dimenhydrinate motion sickness scaled

ยาแก้เมารถ เมาเรือ

อาการเมารถ เชื่อว่าหลายๆ คนคงประสบพบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อต้องเดินทางไกลๆ ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกหมดสนุกไปทันที ซึ่งทางการแพทย์ให้คำนิยาม อาการเมารถ (motion sickness) ว่าเป็นภาวะป่วยจากการเคลื่อนไหว เป็นการตอบสนองปกติของร่างกายต่อสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งไม่ใช่อาการป่วยที่แท้จริง แต่เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการทำงานของร่างกายที่บรรเทาอาการได้ด้วยยา

ยาแก้เมารถ-เมาเรือ มีให้เลือกใช้หลายชนิด แต่ที่มีการใช้กันแพร่หลาย คือ ยา “ไดเมนไฮดริเนท (Dimenhydrinate)

ยาแก้เมารถไดเมนไฮดริเนท (Dimenhydrinate) 

เป็นยาในกลุ่มแอนตี้ฮิสตามีน(Antihistamine) หรือที่เรียกว่ากลุ่มยาแก้แพ้ ออกฤทธิ์โดยตรงที่อวัยวะควบคุมการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเมารถ-เมาเรือ

รูปแบบยารับประทาน : ยาเม็ด ขนาด 50 มิลลิกรัม

ยาแก้เมารถเป็นยาสามัญประจำบ้าน จัดว่าค่อนข้างปลอดภัยในการใช้ จึงหาซื้อได้ง่าย ทั้งตามร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อทั่วไป

วิธีใช้เพื่อป้องกันอาการเมารถ เมาเรือ

  • ในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานครั้งละ 1 – 2 เม็ด
  • เด็กอายุ 6 – 12 ปี รับประทานครั้งละ ½  –  1 เม็ด
  • เด็กอายุ 2 – 6 ปี รับประทานครั้งละ ¼ –  ½ เม็ด

ยาแก้เมารถควรรับประทานก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 30 นาที ไม่ควรรับประทานเมื่อมีอาการแล้ว เพราะยาจะปนออกมากับอาเจียนโดยที่ไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย และสามารถรับประทานซ้ำได้ทุก 4 – 6 ชั่วโมง

ไม่ควรรับประทานเกินขนาด

  • 8 เม็ด / วัน ในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี
  • 3 เม็ด / วัน ในเด็กอายุ 6 – 12 ปี
  • 1 ½ เม็ด / วัน ในเด็กอายุ 2 – 6 ปี

ผลข้างเคียงของยาแก้เมารถ เมาเรือ

ยาแก้เมารถเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้เกิดอาการง่วงซึม ดังนั้น ไม่ควรขับขี่ยานยนต์ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล

ทางเลือกอื่น

พลาสเตอร์ยาแก้เมารถเมาเรือ ทรานสเดิร์ม สค็อป (Transderm Scop)

ยานี้อาจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปในเมืองใหญ่

ลักษณะเป็นพลาสเตอร์ที่บรรจุตัวยาสโคโปลามีน (Scopolamine) ใช้แปะติดกับผิวหนังหลังใบหู เพื่อปล่อยตัวยาให้ดูดซึมผ่านผิวหนังสู่กระแสเลือดในปริมาณน้อยๆ อย่างสม่ำเสมอ อายุการใช้งานได้ถึง 3 วัน

ข้อควรปฏิบัติในการใช้แผ่นพลาสเตอร์นี้

  • ควรแปะพลาสเตอร์ก่อนออกเดินทาง 4 ชั่วโมง เพื่อให้ยาแก้เมารถออกฤทธิ์ไว้ก่อน
  • ติดบริเวณหลังใบหูตรงที่ไม่มีผม หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีแผลหรือเป็นผื่น เพราะอาจเกิดการระคายเคือง หรือทำให้ยาดูดซึมมากเกินไป เช็ดบริเวณดังกล่าวให้สะอาดด้วยกระดาษเช็ดหน้า
  • ทำความสะอาดมือทั้งก่อนและหลังปิดแผ่นยาแก้เมารถ เพื่อไม่ให้ตัวยาติดมือแล้วเข้าตา อันอาจทำให้ตาพร่ามัวอยู่ครู่ใหญ่ เพราะสโคโปลามีนทำให้ม่านตาขยาย
  • ถ้าต้องการป้องกันอาการเมารถเมาเรือเกิน 3 วัน เวลาแกะแผ่นยาแก้เมารถออกเมื่อครบ 3 วันแล้ว อาจปิดแผ่นยาใหม่ที่หลังใบหูอีกข้างหนึ่ง

รูปแบบยาแปะนี้ มีข้อดี คือ ทำให้ดูดซึมยาได้ปริมาณทีละน้อยๆ ช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ ปากแห้ง  ตามัว  ม่านตาขยายกว้าง และง่วงนอน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังพบอาการดังกล่าวได้ในผู้ใช้บางราย

ขิง

นอกจากยาที่กล่าวมาแล้ว ยังสามารถใช้สมุนไพรเพื่อแก้เมารถ-เมาเรือได้เช่นกัน สมุนไพรที่ว่านั่น คือ “ขิง” นั่นเอง

วิธีรับประทานขิงเพื่อเป็นยาแก้เมารถเมาเรือ
  • รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนเดินทาง ในกรณีมียาแคปซูลขิง
  • ดื่มเป็นน้ำขิง หรือรับประทานอาหารที่มีขิงเป็นส่วนผสมหลัก
  • ฝานขิงเป็นแว่น แล้วนำมาอมก่อนออกเดินทาง

คำถามเกี่ยวกับยาแก้เมารถ

หญิงตั้งครรภ์สามารถกินยาแก้เมารถได้หรือไม่

คำตอบ: หญิงตั้งครรภ์สามารถใช้ยา Dimenhydrinate หรือที่คุ้นเคยกันว่าเป็นยาแก้เมารถ เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ง่วง มึนงง จมูกแห้ง ลำคอแห้ง ปวดศีรษะ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาแก้เมารถ ซึ่งปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยา Pyridoxine (Vitamin B6) เป็นทางเลือกแรกในการลดอาการคลื่นไส้ที่ไม่รุนแรงขณะตั้งครรภ์ ขนาดที่แนะนำคือ รับประทานครั้งละ 10–25 มิลลิกรัม ทุก 6–8 ชั่วโมง (ขนาดการใช้สูงสุดไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม)

คุณหมอคะ พอดีให้นมลูกแล้วแล้วเผลอกินยาแก้เมารถไปโดยไม่ได้เช็คก่อน ยาจะขับออกทางร่างกายภายในกี่ชั่วโมงคะ ลูกถึงจะสามารถทานนมแม่ได้ (เมื่อคืนทานยาไปตอนสองทุ่มครึ่งค่ะ) ขอบคุณมากนะคะ

คำตอบ: เนื่องจากยานี้ขับออกทางน้ำนมได้ และมีรายงานอาจทำให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ในทารก เช่น ปวดท้อง หรือไม่สบายตัว ประมาณ 10% และมีง่วงซึม ประมาณ 1.6% ของมารดาที่ใช้ยานี้ จึงไม่แนะนำให้ใช้ Dimenhydrinate ระหว่างที่ให้นมบุตรค่ะ

ยาแก้เมารถจะค่อยๆ ลดประสิทธิภาพลงและถูกกำจัดออกทีละครึ่งหนึ่ง ทุก 8-9 ชั่วโมง  และจะถูกกำจัดออกเกือบหมดใช้เวลาประมาณ 25-40 ชั่วโมงหลังรับประทานยาค่ะ

แต่ยาบางชนิดก็สามารถใช้ในขณะให้นมบุตรได้ค่ะ หากเจ็บป่วยหรือมีความจำเป็นต้องใช้ยาอีกในครั้งหน้า สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้านเพื่อพิจารณายาที่เหมาะสมให้ได้นะคะ


ตรวจสอบความถูกต้องโดย ทีมแพทย์ HD


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top