การใช้ยาในระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่พึงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากยาส่วนใหญ่สามารถส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ รวมไปถึงการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และการเสพยาเสพติด ดังนั้นก่อนที่จะใช้ยาใดก็ตาม ให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยของมารดา และทารกในครรภ์
สารบัญ
- ทำไมหญิงตั้งครรภ์จึงได้รับการเตือนว่า ไม่ให้ใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์?
- ยาใดบ้างที่มีผลร้ายแรงต่อทารกในครรภ์?
- การสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง?
- การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง?
- ทำไมคาเฟอีนถึงถูกพิจารณาว่าเป็น “ยา” หากใช้ระหว่างตั้งครรภ์
- ยาที่แพทย์สั่งเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่?
- มียาใดบ้างที่ปลอดภัยในการใช้ระหว่างตั้งครรภ์?
ทำไมหญิงตั้งครรภ์จึงได้รับการเตือนว่า ไม่ให้ใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์?
การใช้ยาทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายในระหว่างตั้งครรภ์โดยที่ไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน อาจทำให้ยาถูกส่งผ่านไปสู่ทารกในครรภ์ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดปัญหากับทารกได้ เช่น
- เพิ่มโอกาสที่จะเกิดทารกพิการแต่กำเนิด
- คลอดก่อนกำหนด
- ทารกมีน้ำหนักแรกคลอดน้อย
- ทารกเสียชีวิต
นอกจากการใช้ยาแล้ว ทารกในครรภ์ที่ได้รับสารเสพติด เช่น กัญชา และแอลกอฮอล์ตั้งแต่ในครรภ์ จะส่งผลให้เกิดปัญหาพฤติกรรมในวัยเด็ก รวมถึงปัญหาด้านความจำ และความตั้งใจเรียนของเด็กด้วย
นอกจากนี้ทารกที่เกิดจากมารดาที่เสพโคเคน ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสมองที่ยังคงเป็นอยู่แม้เข้าสู่วัยรุ่นแล้วก็ตาม
ดังนั้นในระหว่างการตั้งครรภ์ มารดาควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาและสารเสพติดทุกชนิดจะดีที่สุด
ยาใดบ้างที่มีผลร้ายแรงต่อทารกในครรภ์?
การรับประทานยาเกือบทุกชนิดระหว่างการตั้งครรภ์อาจส่งผลร้ายแรงต่อทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะยาเสพติด เช่น
- โคเคน มีแนวโน้มที่จะมีศีรษะขนาดเล็ก มีไอคิวต่ำ เกิดความผิดปกติทางระบบทางเดินปัสสาวะ หรือหัวใจ ทำให้ทารกในครรภ์เป็นโรคหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสมองหรือเสียชีวิตได้
- กัญชา มีความเสี่ยงสูงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย มีพัฒนาการล่าช้า และอาจทำให้เกิดอาการถอนยาหลังคลอด คือมีอาการร้องไห้ และสั่นมากกว่าปกติ
- ยาบ้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อย ทำให้ทารกหงุดหงิด และประสบปัญหาในการให้นมบุตร
การสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง?
หญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่จะมีการส่งต่อสารนิโคติน และสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ในบุหรี่ไปยังทารกในครรภ์ได้
มารดาที่สูบบุหรี่ตั้งแต่ช่วงต้นของการตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะให้กำเนิดทารกที่มีความผิดปกติของหัวใจหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกั้นห้องหัวใจผิดปกติ โดยจะมีรูเกิดขึ้นที่ผนังกั้นหัวใจห้องซ้ายและห้องขวา
ทารกส่วนมากที่คลอดออกมาพร้อมกับความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิดจะเสียชีวิตภายใน 1 ปี ส่วนเด็กที่อยู่รอดมักต้องเผชิญกับการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน และต้องผ่าตัดหลายครั้งตลอดช่วงชีวิต
นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหากับรก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก เพราะรกเป็นช่องทางในการให้สารอาหารแก่ทารกที่อยู่ในครรภ์
หญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่จะให้กำเนิดทารกที่มีน้ำหนักน้อย คลอดก่อนกำหนด และทารกมีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่
นอกจากนี้การสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคไหลตายในทารก หรืออาการหลับไม่ตื่นในทารก (Sudden infant death syndrome: SIDS) อีกด้วย
การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง?
การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้เกิดโรคกลุ่มอาการของทารกที่เกิดจากมารดาที่ดื่มแอลกอฮอล์ (fetal alcohol syndrome) ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติของร่างกายทารก เช่น
- ความผิดปกติที่ใบหน้า
- การเจริญเติบโตบกพร่อง
- เกิดปัญหาในระบบประสาทส่วนกลาง
- มีปัญหาด้านการเรียน
- มีความผิดปกติอื่นๆ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น และการได้ยิน
ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณเท่าใดจึงจะปลอดภัยระหว่างการตั้งครรภ์ และแม้จะดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยก็สามารถส่งผลเสียต่อทารกได้ การงดดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างตั้งครรภ์จะดีที่สุด
ทำไมคาเฟอีนถึงถูกพิจารณาว่าเป็น “ยา” หากใช้ระหว่างตั้งครรภ์
คาเฟอีนเป็นสารที่ถูกกฎหมาย และเป็นส่วนประกอบในอาหาร เช่น ช็อกโกแลต และเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่า คาเฟอีนเป็นยา และต้องจำกัดปริมาณที่ได้รับ
หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องการคาเฟอีนจำเป็นต้องจำกัดปริมาณที่ได้รับ เพราะคาเฟอีนสามารถทำให้ทารกแรกคลอดมีน้ำหนักตัวน้อย และทำให้หงุดหงิดหากบริโภคในปริมาณมาก
ยาที่แพทย์สั่งเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่?
หญิงตั้งครรภ์บางรายอาจมีความจำเป็นต้องรับประทานยาบางชนิดขณะตั้งครรภ์ เช่น ใช้สำหรับรักษาอาการปวด หรือรักษาโรคร้ายแรง อื่นๆ เช่น หอบหืด ลมชัก ความดันโลหิตสูง ซึมเศร้า ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดอันตรายต่อทารกได้
ดังนั้นการใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์จะต้องติดตามเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่ง หรือยาที่ซื้อใช้เอง
มียาใดบ้างที่ปลอดภัยในการใช้ระหว่างตั้งครรภ์?
มียาบางชนิดเท่านั้นที่มีข้อมูลว่า ปลอดภัยในการใช้ระหว่างตั้งครรภ์ แต่ยาส่วนใหญ่มักจะไม่ปลอดภัย
หากคุณต้องรับประทานยาบางชนิดเพื่อรักษาโรคบางอย่าง ข้อแนะนำด้านความปลอดภัยต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องปฏิบัติตามระหว่างการตั้งครรภ์
- อ่านฉลากยา และเอกสารกำกับยาทุกครั้ง เพราะโดยส่วนใหญ่จะมีการระบุไว้บนฉลากหากยานั้นมีความปลอดภัยในการใช้ระหว่างตั้งครรภ์
- อาหารเสริมที่ได้จากธรรมชาติ เช่น สมุนไพร กรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามินบางชนิด อาจเป็นสิ่งที่ได้จากธรรมชาติ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไป ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารเสริมใดๆ แม้ว่าจะระบุไว้บนฉลากว่า มาจากธรรมชาติก็ตาม
- ยาแอสไพริน (Aspirin) และไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ควรงดการรับประทานในช่วงเวลา 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ยกเว้นแพทย์สั่ง เพราะยาเหล่านี้จะทำให้เกิดปัญหาต่อทารก หรือทำให้เกิดปัญหาระหว่างการคลอดได้
- ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิตามินที่ต้องรับประทานระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นวิตามินที่มีความปลอดภัยสำหรับมารดา และทารกในครรภ์ อย่าซื้อวิตามินรับประทานเอง เพราะวิตามินที่มีขายทั่วไปจะมีปริมาณสูงเกินไป และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
การใช้ยา ไม่ว่าจะเป็นยาที่ได้การรับรองว่าสามารถใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ได้ หรือยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย ล้วนแต่มีโอกาสทำให้เกิดอันตรายระหว่างตั้งครรภ์ได้ทั้งนั้น
หากมีความกังวลเกี่ยวกับยาที่ต้องรับประทานขณะตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเกี่ยวกับข้อมูลความปลอดภัยของยาทุกครั้ง
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี