ตอนทำ ReLEx SmartSight บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก เพราะต้องมีเครื่องมือมาถ่างเปิดตา แล้วภาพก็ตัดวูบไปช่วงนึง ในใจตอนนั้นก็คิดว่าจะรอดมั้ยนะ แต่เชื่อมั้ยคะ สุดท้ายแล้วนี่คือการผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตาที่เราคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต รู้แบบนี้ทำตั้งนานแล้วค่ะ
และวันนี้ผ่านมาครบ 6 เดือนหลังทำ ReLEx SmartSight ใครที่อยากทำเลสิก อยากแก้ไขสายตาสั้น ไม่อยากใส่แว่นสายตาแล้ว หรืออยากทำ ReLEx ลองดูรีวิวนี้ของอัญก่อนตัดสินใจได้เลยนะคะ
สารบัญ
รีวิวทำ ReLEx SmartSight ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3
ก่อนหน้านี้อัญมีปัญหาสายตาสั้น ซ้ายสั้น 500 ขวาสั้น 250 สายตาสั้นมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบหรือ ป.6 เลยค่ะ และตอนนี้ก็อายุ 24 แล้ว ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา อัญใช้ชีวิตอยู่กับแว่นสายตามาโดยตลอดเลยค่ะ
ที่ผ่านมาอัญใช้ชีวิตแบบลำบากมาโดยตลอด บางทีก็รำคาญเพราะทำอะไรไม่ค่อยสะดวก เช่น ว่ายน้ำก็มองไม่เห็น ปกติลงน้ำก็มองไม่เห็นอยู่แล้วยิ่งสายตาสั้นยิ่งลำบาก หรือเวลาแต่งหน้าก็ต้องยืนแทบจะชิดกระจก ไม่งั้นก็แต่งหน้าไม่ได้ ยิ่งต้องแต่งช่วงดวงตายิ่งมองไม่เห็นเลย
รวมถึงถ้าช่วงไหนที่แว่นหาย หรือแว่นหักนะ อัญจะใช้ชีวิตนอกบ้านลำบากขึ้นมาก เดินสวนกับเพื่อนก็มองไม่เห็นหน้า จนเพื่อนงงว่าทำไมเราหยิ่งจัง ทักทายก็ไม่หันมาตอบกลับ หรือเวลาต้องโดยสารด้วยรถสาธารณะก็จะมองไม่เห็นเลยว่าเป็นรถเมล์สายไหน ขึ้นบีทีเอสก็ไม่เห็นป้ายว่าฝั่งไหน ต้องอาศัยถามคนแถวนั้นเอาอย่างเดียวเลยค่ะ
จนผ่านไปหลายปี ค่าสายตามันเปลี่ยน สายตาสั้นลงกว่าเดิมก็ทำให้แว่นอันเดิมใช้การได้ไม่ดี ต้องคอยตัดแว่นใหม่ทุกๆ 2-3 ปี แถมแว่นแต่ละอันราคาก็สูง อัญเลยคิดว่าอยากจะหาวิธีแก้ไขก็เลยลองหาข้อมูลเรื่องการทำเลสิกดูค่ะ
แต่จากที่หาข้อมูลเรื่องการทำเลสิก สุดท้ายอัญก็มาตัดสินใจทำ ReLEx SmartSight ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 แต่เดี๋ยวอัญจะค่อยๆ เล่าให้ฟังนะคะว่าเป็นเพราะอะไร
ReLEx SmartSight คืออะไร?
จากที่อัญหาข้อมูลมา ReLEx SmartSight คือ การผ่าตัดปรับค่าสายตาด้วยการใช้เลเซอร์ปรับแต่งความโค้งของกระจกตา โดยจะใช้เลเซอร์แยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ (Lenticule) แล้วก็เอาเนื้อกระจกตาส่วนที่เกินออกมา ซึ่งแผลจะมีขนาดความยาวแค่ 2-5 มิลลิเมตร เท่านั้นเองค่ะ
เทคโนโลยีของ ReLEx SmartSight จะผ่าตัดด้วยเครื่องเลเซอร์ SCHWIND ATOS Femtosecond Laser ที่ทันสมัย และกำลังได้รับความนิยมทั่วโลกเลยค่ะ แถมเค้ายังมี AI เพิ่มเข้ามาคอยช่วยคำนวณและควบคุมการผ่าตัด ทำให้ผ่าตัดได้แม่นยำกว่าเดิมด้วย
ข้อดีของ ReLEx SmartSight คือ ไม่ต้องเปิดกระจกตา ก็เลยทำให้โอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย ตาแห้งก็น้อยกว่า แถมผลข้างเคียงในการมองเห็นแสงแฟลร์หรือที่หลายคนบอกว่าแสงแตกตอนกลางคืนก็น้อยกว่าด้วยค่ะ
ReLEx กับ LASIK ต่างกันยังไง?
อธิบายเพิ่มเติมค่ะว่าจริงๆ หลายๆ คนชอบเรียกการผ่าตัดปรับค่าสายตาว่าเลสิก โดย LASIK ย่อมาจากคำว่า Laser In-Situ Keratomileusis ซึ่งบางขั้นตอนอาจมีการใช้ใบมีดในการผ่าตัด และมีการแยกชั้นกระจกตาเพื่อเปิดเข้าไปปรับแก้ไขความโค้งของกระจกตา
ส่วนคำว่า ReLEx ย่อมาจากคำว่า Refractive Lenticule Extraction เป็นวิธีรักษาสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์ทุกขั้นตอน ไม่มีการใช้ใบมีดเลย และไม่มีการแยกชั้นกระจกตาแล้วเปิดออก ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนได้ โดย ReLEx เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีต่อยอดมาจาก LASIK นั่นเอง
ReLEx SmartSight ต่างจาก ReLEx ยังไง?
สำหรับ ReLEx เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดมาจาก LASIK ที่ไม่มีการเปิดแยกชั้นกระจกตา แต่ ReLEx SmartSight ได้เพิ่มเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยคำนวณและควบคุม ทำให้การผ่าตัดปรับแก้ไขค่าสายตาทำได้แม่นยำกว่าเดิมค่ะ
ทำไมถึงทำ ReLEx SmartSight ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3
อัญตัดสินใจทำ ReLEx SmartSight ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 ก็เพราะว่า หาข้อมูลมาแล้วเห็นว่าคุณหมอเบียร์ พญ. กิตติกมล วงศ์ไพศาลสิน มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญในการแก้ไขค่าสายตาด้วยเลเซอร์ และเป็นจักษุแพทย์มานานกว่า 15 ปี
คุณหมอมีประสบการณ์รักษาคนไข้มานาน อัญก็เลยมั่นใจว่าคุณหมอจะต้องเก่งมากแน่ๆ และคุณหมอก็น่าจะมีประสบการณ์รับมือกับค่าสายตาทุกรูปแบบ อัญเลยตัดสินใจทำที่โรงพยาบาลพญาไท 3 ค่ะ
ขั้นตอนการทำ ReLEx SmartSight
ตอนเข้ามาทำ ReLEx SmartSight ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 อัญก็ประทับใจพี่เจ้าหน้าที่ทุกคนเลยค่ะ พี่พยาบาลก็ให้ข้อมูลดีมากๆ ไม่ว่าอัญจะถามอะไรไปเค้าก็ตอบได้หมดแบบเข้าใจเลย
แถมตอนที่เข้ามาปรึกษาคุณหมอครั้งแรก คุณหมอก็อธิบายเกี่ยวกับ ReLEx SmartSight ได้ครบถ้วน ทำให้อัญสบายใจและกล้าที่จะทำเลสิกมากกว่าเดิม
โดยการเตรียมตัวก่อนมาทำ ReLEx SmartSight มีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
- งดใส่คอนแทคเลนส์ ก่อนวันตรวจตาอย่างน้อย 7-14 วัน ตามประเภทของคอนแทคเลนส์และจำนวนวันที่กำหนด สามารถใส่แว่นสายตาแทนในระหว่างที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์
- หยุดกินยารักษาสิวในกลุ่ม Isotretinoin เช่น Roaccuatanse, Acnotin, Isotret ก่อนวันตรวจตาและก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือนเต็ม เพราะยานี้ส่งผลให้เยื่อบุตาต่างๆ รวมถึงผิวกระจกตาแห้งกว่าปกติ
- ถ้าใช้ยารักษาโรคประจำตัวอื่นๆ ต้องแจ้งให้คุณหมอทราบในวันตรวจ เช่น ยาเบาหวาน, ยาลดความดัน, ยาลดไขมัน, ยาไทรอยด์ และยานอนหลับทุกประเภท
- ในวันที่ผ่าตัด งดทาครีม ทาโลชั่น หรือฉีดน้ำหอม
- ในวันที่ผ่าตัด ควรอาบน้ำและสระผมมาให้เรียบร้อย
พอถึงวันผ่าตัดอัญก็พาญาติมาด้วยคนนึงค่ะ เพราะหลังจากทำ ReLEx SmartSight ไปแล้ว เราจะขับรถเองไม่ได้ ควรมีคนพากลับบ้านค่ะ
ส่วนขั้นตอนการทำ ReLEx SmartSight จะบอกว่าไม่เจ็บก็ไม่เชิงค่ะ มันจะรู้สึกเคืองๆ ตานิดหน่อย โดยก่อนที่จะเข้าไปในห้องผ่าตัด พี่พยาบาลก็จะมาหยอดยาฆ่าเชื้อและยาชาที่ดวงตาให้ พอเข้าไปในห้องผ่าตัดก็จะมีการหยอดยาชาที่ตาให้เราเรื่อยๆ เลย
จากนั้นคุณหมอจะใช้อุปกรณ์มาเปิดถ่างดวงตาไว้แล้วก็ให้เรานอนนิ่งๆ จ้องแสงที่อยู่ตรงหน้าเราค่ะ ระหว่างนี้คุณหมอจะให้เราจ้องไปที่แสงนั้นอย่างเดียวเลย ห้ามกลอกตาไปมา ซึ่งภาพที่เราเห็นก็จะเป็นภาพแสงจ้าๆ อย่างเดียว
ข้อดีอีกอย่างของ ReLEx SmartSight คือ เค้ามีเทคโนโลยีระบบการจดจำรูม่านตา ติดตามการเคลื่อนไหวและการหมุนของดวงตา ทำการตรวจสอบหาตำแหน่งดวงตาของคนไข้อัตโนมัติ ถ้าเราเผลอกลอกตาจริงๆ ระบบจะตรวจจับได้ทันทีค่ะ แต่ทางที่ดี จ้องนิ่งๆ ไว้จะปลอดภัยที่สุดนะคะ
จากนั้นคุณหมอจะใช้ SCHWIND ATOS Femtosecond Laser ปล่อยพลังงานเลเซอร์มาแยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ในเนื้อกระจกตา (Lenticule) เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้เหมาะกับค่าสายตาที่ต้องการแก้ไข โดยไม่ทำลายผิวกระจกตาชั้นนอกสุด และไม่มีการเปิดผิวกระจกตาเหมือนกับเทคโนโลยีอื่นๆ
ต่อด้วยการเปิดแผลเล็กขนาด 2-5 มิลลิเมตร ด้วย SCHWIND ATOS Femtosecond Laser อีกครั้ง แล้วเอาเลนส์ในเนื้อกระจกตา (Lenticule) ออกมาผ่านช่องแผลเล็กๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หลังจากเสร็จไปแล้วหนึ่งข้าง คุณหมอจะหยอดยาที่ดวงตาอีกครั้งให้ชุ่มๆ แล้วก็เปลี่ยนมาทำอีกข้างนึงค่ะ โดยรวมแล้วการทำ ReLEx SmartSight ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว
พอทำเสร็จปุ๊บ คุณหมอจะตรวจดวงตาให้เราอีกครั้งเพื่อเช็กความเรียบร้อย แล้วพี่พยาบาลก็เข้ามาใช้อุปกรณ์ครอบดวงตาปิดเอาไว้ให้ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นหรืออะไรเข้าตาในระหว่างนี้ค่ะ
สำหรับภาพแรกที่เห็นหลังจากทำ ReLEx SmartSight จะยังมองเห็นไม่ชัดทันทีนะคะ ภาพมันจะเบลอๆ ฟุ้งๆ เหมือนมีหมอกอยู่เต็มห้อง อาจเป็นเพราะยาชาที่หยอดไว้ยังออกฤทธิ์อยู่ก็เลยมองไม่ชัดเท่าไหร่
จากนั้นเราก็ออกมารับยา แล้วก็ขึ้นรถกลับบ้านทันทีเลยค่ะ
การพักฟื้นหลังทำ ReLEx SmartSight
พอกลับมาถึงบ้าน เราก็กินยาแก้ปวดและยานอนหลับตามที่คุณหมอแนะนำ แล้วก็หลับยาวไปเลยค่ะ ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นก็มองเห็นชัดพอสมควร แต่ยังไม่ 100% แล้วก็มีอาการเคืองตาบ้าง แต่ไม่ถึงกับเจ็บตาหรือสร้างความรำคาญค่ะ
หลังจากผ่าตัดทำ ReLEx SmartSight คุณหมอจะนัดให้กลับมาตรวจเช็กดวงตาอีกครั้งที่โรงพยาบาล ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี จากนั้นคุณหมอก็จะนัดติดตามอาการในอีก 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีค่ะ
คุณหมอแนะนำอีกด้วยว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าตาแห้งก็แนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ วันละ 3 ครั้งได้เลย และห้ามไม่ให้ดวงตาโดนน้ำ 7 วัน ห้ามว่ายน้ำ 1 เดือน และห้ามดำน้ำ 3 เดือน นอกนั้นก็ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติเลยค่ะ
โดยส่วนตัวของอัญหลังจากทำ ReLEx SmartSight ไป 4-5 วันก็รู้สึกว่าภาพที่มองเห็นมันชัดขึ้น ไม่เบลอ ไม่ฟุ้งเหมือนวันแรกที่ทำ และตอนนี้ทำมาครบ 6 เดือนแล้ว บอกเลยว่าชีวิตเปลี่ยนไปมากๆ รู้สึกสะดวกขึ้นมาก ไม่ต้องมีแว่นมาคอยกวนใจ ทำอะไรก็สะดวกค่ะ
ทำ ReLEx SmartSight ที่ไหนดี
ใครที่กำลังอยากทำเลสิก อยากทำเลสิกแต่ไม่รู้จะทำที่ไหนดี มองหาที่ทำเลสิกอยู่ อัญแนะนำเลยค่ะ โรงพยาบาลพญาไท 3 อยากให้ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อนก็ได้ แล้วถ้าใครทำ ReLEx SmartSight ไม่ได้ คุณหมอก็จะแนะนำเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เหมาะสมกับเราเองค่ะ
ส่วนใครที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ทำเลสิกแพงมั้ย ทำ ReLEx ราคาเท่าไหร่ บอกเลยว่าทักไลน์หา HDcare เค้ามีโปรโมชั่นสุดคุ้ม แถมยังผ่อนชำระได้ด้วย ลองทักเข้าไปปรึกษาทีมงานดูก่อนก็ได้ว่าค่าสายตาของเราควรทำแบบไหน เค้าก็จะให้คำแนะนำแบบตรงจุดมากๆ ค่ะ
ทุกวันนี้อัญรู้สึกเหมือนได้โลกใบใหม่ ใครสนใจอยากออกจากกรอบแว่นมาแบบอัญ บอกเลยว่า ReLEx SmartSight ไม่น่ากลัวแบบที่คิด รู้แบบนี้ทำตั้งนานแล้วเพราะสบายตามากๆ เลยค่ะ