azithromycin scaled

Azithromycin (อะซิโทรมัยซิน)

อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) เป็นยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มแมโครไลด์ (macrolide) มีข้อบ่งใช้สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไวต่อยานี้ โดยยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ไม่ออกฤทธิ์ต่อการติดเชื้อไวรัส (เช่น โรคหวัด, โรคไข้หวัดใหญ่)

สรรพคุณของยา azithromycin

  • รักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ไซนักอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ
  • รักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและทางเพศสัมพันธ์ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ ปากมดลูกอักเสบ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อแบคทีเรีย
  • รักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน เช่น แผลติดเชื้อ ฝี การติดเชื้อจากบาดแผล
  • รักษาการติดเชื้อทางเดินอาหาร และแบคทีเรีย
  • รักษาการติดเชื้ออื่นๆ

การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่มีความจำเป็น เป็นสาเหตุของการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียได้ (ประสิทธิภาพของยาลดลง) ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือ เภสัชกร

วิธีใช้ยา azithromycin

ยามีหลายขนาดทั้งแบบเม็ด ยาน้ำแขวนตะกอน ยาฉีด ที่นิยมใช้จะเป็นยาเม็ด azithromycin 250 mg หรือ 500 mg ซึ่งควรให้แพทย์หรือเภสัชกรเป็นผู้เลือกชนิดและปริมาณยาที่ใช้ ไม่ควรหายามาทานเอง

  • อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่ได้รับยานี้ หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือเกิดอาการข้างเคียงใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  •  ขนาดรับประทานของยา azithromycin ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค จึงควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งเสมอ สำหรับยา azithromycin ชนิด ผงสำหรับผสมเป็นยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน สามารถรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ ในกรณีของ azithromycin ชนิดแคปซูลหรือชนิดเม็ด แนะนำให้ทานยา azithromycin ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือ หลังอาหาร 2 ชั่วโมง โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1 ครั้ง  โดยแนะนำให้รับประทานในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน และควรรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งแม้ว่าคุณจะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม การหยุดยาก่อนกำหนดอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียกลับมาเจริญเติบโตและทำให้การติดเชื้อกลับมาเป็นซ้ำได้
  • ถ้าบุตรหลานของคุณอาเจียนออกมาภายใน 1 ชั่วโมงของการรับประทานยา ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่าจำเป็นต้องรับประทานยาซ้ำหรือไม่
  • ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาลดกรด (antacids) ที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียม (aluminium) หรือ แมกนีเซียม (magnesium) ควรรับประทาน ยา azithromycin ก่อนหรือหลังยาลดกรดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เนื่องจากยาลดกรด มีผลทำให้ การดูดซึมยา azithromycin ลดน้อยลง

อาการข้างเคียงของยา azithromycin

อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระเหลว ท้องเสีย หากคุณมีอาการอบ่งใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้หลังจากรับประทานยา  ถึงแม้ว่าอาการอาจจะเกิดได้น้อยมากแต่มีความรุนแรง ให้ปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด

  • การได้ยินเปลี่ยนไป เช่น การได้ยินลดลง, หูหนวก
  • ปัญหาเกี่ยวกับตา เช่น หนังตาตก, ตาพร่ามัว
  • การพูด หรือ กลืนลำบาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง- มีปัญหาของโรคตับ เช่น อ่อนเพลียผิดปรกติ, คลื่นไส้หรืออาเจียนเรื้อรัง, ปวดท้องรุนแรง, ตัวเหลือง, ตาเหลือง,ปัสสาวะมีสีเข้ม
  • หัวใจเต้นเร็วหรือผิดจังหวะ

อาการแพ้ยา azithromycin ที่ควรระวัง

  • ยานี้อาจเป็นสาเหตุของอาการทางลำไส้ที่ร้ายแรงแต่พบได้น้อย คืออาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับเชื้อ  Clostridium difficile (Clostridium difficile-associated diarrhea) โดยอาการนี้อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้ยา azithromycin หรือภายในสัปดาห์จนถึงเดือนหลังหยุดยาแล้ว
  • ให้แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการเหล่านี้: ท้องเสียต่อเนื่อง, ปวดท้อง ท้องเกร็ง, อุจจาระมีมูก/เลือดปน อย่าใช้ยาแก้ท้องเสีย หรือยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์เสพติด ถ้าคุณมีอาการดังกล่าว เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลงได้
  • การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือใช้ซ้ำหลายครั้ง อาจทำให้ติดเชื้อราในช่องปาก (oral thrush) หรือเกิดการติดเชื้อรา ให้ไปพบแพทย์หากคุณมีฝ้าสีขาว (คราบสีขาว) ในช่องปาก, มีตกขาวผิดปกติทางช่องคลอด หรือมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้น
  • ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ อาการไข้ที่ไม่ดีขึ้นเลย, ต่อมน้ำเหลืองโตมากขึ้น, มีผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
  • ปฏิกิริยาแพ้ยาอาจกลับมาเป็นซ้ำได้แม้ว่าจะหยุดยาไปแล้วก็ตาม ถ้าคุณมีอาการแพ้ยาเกิดขึ้น ให้สังเกตอาการของการแพ้ดังกล่าวไปอีกหลายวันหลังจากหยุดยา

อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา azithromycin

  • ถ้าคุณแพ้ยา azithromycin หรือแพ้ยาปฏิชีวนะอื่น เช่น erythromycin, clarithromycin, telithromycin  หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ก่อนการใช้ยา azithromycin ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรถ้าคุณแพ้ยา azithromycin หรือแพ้ยาปฏิชีวนะอื่น เช่น erythromycin, clarithromycin, telithromycin  หรือแพ้สิ่งอื่นๆ รวมถึงแจ้งเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นโรคตับ, โรคไต, โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (myasthenia gravis)
  • ยา azithromycin อาจเป็นสาเหตุของภาวะการเต้นของหัวใจช่วง QT ที่ยาวขึ้น ซึ่ง เป็นภาวะที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง (อาจทำให้เสียชีวิตได้) ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดจังหวะ และมีอาการอื่นๆ เช่น เวียนศีรษะรุนแรง หน้ามืด ซึ่งต้องรีบทำการรักษาทันที
  • ความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด QT prolongation อาจเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีโรคบางโรค หรือกำลังใช้ยาบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของ QT prolongation อยู่แล้ว รวมถึงผู้สูงอายุ ดังนั้นก่อนใช้ยา azithromycin คุณต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ รวมถึงหากเป็นโรคดังต่อไปนี้ โรคหัวใจบางชนิด (หัวใจวาย, หัวใจเต้นช้า, พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG), มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจบางชนิด (พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาวจากการตรวจ EKG, คนในครอบครัวเสียชีวิตจากหัวใจวาย)
  • การที่ร่างกายมีระดับโพแทสเซียม (potassium) หรือ แมกนีเซียม (magnesium) ในเลือดต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด QT prolongation โดยความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นถ้าคุณใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ) หรือมีอาการเหงื่อออกรุนแรง ท้องเสียรุนแรง หรืออาเจียนรุนแรง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการใช้ยา azithromycin ทุกครั้ง
  • ยา azithromycin อาจทำให้วัคซีนที่ทำจากแบคทีเรียเชื้อเป็น (เช่น ไทฟอยด์วัคซีน) ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ดี  ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนการฉีดวัคซีนขณะที่ใช้ยา azithromycin อยู่
  • สำหรับหญิงตั้งครรถ์และให้นมบุตร ไม่แนะนำให้ใช้ยา azithromycin ควรได้รับการปรึกษาแพทย์ก่อนการได้รับยา azithromycin ทุกครั้ง

การใช้ยา azithromycin ร่วมกับยาอื่น

  • การเกิดอันตรกกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • แม้ว่ายาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ไม่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด, แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด แต่มียาปฏิชีวนะบางรายการ (เช่น rifampicin, rifabutin) ที่ส่งผลลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด ทำให้ตั้งครรภ์ได้ ถ้าคุณกำลังใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยาหลายชนิดนอกจากยา azithromycin อาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ (QT prolongation) ได้แก่ amiodarone, disopyramide, dofetilide, dronedarone, ibutilide, pimozide, procainamide, quinidine, sotalol เป็นต้น

การได้รับยา azithromycin เกินขนาด

  • หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา azithromycin เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669

คำแนะนำในการใช้ยา azithromycin

  • ควรกลืนยาทั้งแม็ดหรือแคปซูล ไม่แนะนำให้แบ่งยา
  • การส่งใช้ยา azithromycin ขึ้นอยู่กับสภาวะของโรคในปัจจุบัน ไม่ควรเก็บยานี้ไปใช้ในครั้งถัดไป
  • ในกรณีที่ลืมทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ หากใกล้มื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามปรกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

การเก็บรักษายา azithromycin

  • ควรเก็บรักษาไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ อุณหภูมิไม่เกินที่ระบุไว้บนภาชนะบรรจุและเก็บให้พ้นมือเด็ก

Scroll to Top