อาหารแมคโครไบโอติกส์ ปรับสมดุลชีวิตเพื่อสุขภาพ

อาหารแมคโครไบโอติกส์ ปรับสมดุลชีวิตเพื่อสุขภาพ

การสร้างสมดุลให้แก่ร่างกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดและช่วยรักษาโรคได้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็เป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล ส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจที่ดี ตามวิถีการดำเนินชีวิตแบบแมคโครไบโอติกส์ (Macrobiotics)

มีคำถามเกี่ยวกับ แมคโครไบโอติกส์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

อาหารแมคโครไบโอติกส์คืออะไร?

แมคโครไบโอติกส์” (Macrobiotics) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก สามารถแยกได้เป็นสองคำคือคำว่า Macro มีความหมายว่า ยิ่งใหญ่ ยืนนาน หรือยืนนาน กับอีกคำคือ Biotic มีความหมายเกี่ยวกับการดำรงชีวิต วิถีชีวิต ดังนั้นเมื่อนำคำศัพท์สองคำมารวมกัน จึงหมายความว่า “การดำรงชีวิตหรือวิถีชีวิตที่ยืนยาว” นั่นเอง จริงๆ แล้ววิถีแมคโครไบโอติกส์มีประโยชน์ในเรื่องการปรับสมดุลของร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบตัว ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน เพื่อสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข

แมคโครไบโอติกส์มีหลายมิติ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงการเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกาย สภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิต เรียกง่ายๆ ว่าเป็นวิถีการดูแลตัวเองแบบองค์รวม

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าการรักษาสมดุลตามหลักแมคโครไบโอติกส์ เป็นหลักการเพื่อการรักษาโรคเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วการใช้ชีวิตรวมไปถึงการรรับประทานอาหารแนวทางนี้ สามารถส่งเสริมสุขภาพได้สำหรับทุกคน

หลักปฏิบัติของแมคโครไบโอติกส์

หลักของแมคโครไบโอติกส์แบ่งออกเป็นหลายด้านดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ละด้านมีรายละเอียดดังนี้

มีคำถามเกี่ยวกับ แมคโครไบโอติกส์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

1. ด้านการรับประทานอาหาร

  • จากอาหารทั้งหมด ควรแบ่งสัดส่วนการบริโภคดังนี้ ประมาณ 40-60% ของอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ควรเป็นอาหารประเภทธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาเล่ย์ ลูกเดือย ข้าวโพด และที่สำคัญต้องปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมีด้วย 20-30% ในจานจะต้องเป็นผักและผลไม้ ควรเป็นผักที่ปลูกรับประทานเองหรือปลูกในท้องถิ่น ปลอดยาฆ่าแมลง ส่วนอีก 10% สุดท้ายควรเป็นอาหารที่มาจากถั่ว เช่น เต้าหู้ เทมเป้ เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ มีส่วนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรวมถึงผักที่มาจากทะเลได้ด้วย เช่น สาหร่าย
  • การรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ แต่ต้องเป็นปลาเท่านั้น
  • ควรปรุงอาหารโดยใส่เครื่อปรุงต่างๆ ให้น้อยที่สุด และต้องเลือกใช้เครื่องปรุงจากแหล่งธรรมชาติ เช่น เกลือทะเล น้ำตาลไม่ฟอกสี ไม่มีสารกันเสีย สารแต่งกลิ่น ไม่ใส่ผงชูรส  นอกจากนี้ควรใช้วิธีการประกอบอาหารแบบ หุง ต้ม นึ่ง หลีกเลี่ยงการใช้เตาไฟฟ้า เตาอบ และไมโครเวฟ เนื่องจากมีรังสีอินฟราเรด (Infrared) และเพื่อคงคุณค่าของอาหารไว้ให้มากที่สุด ควรใช้อุปกรณ์ทำอาหารและภาชนะเก็บอาหาร จากวัสดุธรรมชาติ เช่น แก้ว ไม้ หรือใช้เครื่องครัวสเตนเลสหรือกระเบื้องเคลือบ
  •  ควรเคี้ยวอาหารอย่างน้อย 50 ครั้ง/คำ จนกระทั่งอาหารเหลวเป็นน้ำก่อนที่จะกลืน ช่วยในการย่อยอาหารและช่วยทำให้อื่มนาน ไม่รับประทานของว่างจุกจิกระหว่างวัน
  • ควรดื่มน้ำเมื่อรู้สึกกระหายเท่านั้น และควรทำน้ำให้บริสุทธิ์ คือต้มน้ำและกรองน้ำก่อนดื่ม ก่อนนำไปปรุงอาหาร งดการดื่มชา กาแฟ โซดา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

2. ด้านจิตใจ

  • พยายามมองโลกในแง่บวก และยอมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เสมอ
  • มีจิตใจเอื้อเฟื้อ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับที่ดี
  • ใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท สามารถแนะนำชี้หนทางสุขภาพให้แก่ผู้อื่นได้
  • ใช้ชีวิตด้วยความอยากรู้ พัฒนาความอยากรู้อยากเห็นเพื่อช่วยให้สำรวจชีวิตให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

3. ด้านร่างกาย

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน

สิ่งที่หลายคนสงสัย การใช้ชีวิตแบบแมคโครไบโอติกส์สามารถใช้รักษาโรคได้หรือไม่?

แมคโครไบโอติกส์ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีการทางเลือกของรักษาและการดูแลแบบประคับประคอง เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง จากการรายงานผลทางงานวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์ทำให้ความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลดลง โดยเฉพาะในผู้หญิง การรับประทานอาหารประเภทนี้มีส่วนช่วยในการลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ไม่เพียงแต่ใช้รักษาโรคมะเร็งเท่านั้น การรักษาสมดุลแบบแมคโครไบโอติกส์ยังสามารถรักษาโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคภูมิแพ้อากาศ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคไขมันในเส้นเลือด ซึ่งโรคเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการกินและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เรียกได้ว่า หากคุณปรับให้ปัจจัยต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคอยู่ในภาวะสมดุล ก็จะห่างไกลจากสภาวะเจ็บป่วย อาหารประเภทแมคโครไบโอติกส์มีการใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีการปรุงอาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้คุณค่าของอาหารลดลง อีกทั้งยังมีใยอาหารสูง ไขมันต่ำ จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดีและข้อเสียจากการรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์

ข้อดี

หากกำลังหาวิธีลดน้ำหนัก การรับประทานอาหารและการปรุงอาหารด้วยวิธีนี้จะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากการลดอาหารประเภทแป้ง คาร์โบไฮเดรต ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 คงที่ การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ช่วยในการย่อย และการปรุงอาหารโดยใช้น้ำมันจากธรรมชาติยังช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดได้
ยิ่งไปกว่านั้นการรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์ยังมีประโยชน์ในเรื่องการขับสารพิษออกจากร่างกาย การนอนหลับ ทำให้หลับลึกเป็นผลดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ได้เต็มที่อีกด้วย

ข้อเสีย

การรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์ในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยบางโรค อาจทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จนอาจทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารตามมาได้

สำหรับในประเทศไทย หากต้องการปรับสมดุลชีวิตและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตามแนวทางนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์อาหารแมคโครไบโอติกส์ (มา-ปี) ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.สอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่ 0-2849-6600 ต่อ 1051


เขียนบทความและตรวจสอบความถูกต้องโดย ทีมแพทย์แผนไทยประยุกต์ HD

มีคำถามเกี่ยวกับ แมคโครไบโอติกส์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ