lasik 1 scaled

ปรับความคมชัดของดวงตาด้วยเลสิก (Lasik)

รักษาสายตาสั้น…ในระยะยาว ด้วยการทำเลสิก (LASIK) ปรับค่าสายตา ช่วยให้คุณไม่ต้องสวมแว่นสายตาอีกต่อไป ในบทความนี้ HDmall.co.th ได้สรุปข้อควรรู้สำหรับผู้ที่สนใจทำเลสิกมาฝากกัน

มีคำถามเกี่ยวกับ เลสิก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

เลสิก (LASIK) คืออะไร?

เลสิก (Laser-assisted in situ keratomileusis: LASIK) คือ การผ่าตัดปรับค่าสายตาด้วยเลเซอร์ ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาด้านสายตา ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง มองเห็นภาพได้ชัดเจนโดยไม่ต้องสวมแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์

โดยปกติดวงตาของเราจะมีกระจกตา (Cornea) ซึ่งเป็นเหมือนวุ้นอยู่ชั้นนอกสุดบริเวณตาดำ ถัดเข้าไปจะเป็นเลนส์ตา (Lens) และลึกเข้าไปในสุดคือจอตา (Ratina)

ความผิดปกติของสายตาบางประเภทอาจเกิดจากกระจกตาโค้งมากไปหรือน้อยไป ทำให้แสงที่เข้ามาในดวงตาเพื่อให้เราเห็นภาพหักเหไปไม่ตรงกับจอตา ทำให้เราเห็นภาพเบลอ และต้องสวมแว่นสายตา

โดยการทำเลสิกจะเปิดชั้นกระจกตาออกมาเล็กน้อย จากนั้นใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของผิวกระจกตาให้เหมาะสม จากนั้นก็นำกระจกตาพาดปิดลงไปที่เดิมโดยไม่จำเป็นต้องเย็บ เพราะกระจกตาสามารถเชื่อมต่อกันได้เอง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพชัดเจนได้เป็นปกติ

เลสิก (LASIK) แก้อะไรได้บ้าง?

เลสิกสามารถรักษาค่าสายตาผิดปกติได้ 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้

  • รักษาสายตาสั้น (Nearsightedness) ที่เกิดจากกระจกตาโค้งมากเกินไป ทำให้มองเห็นภาพระยะไกลเบลอ
  • รักษาสายตายาว (Farsightedness) ที่เกิดจากกระจกตาโค้งน้อยเกินไป ทำให้มองเห็นภาพที่อยู่ระยะใกล้เบลอ
  • รักษาสายตาเอียง (Astigmatism) ที่เกิดจากกระจกตาโค้งไม่เท่ากัน ทำให้มองเห็นเบลอ

อย่างไรก็ตาม การทำเลสิกไม่สามารถรักษาอาการที่มีสาเหตุมาจากการอักเสบ โรคเบาหวาน โรคพุ่มพวง หรือได้รับผลกระทบจากรูมาตอยด์

ดังนั้นก่อนทำเลสิกควรปรึกษาจักษุแพทย์ถึงแผนการรักษาโดยละเอียด เพื่อเลือกวิธีการที่สุดสำหรับคุณ

ใครไม่ควรทำเลสิก (LASIK)

การทำเลสิกอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือเงื่อนไขบางอย่าง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงที่การรักษาจะไม่ได้ผล ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่ควรทำเลสิก

  • ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune disorders)
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน หรือติดเชื้อ HIV
  • ผู้ที่เป็นโรคตาแห้งเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีการมองเห็นเปลี่ยนแปลงไปจากผลของการใช้ยา การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร และอายุ
  • ผู้ที่เกิดการอักเสบบริเวณกระจกตา ดวงตาบาดเจ็บ หรือเป็นโรคใดๆ เกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อกระจก
  • ผู้ที่สายตาสั้นอย่างรุนแรง
  • ผู้ที่รูม่านตาใหญ่เกินไป หรือกระจกตาบางเกินไป
  • ผู้ที่มองเห็นภาพเบลอจากความเสื่อมตามอายุ
  • ผู้ที่ต้องทำกิจกรรมที่มีแรงกระแทกบริเวณใบหน้าอยู่บ่อยๆ เช่น นักมวย

หากคุณมีเงื่อนไขตรงกับข้อใดดังที่กล่าวไปข้างต้น ควรแจ้งและปรึกษากับจักษุแพทย์ เพื่อพิจารณาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

การเตรียมตัวก่อนทำเลสิก (LASIK)

จักษุแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนถึงวันนัดทำเลสิก คำแนะนำที่อาจพบได้ มีดังนี้

  • งดใส่คอนแทคเลนส์ เพราะบางกรณีคอนแทคเลนส์อาจเปลี่ยนรูปร่างของกระจกตาได้ ควรเปลี่ยนมาใส่แว่นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตามแพทย์ที่แนะนำ ก่อนที่จะถึงนัดประเมินและทำเลสิก
  • ตรวจประเมินสุขภาพตา จักษุแพทย์อาจซักประวัติทางการแพทย์ ประวัติการรักษาหรือผ่าตัด ในขั้นตอนนี้ควรบอกโรคประจำตัว ยาที่ใช้ อาหารเสริมที่กินเป็นประจำกับจักษุแพทย์อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังอาจมีการตรวจดูความพร้อมสุขภาพตา เช่น หาสัญญาณการติดเชื้อ การอักเสบ ตรวจรูม่านตา ความดันลูกตา และตรวจเช็กกระจกตา
  • พาคนรู้จักมาช่วยขับรถกลับ เพราะหลังจากทำเลสิกแล้ว คุณอาจยังได้รับผลกระทบจากยาอยู่ ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดและไม่สามารถขับรถได้
  • งดใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา รวมถึงครีม น้ำหอม และโลชั่นตั้งแต่ก่อนวันทำเลสิกไปจนถึงวันที่นัดทำเลสิก นอกจากนี้ควรทำความสะอาดรอบดวงตาตามที่จักษุแพทย์แนะนำ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อหลังจากทำเลสิก
  • สวมเสื้อคอกว้าง หรืออาจใช้เป็นเสื้อกระดุมที่ถอดเปลี่ยนได้ง่ายแทน

ขั้นตอนการทำเลสิก (LASIK)

การทำเลสิกมักจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

  1. จักษุแพทย์จะจัดให้คุณนอนเอนลงบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้
  2. จักษุแพทย์หยอดยาชาในลูกตา จากนั้นจะใช้เครื่องมือถ่างเปิดเปลือกตาให้อ้าค้างเอาไว้
  3. ช่วงนี้อาจมีการนำเครื่องมือมาทาบไว้บริเวณดวงตาเตรียมเปิดกระจกตา ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้บ้าง รวมถึงอาจมองเห็นภาพมืดลงเล็กน้อย
  4. จักษุแพทย์อาจใช้เลเซอร์ หรือใบมีดขนาดเล็กมากเปิดกระจกตาด้านนอกให้อ้าออก เพื่อให้เลเซอร์สามารถเข้าถึงกระจกตาส่วนที่ต้องการได้
  5. ใช้เลเซอร์ปรับกระจกตาให้ได้ตามต้องการ จากนั้นจะเอากระจกตาด้านบนที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ พับกลับเข้าไปที่เดิมโดยไม่ต้องเย็บ

ในระหว่างการทำเลสิก จักษุแพทย์อาจให้คุณมองไปที่จุดใดจุดหนึ่งค้างเอาไว้ เพื่อให้เลเซอร์สามารถปรับกระจกตาได้แม่นยำขึ้น และหากคุณต้องทำเลสิกกับตาทั้ง 2 ข้าง ก็สามารถทำได้ในวันเดียวกันเลย

มีคำถามเกี่ยวกับ เลสิก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

การดูแลตัวเองหลังทำเลสิก (LASIK)

หลังจากทำเลสิก คุณอาจมีอาการคันตา ระคายเคือง น้ำตาไหลมาก และอาจเห็นภาพเบลอ บางคนอาจรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่สามารถพบได้

จักษุแพทย์จะให้ยาแก้ปวดและยาหยอดตามาเพื่อบรรเทาอาการ และควรใช้ยาตามที่จักษุแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ รวมถึงใส่ที่ปิดตาไว้อย่างน้อย 1 คืน เพื่อให้ตาฟื้นฟูจากการทำเลสิก

แม้คุณจะสามารถมองเห็นได้ทันทีหลังจากทำเลสิก แต่ผลลัพธ์อาจยังไม่ชัดเจนนักในระยะแรก ภาพที่เห็นอาจยังเบลอหรือไวต่อแสงอยู่บ้าง แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 เดือนหลังจากทำเลสิก

จักษุแพทย์อาจนัดให้กลับมาติดตามอาการอีกครั้งหลังจากทำเลสิก 1-2 วัน เพื่อดูว่ามีสัญญาณของอาการแทรกซ้อนหรือไม่ และหากมีการนัดหมายอีกครั้งก็ควรไปพบจักษุแพทย์ตามนัดทุกครั้ง แม้จะรู้สึกว่าแผลหายเป็นปกติแล้วก็ตาม

ระยะแรกหลังทำเลสิกยังไม่ควรใช้เครื่องสำอางรอบดวงตาไปอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หรือตามแพทย์แนะนำ รวมถึงงดเล่นกีฬาที่อาจส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น ว่ายน้ำ จนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาตให้ทำได้

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำเลสิก (LASIK)

แม้การทำเลสิกจะเป็นการรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัยและทันสมัย แต่ก็เช่นเดียวกับการผ่าตัดแทบทุกอย่างที่อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนี้

  • ตาแห้ง เลสิกอาจทำให้การสร้างน้ำตาลดลงในช่วง 6 เดือนแรกจนรู้สึกระคายเคือง และส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้ กรณีนี้จักษุแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมเพื่อบรรเทาอาการ
  • รับรู้แสงผิดปกติ บางคนอาจมองเห็นได้ลำบากขึ้นในเวลากลางคืน ในขณะที่บางคนรู้สึกไวต่อแสงมากขึ้น อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังทำเลสิกไม่กี่วันไปจนถึงไม่กี่สัปดาห์
  • ทำเลสิกไม่ได้ผล มีความเป็นไปได้ที่เลเซอร์อาจปรับกระจกตาน้อยหรือมากเกินไป ทำให้หลังทำเลสิกแล้วยังคงเห็นภาพไม่ชัดเหมือนที่คาดหวังไว้ กรณีนี้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ถึงการรับการทำเลสิกซ้ำอีกครั้ง
  • สายตากลับไปเป็นเหมือนเดิม หลังจากปรับค่าสายตาด้วยเลสิกแล้ว อาการจะค่อยๆ กลับไปเหมือนเดิมอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อยมาก
  • อาจเกิดการติดเชื้อ เช่นเดียวกับการผ่าตัดทุกชนิดที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อได้ แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ การรักษาความสะอาด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก
  • สูญเสียการมองเห็น ถือเป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อยมากเช่นกัน

ทำเลสิก เจ็บไหม ?

ไม่เจ็บ เพราะตลอดการทำเลสิก แพทย์จะหยอดยาชาที่ตา แต่อาจรู้สึกไม่สบายตาหรือรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อย

สำหรับคนที่กังวลในขั้นตอนเปิดกระจกตา แพทย์ใช้เครื่องมือทันสมัยที่เรียกว่า Microkeratome ซึ่งเป็นเครื่องแยกชั้นกระจกตาที่มีใบมีดบางมากๆ และมีความแม่นยำสูง จึงไม่ต้องกังวลมากเกินไป

ผลลัพธ์ของการทำเลสิก

มากกว่า 8 ใน 10 คนที่ทำเลสิก ไม่จำเป็นต้องสวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์ในการทำกิจกรรมต่างๆ อีกต่อไป

แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับการหักเหของแสงตั้งแต่ก่อนทำเลสิก โดยผู้ที่มีสายตาสั้นไม่มากเกินไปมีแนวโน้มจะได้รับผลดีจากการรักษาด้วยเลสิก ในขณะที่ผู้ที่สายตาสั้นอย่างรุนแรง สายตายาวมากเกินไป และสายตาเอียงมากๆ จะคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ยากกว่า

นอกจากนี้ในบางกรณี การทำเลสิกอาจให้ผลลัพธ์น้อยเกินไป และต้องทำเลสิกซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ได้ผลตามต้องการ

ดวงตาของบางคนอาจฟื้นตัวช้า และใช้เวลานานกว่าจะกลับมามองเห็นเป็นปกติเหมือนก่อนผ่าตัด ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การรักษาตัวของแผลผิดปกติ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน การตั้งครรภ์ หรือปัญหาสุขภาพตาอื่นๆ

หากใครเสียเวลากับการต้องใส่คอนแทคเลนส์ทุกเช้า อยากเปลี่ยนลุคด้วยการถอดแว่นสายตาบ้าง การทำเลสิกอาจช่วยคุณได้ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษา

มีคำถามเกี่ยวกับ เลสิก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ HDcare โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ พยาบาล HDcare