symptom of vomit

กินแล้วอาเจียน เกิดจากอะไร ข้อมูล สาเหตุ ข้อควรระวัง

อาการคลื่นไส้ อาเจียน คือเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็เคยเจอ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นสัญญาณบอกความผิดปกติของร่างกายได้ 

ซึ่งบทความนี้จะเจาะจงไปที่การอาเจียนในผู้ใหญ่ ว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง แบบไหนเรียกอันตราย และเมื่อไรควรไปหาคุณหมอ 

การอาเจียน คืออะไร

การอาเจียน (Vomiting) เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายที่ควบคุมและสั่งการด้วย “ศูนย์อาเจียน” ในสมอง เมื่อศูนย์อาเจียนได้รับสิ่งกระตุ้นจากระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินอาหาร  อวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน อย่างอาการเมารถ เมาเรือ รวมทั้งศูนย์ซีทีแซด (CTZ) ด้วย

ศูนย์อาเจียนจะสั่งการให้กะบังลมบีบตัว จากนั้นจึงส่งสัญญาณต่อไปยังกล้ามเนื้อท้อง ทำให้เกิดอาการเกร็งตัว และผลักดันอาหาร  ยา  สิ่งแปลกปลอม  หรือสารปนเปื้อนต่าง ๆ ที่อยู่ในกระเพาะอาหารให้ผ่านขึ้นมาทางหลอดอาหาร แล้วพุ่งออกมาทางปากนั่นเอง 

สาเหตุของการอาเจียน 

การอาเจียนในผู้ใหญ่ มักไม่ได้มาจากภาวะร้ายแรงอะไร และเป็นไม่นาน แค่ 1–2 วันเท่านั้น โดยมักมาจากภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ความตื่นเต้น 

รวมถึงภาวะหรือโรคทางร่างกาย เช่น โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) ที่เป็นการติดเชื้อของกระเพาะจากแบคทีเรียหรือไวรัส การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือโรคที่เกิดจากการทำงานของต่อมไร้ท่อ 

บางกรณี การอาเจียนอาจเป็นสัญญาณของภาวะอันตรายได้ เช่น ภาวะไส้ติ่งอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ เป็นอาการข้างเคียงของโรคไมเกรน หรือความผิดปกติทางสมอง

ลองมาดูตัวอย่างสาเหตุของอาการคลื่นไส้ อาเจียนที่เป็นไปได้กัน 

การตั้งครรภ์

ผู้มีครรภ์มักประสบกับอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ (เรียกว่า “แพ้ท้อง” หรือ “Morning sickness”) ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน  

ส่วนใหญ่แล้ว อาการแพ้ท้องมักจะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และจะเริ่มค่อยยังชั่วลงเมื่ออายุครรภ์ราว ๆ 16–20 สัปดาห์

ไมเกรน

ถ้าอาเจียนซ้ำ ๆ ซาก ๆ แถมมายังมาพร้อมอาการปวดหัวตุ้บ ๆ ไม่กี่ชั่วโมง แต่เป็นหลายวันต่อครั้ง ก็เป็นไปได้ว่าการอาเจียนนี้เกิดจากไมเกรน (Migranes) ซึ่งบรรเทาได้ด้วยการกินยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน 

หูชั้นในอักเสบ

ถ้าอาเจียน ร่วมกับวิงเวียน มึนหัว บ้านหมุน (Vertigo) ภาวะนี้อาจเกิดจากการติดเชื้อของหูชั้นใน (Labyrinthitis) มักดีขึ้นเองภายในไม่กี่วัน แต่ถ้าเป็นหนัก ๆ ควรไปหาหมอ เพื่อรับยาบรรเทาอาการตามความจำเป็น 

เมายานพาหนะ

อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางในยานพาหนะจะเรียกว่า อาการเมายานพาหนะ (Motion sickness)  อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น จดจ้องไปยังขอบฟ้า หรือเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการฟังเพลง แต่ก็มียาหลายตัวที่ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการได้

ภาวะไส้ติ่งอักเสบ

ภาวะไส้ติ่งอักเสบจะทำให้ปวดท้องด้านขวาล่างรุนแรง และยังทำให้อาเจียนได้ด้วย หากมีอาการ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที  และถ้าปวดท้องด้านล่างขวามาก ๆ จนแผ่ไปทั่วท้อง อาจบ่งชี้ถึงการอักเสบอย่างรุนแรงของไส้ติ่งได้

สาเหตุอื่น ๆ

การอาเจียนก็อาจมาจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น

  • การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (Opioids) 
  • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป 
  • การติดเชื้อของไตและภาวะนิ่วไต
  • การอุดกั้นของลำไส้จากภาวะไส้เลื่อน (Hernia) หรือนิ่วถุงน้ำดี (Gallstones)  
  • การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) และการทำรังสีบำบัด (Radiotherapy)  
  • ภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis)

อาเจียนแบบไหน ควรไปหาหมอ   

  • อาเจียนซ้ำ ๆ มากกว่า 1–2 วัน
  • ดื่มน้ำไม่ได้ เพราะจะอาเจียนซ้ำ ๆ
  • อาเจียนเป็นสีเขียว (หมายความว่า อาจมีน้ำดีปะปน บ่งชี้ถึงภาวะอุดตันที่ลำไส้)
  • มีสัญญาณของภาวะขาดน้ำรุนแรง (Severe dehydration) เช่น สับสน หัวใจเต้นเร็ว  ถ่ายปัสสาวะน้อย หรือไม่ถ่ายเลย
  • อาเจียนซ้ำซาก และน้ำหนักลดลงมากผิดปกติ 
  • กังวลกับอาการอยู่ตลอด หรือรู้สึกไม่สบายมาก ๆ 
  • อาเจียนเรื้อรัง และเป็นโรคเบาหวาน (Diabetes) ยิ่งถ้าต้องรับอินซูลิน (Insulin) เรื่อย ๆ การอาเจียนจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ 

คุณหมอจะมีการซักประวัติและตรวจสอบหาสาเหตุก่อนรักษา กรณีที่ท้องร่วง ท้องเสีย (Diarrhea) พร้อม ๆ กับอาเจียน อาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของการอาเจียนในผู้ใหญ่   

ภาวะนี้มักเกิดจากการรับเชื้อไวรัส เช่น เชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) หรือภาวะอาหารเป็นพิษ (Food poisoning) จากเชื้อแบคทีเรียที่พบในอาหารปนเปื้อนต่าง ๆ

อาเจียนหนักแค่ไหน ต้องรีบไปหาหมอฉุกเฉิน 

บางครั้ง การอาเจียนก็เป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพร้ายแรงได้ ถ้ามีอาการเหล่านี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยด่วน 

  • เจ็บปวดที่ท้องรุนแรงและกะทันหัน
  • เจ็บหน้าอกรุนแรง
  • อาเจียนมีเลือดปน หรืออาเจียนมีลักษณะเหมือนผงกาแฟ
  • เจ็บคอ และมีไข้สูง
  • มีอาการปวดศีรษะรุนแรงกะทันหัน ต่างจากอาการปวดศีรษะปกติ
  • คาดว่าตนเองกลืนของมีพิษเข้าไป
  • มีอาการอาเจียนพร้อมกับท้องร่วง 

ถ้ามีอาการเหล่านี้ อาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของการอาเจียนในผู้ใหญ่   

ภาวะนี้มักเกิดจากการรับเชื้อไวรัส เช่น เชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) หรือภาวะอาหารเป็นพิษ (Food poisoning) จากเชื้อแบคทีเรียที่พบในอาหารปนเปื้อนต่าง ๆ

ดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ เมื่อคลื่นไส้ อาเจียน

  • จิบน้ำเกลือแร่บ่อย ๆ เพื่อชดเชยการเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
  • ดื่มน้ำหวานเพื่อชดเชยน้ำตาลที่สูญเสียไป และอาจผสมเกลือได้ด้วย จะได้เพิ่มเกลือแร่ที่เสียไป
  • อาจใช้ขิงเพื่อบรรเทาอาการคลื่น ไส้อาเจียนได้ ซึ่งมีทั้งแบบอาหารเสริม ขนม  หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ  อย่างไรตาม ถ้าอยากลองใช้ขิงแบบอาหารเสริม ควรปรึกษาเภสัชกรหรือคุณหมอก่อนใช้เสมอ 

ลองเข้ามาดูแพ็กเกจต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อแก้ปัญหาคลื่นไส้ อาเจียน ให้ถูกจุด หรือถ้าไม่แน่ใจ จะทักมาให้เราช่วยจองคิวคุณหมอเพื่อประเมินอาการก่อนก็ได้ เพิ่มเพื่อนแล้วแช็ตมาเลย คลิก!


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top