รีวิวส่องกล้องกระเพาะอาหารที่ รพ. นวเวช ประสบการณ์จริงของคนที่อาเจียนเป็นเลือด

ปวดท้องบ่อย รู้สึกไม่สบายท้อง อาเจียนเป็นเลือด อาการแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างจากกระเพาะอาหาร!

นลินเองก็เป็นคนนึงที่เคยมีอาการแบบนี้เหมือนกันค่ะ ครั้งนี้เลยเลือกมาตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลนวเวช เพราะเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เดินทางสะดวก ใกล้บ้าน แถมยังดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและใช้เครื่องมือที่ทันสมัยด้วย เราเลยไว้วางใจเลือกใช้บริการที่นี่ค่ะ

รีวิวส่องกล้องกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลนวเวช

ต้องขอเล่าย้อนกลับไปก่อนว่าก่อนหน้านี้เราไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลยค่ะ แต่อยู่ดีๆ ก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้สึกปวดท้อง ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้าใดๆ เลย

เหตุการณ์วันนั้นเราออกไปเดินห้างกับแฟนและก็กำลังกินข้าวตามปกติอยู่ แต่สักพักก็เริ่มรู้สึกพะอืดพะอม มีอาการหน้ามืด รู้สึกอยากอาเจียน ก็เลยบอกให้แฟนหาถุงพลาสติกมาให้แล้วเราก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดเต็มถุงใหญ่เลยค่ะ 

ตอนนั้นเราตกใจมากๆ เลยตัดสินใจให้แฟนเรียกรถพยาบาลมารับทันที พอไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็รีบให้ล้างท้องก่อนเลยเพื่อจะได้ส่องกล้องดูว่ามีความผิดปกติที่กระเพาะอาหารรึเปล่า ซึ่งผลจากการส่องกล้องกระเพาะอาหารครั้งแรกคุณหมอก็บอกว่าเราติดเชื้อในกระเพาะอาหารค่ะ ทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผล

พอรู้แบบนี้ คุณหมอเลยขริบแผลเอาไว้ให้แล้วก็ให้ยามากินเพื่อรักษาอาการมาตลอด ในตอนนั้นเราก็ไม่ได้ถามคุณหมอเพิ่มด้วยว่าต้องดูแลตัวเองยังไงต่อ หรือแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากอะไร แต่เราก็คิดเอาเองว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารอาจเกิดจากการที่เราชอบกินน้ำแข็ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นน้ำแข็งจากร้านกาแฟข้างทางที่ไม่รู้เลยว่ามันสะอาดแค่ไหน 

เราเลยคิดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคแบบนี้ได้ เพราะส่วนตัวเรากินอาหารสุกตลอด ไม่กินอาหารดิบหรือของหมักของดองเลย 

แต่พอเวลาผ่านไปประมาณ 5-6 เดือน เราก็กังวลว่าอาการพวกนี้จะกลับมาอีก และก็อยากรู้ด้วยว่าร่างกายหายดีแล้วหรือยัง เราเลยตัดสินใจกลับมาส่องกล้องกระเพาะอาหารเป็นครั้งที่สองเพื่อรีเช็กอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ

ส่องกล้องกระเพาะอาหารเตรียมตัวยังไง?

พอมาถึงโรงพยาบาลก็ยื่นคูปองที่จองคิวกับ HDmall.co.th ให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนเลยค่ะ จากนั้นเค้าก็จะบอกว่าเราต้องไปตรงไหน ซึ่งก่อนอื่นเราจะต้องไปเจาะเลือดก่อน แล้วก็รอฟังผลตรวจเบื้องต้นกับคุณหมอค่ะ

สำหรับการส่องกล้องกระเพาะอาหาร ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าพบคุณหมอเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายกันก่อนค่ะ โดยจะต้องงดอาหารและน้ำประมาณ​ 6-8 ชั่วโมงเพื่อให้กระเพาะว่างและส่องกล้องแล้วเห็นภาพภายในได้ชัดเจน

ส่วนคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน, ความดัน หรือใครที่ต้องใช้ยาละลายลิ่มเลือดจะต้องบอกคุณหมอก่อนล่วงหน้าด้วยนะคะ ส่วนผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอมหรือมีฟันโยกก็ต้องบอกคุณหมอก่อนเหมือนกันค่ะ เรียกง่ายๆ ก็คือบอกคุณหมอให้หมดเลยว่าเรามีปัญหาทางสุขภาพอะไรบ้าง หรือเคยทำอะไรกับร่างกายมาก่อน มีความผิดปกติด้านสุขภาพส่วนไหนบ้าง

โดยการส่องกล้องกระเพาะอาหารแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงรวมระยะเวลาพักฟื้น ซึ่งก็ขึ้นกับจำนวนของผู้ป่วยในวันนั้นๆ และสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วยค่ะ 

ขั้นตอนการส่องกล้องกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลนวเวช

การส่องกล้องกระเพาะอาหารในครั้งนี้จะมีการให้ยานอนหลับโดยวิสัญญีแพทย์ด้วยค่ะ ทำให้ระหว่างตรวจเราจะไม่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกเจ็บเลย

ส่วนขั้นตอนการส่องกล้องกระเพาะอาหาร จากที่เราสอบถามคุณหมอมาก็จะเริ่มจากการให้ยานอนหลับก่อน จากนั้นคุณหมอก็จะใส่อุปกรณ์ช่วยเปิดปากแล้วค่อยๆ สอดกล้องขนาดเล็กผ่านทางปาก คอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ไปจนถึงลำไส้เล็กส่วนต้นเลย

ระหว่างนี้คุณหมอก็จะตรวจดูเยื่อบุกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งถ้าเจอความผิดปกติคุณหมอก็จะตัดชิ้นเนื้อไปส่องตรวจความผิดปกติต่อค่ะ

หลังจากส่องกล้องกระเพาะอาหารเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะพาเรามาอยู่ในห้องพักฟื้นและจะมีพี่พยาบาลคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจนตื่นขึ้นมาเลยค่ะ

ผลการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร

หลังพักฟื้นจากการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารแล้ว พี่พยาบาลก็จะพาเรามาพบคุณหมอเพื่อฟังผลตรวจอย่างละเอียดเลย ซึ่งผลที่ออกมากระเพาะอาหารของเราก็ยังมีอาการอักเสบและมีแผลอยู่ 3 จุดค่ะ ซึ่งขนาดของแผลใหญ่ที่สุดคือ 8 มม. คุณหมอเลยเก็บชิ้นเนื้อจากบริเวณแผลและตำแหน่งต่างๆ ไปส่งตรวจทางพยาธิวิทยาอีกทีค่ะ

แต่ที่น่าตกใจก็คือถึงแม้เราจะไม่มีอาการอะไรเลยหลังจากการรักษาครั้งแรก ไม่อาเจียน ไม่ปวดท้อง แต่พอเห็นภาพภายในกระเพาะผ่านกล้องก็รู้ได้ทันทีว่าแผลและการอักเสบข้างในกระเพาะยังไม่หายดี 

คุณหมอชี้ให้เห็นว่าผนังกระเพาะมีลักษณะบวม อักเสบ และมีความไม่เรียบตามพื้นผิว ซึ่งคุณหมออธิบายว่าเป็นผลมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย H. Pylori ที่อาจยังคงอยู่ในร่างกายหรืออาจได้รับเชื้อซ้ำอีกครั้ง

ถ้าปล่อยไว้แบบนี้โดยไม่รักษาให้หายขาดก็อาจมีความเสี่ยงสูงที่แผลจะเรื้อรังได้ และถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่แผลก็อาจพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย 

คุณหมอเลยจะทำการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อแบบสูตรเข้มข้นและวางแผนตรวจติดตามผลอีกครั้งหลังกินยาครบ โดยอาจจะเป็นการตรวจอุจจาระ ตรวจลมหายใจ หรือตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหารซ้ำอีกครั้งก็ได้ค่ะ

นอกจากนี้ คุณหมอก็เตือนด้วยว่าถึงจะไม่มีเลือดออกจากแผลในครั้งนี้ แต่พื้นผิวของกระเพาะยังมีความอักเสบจนเห็นเลือดซึมอยู่เล็กน้อย และยังมีจุดตะปุ่มตะป่ำที่เป็นลักษณะบวมอักเสบทั่วกระเพาะ

ซึ่งอาการแบบนี้แสดงว่าเชื้อแบคทีเรีย H. Pylori ยังไม่หมด และร่างกายยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ จึงต้องรีบรักษาให้หายจริงจังค่ะ

โรคกระเพาะอักเสบที่เกิดจากเชื้อ H. Pylori มักไม่มีอาการชัดเจนนะคะ หลายคนเลยอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแค่อาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยธรรมดา แต่จริงๆ แล้วมันอาจมีการอักเสบหรือมีแผลอยู่ในกระเพาะโดยไม่รู้ตัวก็ได้ 

อย่างในกรณีของเราถ้าไม่ตัดสินใจกลับมาส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารซ้ำก็คงไม่รู้เลยว่าแผลข้างในยังไม่หายดี และอาจปล่อยให้ลุกลามไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการตรวจส่องกล้องสำคัญจริงๆ ค่ะ

ข้อควรปฏิบัติหลังการส่องกล้องและการดูแลตัวเอง

หลังจากรู้ผลตรวจ เราก็จะกลับไปปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดเลยค่ะ เริ่มจากกินยาให้ครบ หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ เช่น อาหารเผ็ดจัด, แอลกอฮอล์, บุหรี่, ชา, กาแฟ และก็เน้นกินอาหารปรุงสุก สะอาด เพื่อเลี่ยงการรับเชื้อซ้ำ นอกจากนี้ก็ยังต้องกลับไปตรวจซ้ำตามที่คุณหมอนัดเพื่อประเมินว่าร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นหรือยังด้วย

โดยส่วนตัวเรารู้สึกสบายใจมากที่ได้รู้ผลตรวจอย่างชัดเจน เพราะถึงจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่ร่างกายเราก็มีปัญหาบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ตรวจซ้ำก็อาจพลาดโอกาสรักษาในระยะต้นไปเลยก็ได้ 

ที่สำคัญคือคุณหมอและทีมพยาบาลดูแลดีมาก ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยทุกขั้นตอน เครื่องมือในการตรวจก็ทันสมัย ภาพที่ได้จากการส่องกล้องคมชัดมากจนเห็นรายละเอียดของแผลภายในกระเพาะชัดเจน ยิ่งทำให้เราเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพจากภายในจริงๆ ค่ะ

ใครควรส่องกล้องกระเพาะอาหารบ้าง?

ถ้าใครมีอาการท้องอืดเรื้อรัง อาเจียนเป็นเลือด หรือเคยติดเชื้อในกระเพาะอาหารมาก่อน เราแนะนำว่าควรมาส่องกล้องกระเพาะอาหารเพื่อตรวจอย่างละเอียดเลยค่ะ

ส่วนคนที่ไม่มีอาการอะไรเลย แต่อยากดูแลสุขภาพร่างกายในเชิงลึกก็สามารถตรวจได้ตามคำแนะนำของแพทย์  โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร อาจมีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหาร เพราะถ้าเจอความผิดปกติเร็วก็ยิ่งรักษาได้เร็วค่ะ

เราขอเตือนว่าอย่ารอให้กระเพาะอักเสบจนสายเกินไปนะคะ เพราะบางครั้งโรคที่เงียบๆ ไม่มีอาการ อาจรุนแรงโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ การตรวจในช่วงที่ยังไม่มีอาการถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดค่ะ

ส่วนใครที่กำลังลังเลว่าจะส่องกล้องกระเพาะอาหารดีไหม ส่องกล้องอาหารน่ากลัวรึเปล่า เราอยากบอกว่าส่องกล้องกระเพาะอาหารไม่ได้น่ากลัวเลย คุณหมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลนวเวชดูแลดีมาก แถมเครื่องมือก็ทันสมัยสุดๆ

ถ้าใครอยากส่องกล้องกระเพาะอาหารก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองโปรแกรมได้ที่ HDmall.co.th เลยค่ะ เค้ามีโปรโมชั่นดีๆ อยู่เพียบ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน