกกังวลได้
4. อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดทั้งวัน
พนักงานออฟฟิศจำนวนมาก มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะต่อมหมวกไตล้า ซึ่งต่อมหมวกไตทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกาย
เมื่อต่อมหมวกไตได้รับผลกระทบจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น นอนดึก เครียด กินของหวานมากเกินไป ก็อาจทำให้เสียสมดุลในการผลิตฮอร์โมน
อาการของคนที่ต่อมหมวกไตล้าคือ ง่วงซึม อ่อนเพลียระหว่างวัน ตอนเช้าไม่อยากตื่น กลางคืนไม่อยากนอน น้ำหนักอาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทั้งหมดที่ว่า อาจเป็นสัญญาณบอกว่าคุณควรตรวจสุขภาพได้แล้ว
5. ป่วยง่าย หรือป่วยบ่อย
วิถีชีวิตคนในปัจจุบันมักต้องทำงานในสำนักงานระหว่างวัน ทำให้ไม่ได้สัมผัสแสงแดดซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลิตวิตามินดีในร่างกาย
วิตามินดี มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกและมีความสัมพันธ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา
นอกจากนี้ หากมีอาการปวดหลัง ปวดตามกระดูก ก็อาจมีผลจากการขาดวิตามินดีเช่นกัน
หากใครมีอาการหรือเข้าข่ายเช็กลิสต์ข้อไหน ควรพิจารณาไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อจะได้ป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที
ตรวจสุขภาพราคาเท่าไร?
ราคาของโปรแกรมตรวจสุขภาพแต่ละสถานที่ก็มีความแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับอายุผู้ตรวจ จำนวนรายการการตรวจ รวมถึงอาจมีค่าบริการอื่นๆ ภายในโรงพยาบาลหรือคลินิก
HDmall นำราคาประมาณคร่าวๆ ของราคาตรวจสุขภาพมาฝากกัน เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนมากที่สุด
- ตรวจสุขภาพทั่วไป 12-15 รายการ ราคาอาจอยู่ที่ 890-3,500 บาท
- ตรวจสุขภาพทั่วไป 16-20 รายการ ราคาอาจอยู่ที่ 2,900-7,000 บาท
- ตรวจสุขภาพแบบละเอียด 21-30 รายการ ราคาอาจอยู่ที่ 7,000-20,300 บาท
- ตรวจสุขภาพเชิงลึก 30-60 รายการขึ้นไป ราคาอาจอยู่ที่ 16,000-74,600 บาท
ดูราคาจริงจากแต่ละโรงพยาบาลและคลินิกได้ผ่าน HDmall.co.th ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีแอดมินคอยตอบคำถามและให้บริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงตี 1 ทุกวัน แอดไลน์ @hdcoth
บทความที่เกี่ยวข้อง
