วิธีรักษาริดสีดวงทั้งแบบแผนปัจจุบันและทางเลือก

วิธีรักษาริดสีดวง ทั้งแบบแผนปัจจุบันและทางเลือก

ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง เพียงแต่สามารถสร้างความรำคาญและความไม่สุขสบายในการใช้ชีวิตประจำวันให้ผู้ป่วย ทั้งนี้การรักษาที่ถูกวิธีและเหมาะสมกับอาการของโรค สามารถช่วยให้อาการของโรคริดสีดวงทวารดีขึ้นได้ภายใน 1-2 สัปดาห์

โรคริดสีดวงทวารคืออะไร

โรคริดสีดวงทวารเกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดบริเวณทวารหนัก ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นโป่งพอง เกิดก้อนเนื้อที่ปากทวารหนัก และเมื่อถ่ายอุจจาระจะมีเลือดปนออกมาด้วย

สาเหตุการเกิดโรคริดสีดวงทวารส่วนใหญ่มักเกิดจากการเบ่งถ่าย เนื่องจากภาวะท้องผูก

นอกจากนี้โรคริดสีดวงทวารยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ เช่น เกิดจากภาวะตั้งครรภ์ เรียกว่า “ริดสีดวงขณะตั้งครรภ์” เนื่องจากมีการเพิ่มความดันในช่องท้องทำให้เส้นเลือดที่ปากทวารหนักขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นโรคริดสีดวงทวารยังอาจเกิดจากพันธุกรรมได้อีกด้วย

วิธีรักษาโรคริดสีดวงทวารด้วยตัวเอง

วิธีรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักทั้งตามแนวทางแพทย์แผนปัจจุบันและทางเลือกมีหลายวิธี ดังนี้

  • ใช้ยาเหน็บทวารหนัก ช่วยลดการอักเสบของริดสีดวง เช่น อาการบวมเต่ง แสบร้อน อาการปวด
  • รับประทานยาระบาย หรือยาที่ทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • รักษาโดยการรับประทานยาสมุนไพร

วิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองด้วยสมุนไพรทางเลือก

ว่านหางจระเข้

สรรพคุณ: ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ลดการอักเสบ อาการปวด ลดอาการคันด้วยฤทธิ์เย็นจากเนื้อวุ้น สามารถใช้ได้ทั้งในรูปแบบยาภายในและยาภายนอก

วิธีรับประทาน: นำใบว่านหางจระเข้สดมาปอกเปลือกออก ล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมดเหลือเฉพาะเมือกกับเนื้อวุ้นสีขาวใส แล้วหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ รับประทานก่อนอาหารตอนเช้าครั้งละประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ติดต่อกันทุกวัน ประมาณ 15-30 วัน

วิธีใช้เป็นยาภายนอก: เริ่มด้วยการปอกเปลือกใบว่านหางจระเข้แล้วล้างเอายางสีเหลืองออกจนหมด จากนั้นเหลาให้ปลายแหลมเล็กน้อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก อาจนำว่านหางจระเข้ไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็งจะทำให้สอดได้ง่ายขึ้น

หมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย

เพชรสังฆาต

สรรพคุณ: ช่วยลดการอักเสบ ช่วยให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งบริเวณทวารหนักหดตัว

อย่างไรก็ตามมีการศึกษาด้วยวิธี systematic review and meta-analysis พบว่า ยังไม่มีข้อสนับสนุนที่ชัดเจนที่เพชรสังฆาตช่วยรักษา หรือป้องกันริดสีดวงทวาร

วิธีรับประทาน: นำเพชรสังฆาตสด 1 ปล้อง หั่นเป็นข้อเล็กๆ หุ้มด้วยกล้วยสุก หรือมะขามเปียก แล้วกลืนวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น รับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 10-15 วัน อาการจะทุเลาลง

หรือจะรับประทานแบบแคปซูล ตามบัญชียาหลักแห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุข ตำรับยาผสมเพชรสังฆาต ชนิดผง ครั้งละประมาณ 1 กรัมละลายน้ำ วันละ 3 ครั้งหลังอาหารทันที

เม็ดแมงลัก

สรรพคุณ: เป็นยาระบาย

วิธีรับประทาน: ให้ตักเม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา แช่ไว้ในน้ำ ทิ้งไว้จนกว่าจะพองเต็มที่ แล้วนำมารับประทานก่อนนอน รับประทานได้ทุกวัน หรือ 3-4 วันต่อสัปดาห์

ตำรับยาริดสีดวงมหากาฬ 

จากบัญชียาหลักแห่งชาติ ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม-1 กรัม วันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร

วิธีรักษาโรคริดสีดวงทวารแบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ต้องผ่าตัด

นั่งแช่น้ำอุ่น 

ผสมน้ำอุ่นลงในกะละมังขนาดพอเหมาะ ผสมด่างทับทิมเล็กน้อยลงไปให้น้ำกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ จากนั้นให้นั่งเอาก้นลงไปแช่น้ำอุ่นนานประมาณ 15-30 นาที ควรทำก่อนและหลังอุจจาระ

น้ำอุ่นจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น คลายเส้นโลหิตที่โป่งพองที่เกิดเป็นริดสีดวงทวารได้

การฉีดยาที่ริดสีดวงทวาร

เพื่อทำให้หัวริดสีดวงทวารหนักยุบลงและรั้งเนื้อเยื่อริดสีดวงไม่ให้เลื่อนตัวลงมา การรักษาในรูปแบบนี้เหมาะกับหัวริดสีดวงที่ย้อยออกมาไม่มาก และต้องฉีดซ้ำทุก 2-4 สัปดาห์ จนอาการทุเลา

การใช้ยางรัด 

เหมาะกับผู้มีหัวริดสีดวงที่ย้อยและมีขั้วขนาดพอรัดได้ การรัดช่วยให้หัวริดสีดวงหลุดออก และพังผืดที่เกิดจากแผลจะรั้งริดสีดวงที่เหลือให้หดกลับเข้าไปในทวารหนัก ทำได้ครั้งละไม่เกิด 3 ตำแหน่ง และการรัดเพิ่มทำได้ทุก 3-4 สัปดาห์

การจี้ริดสีดวงทวารด้วยอินฟราเรด 

เหมาะสำหรับริดสีดวงทวารในระยะที่ 1 (ริดสีดวงขนาดเล็กมีเลือดออกและไม่มีก้อนยื่น) และระยะที่ 2 (ริดสีดวงที่ยื่นออกมาจากปากทวารขณะเบ่งถ่ายอุจจาระและสามารถหดกลับเข้าที่เองได้)

ผลข้างเคียงอาจเกิดเลือดออกจากแผลได้หลังการจี้ 1-2 สัปดาห์แรก แต่ไม่มากและมักหยุดเองได้

ผู้ป่วยระยะที่ 3-4 ควรปรึกษาแพทย์

สำหรับการรักษาขั้นที่ 3-4 ไม่ควรรักษาด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ผล หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้อาการหนักขึ้น

  • ผู้ป่วยริดสีดวงทวารในระยะที่ 3: ริดสีดวงที่ยื่นออกจากปากทวาร สามารถกลับเข้าที่ได้โดยต้องใช้นิ้วดันกลับ
  • ผู้ป่วยริดสีดวงทวารในระยะที่ 4: ริดสีดวงที่ยื่นออกมาตลอดเวลาไม่สามารถดันกลับเข้าที่ได้

แพทย์อาจประเมินและเลือกวิธีอื่นที่เหมาะสมให้โดยไม่ต้องผ่าตัดได้ ขึ้นกับอาการของผู้เข้ารับการรักษา แต่หากจำเป็นอาจต้องผ่าตัด ซึ่งด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้การผ่าตัดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด

ในการผ่าตัดอาจมีการฉีดยา หรือรับประทานยาแก้ปวดก่อนการผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้เร็ว ปวดแผลน้อย และส่วนใหญ่กลับบ้านได้ใน 1-2 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล

ข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดริดสีดวงทวาร

  • รับประทานที่มีกากใยสูง เช่น ผักสด ผลไม้สด กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก ข้าวที่ไม่ได้ผ่านกระบวรการขัดสี  ช่วยให้การขับถ่ายอุจจาระสะดวกขึ้น อุจจาระนิ่ม ไม่เจ็บแสบทวารหนัก นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2-3 วัน ครั้งละประมาณ 20-30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวและบีบให้อุจจาระและเกิดการขับถ่ายของเสียออกมา
  • ควรงดการรับประทานเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ มีฤทธิ์ทำให้ท้องผูกได้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 7-8 แก้ว เพื่อให้อุจจาระมีน้ำอุ้ม ส่งผลให้อุจจาระนุ่มไม่ต้องเบ่งถ่าย และควรดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอนตอนเช้า เพราะจะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้
  • หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระ ควรขับถ่ายให้เป็นเวลา ฝึกให้ลำไส้มีพฤติกรรมอัตโนมัติ
  • ไม่ควรกลั้นอุจจาระ ควรเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกอยากถ่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย เนื่องจากทำให้กลไกการเคลื่อนไหวของลำไส้อัตโนมัติเสียไป ถ้าไม่ได้รับยา ลำไส้จะไม่ทำงาน และทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
  • ผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากความเครียดทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน รวมไปถึงระบบขับถ่ายด้วย เพราะเมื่อเกิดความเครียดจะทำให้เบื่ออาหาร จากนั้นลําไส้จะหยุดบีบตัวชั่วคราวพร้อมกับถ่ายไม่ออก

เมื่อมีอาการขับถ่ายผิดปกติ หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือดปริมาณมาก ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุของโรคและหาวิธีการรักษาที่ถูกต้อง

คุณก็สามารถป้องกันโรคริดสีดวงทวารได้ เพียงปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเน้นผักและผลไม้สดมากๆ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ขับถ่ายให้เป็นเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียด


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย


บทความแนะนำ


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top