เพื่อให้ตนเองรู้เท่าทันโรคร้าย และความผิดปกติต่างๆ เราทุกคนจึงต้องมีการไปตรวจสุขภาพกับแพทย์ทุกๆ ปีเพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินความสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆ แล้วการตรวจสุขภาพของคนแต่ละช่วงวัยเป็นอย่างไร ควรตรวจอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร มาดูกัน
สารบัญ
- ความหมายของการตรวจสุขภาพ
- อายุที่ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ
- วิธีเตรียมตัวก่อนไปตรวจสุขภาพ
- ขั้นตอนการตรวจสุขภาพ
- การตรวจสุขภาพแต่ละช่วงวัย
- 1. ตรวจสุขภาพเด็ก
- 2. ตรวจสุขภาพเด็กวัยรุ่น
- 3. การตรวจสุขภาพผู้ใหญ่ช่วงอายุ 18-39 ปี
- 4. การตรวจสุขภาพผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40-64 ปี
- 5. ตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ
- การตรวจร่างกายสำหรับบุคคลที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
ความหมายของการตรวจสุขภาพ
การตรวจสุขภาพ (Health checks หรือ Medical Checkup) หมายถึง การเข้าตรวจความแข็งแรง และความสมบูรณ์ของอวัยวะ รวมถึงระบบการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกาย
นอกจากนี้การตรวจสุขภาพยังเป็นการตรวจดูความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ กับร่างกาย ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้สัญญาณการเกิดโรคมาก่อนก็ได้ และยังทำให้คุณรู้ด้วยว่า ร่างกายตนเองควรรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นตัวใดเพิ่มเติมบ้าง
อายุที่ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่าไหร่ แต่ความจริงทุกคนสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี
แต่หากคุณมีร่างกายแข็งแรง ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคใดๆ หรือมีภาวะที่ง่ายต่อการเจ็บป่วย เช่น โรคอ้วน ภาวะน้ำหนักเกิน มีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคร้ายแรงซึ่งส่งต่อได้ทางพันธุกรรม ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพตั้งแต่อายุ 15 ปีก็ได้
วิธีเตรียมตัวก่อนไปตรวจสุขภาพ
ก่อนเข้ารับการตรวจสุขภาพ คุณควรมีการเตรียมร่างกายให้พร้อมเสียก่อน โดยสามารถทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย สภาวะจิตใจไม่เครียด พรอมสำหรับการตรวจสุขภาพ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า และเพื่อให้จังหวะการเต้นของหัวใจปกติ
- ตรวจในช่วงที่ประจำเดือนยังไม่มา เพราะเลือดประจำเดือนสามารถส่งผลต่อการตรวจปัสสาวะได้ และทำให้ค่าการตรวจแปลผลออกมาผิดเพี้ยน
- งดน้ำ และอาหาร ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ค่าน้ำตาล และไขมันในเลือดที่วัดออกมาแม่นยำ แต่สามารถดื่มน้ำเปล่าได้
- งดรับประทานอาหารเค็มขัด และมีไขมันสูง เพื่อไม่ให้ระดับคอเลสเตอรอล และความดันโลหิตสูงขึ้น
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ค่าความดันโลหิตแปลผลได้แม่นยำ
- รับประทานยาประจำตัวมาให้เรียบร้อย และนำยาติดตัวมาด้วย หากไม่ได้ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลเดียวกับที่กำลังรักษาโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่า ยาดังกล่าวมีผลต่อสุขภาพอย่างไร
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่คับแน่น เพื่อให้ง่ายต่อการเจาะเลือด หรือเปลี่ยนชุดเพื่อรับการตรวจวิธีอื่นๆ
- ไม่ใส่เครื่องประดับ ทั้งต่างหู สร้อยคอ แหวน เพราะโลหะ หรือวัสดุเครื่องประดับอาจทำให้ค่าการตรวจต่างๆ ผิดเพี้ยนได้
ขั้นตอนการตรวจสุขภาพ
ลำดับขั้นตอนการในการตรวจสุขภาพมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักๆ คือ
- การซักประวัติกับแพทย์ โดยแพทย์จะสอบถามประวัติการเจ็บป่วย ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ประวัติโรคประจำตัวของคนในครอบครัว อาการเจ็บป่วยที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน
- ตรวจร่างกายตามระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า โดยเริ่มจากการตรวจสภาพทั่วๆ ไปอย่างตรวจสัญญาณชีพ ศีรษะ ใบหน้า ลงมาจนถึงแขนขา และค่อยตรงระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยอาจเริ่มจากระบบประสาท หัวใจ ทางเดินอาหาร ผิวหนัง อวัยวะสืบพันธุ์
- ตรวจร่างกายทางห้องปฏิบัติการ เป็นการตรวจกับเจ้าหน้าที่เทคนิคทางการแพทย์ เพื่อให้วินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้น เช่น การตรวจเลือด ตรวจดีเอ็นเอ ตรวจปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจมะเร็งเต้านม
การตรวจสุขภาพแต่ละช่วงวัย
การตรวจร่างกายสำหรับบุคคลทั่วไป แบ่งตามอายุ | ||
---|---|---|
18-34 ปี | 35-59 ปี | 60 ปีขึ้นไป |
– วัดความดันโลหิต – วัดส่วนสูงและน้ำหนักเพื่อค้นหาภาวะโภชนาการ (ดรรชนีมวลกาย หรือ BMI) – ตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยทำ PAP Smear (ในหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว) |
– วัดความดันโลหิต – วัดส่วนสูงและน้ำหนักตัว เพื่อค้นหาภาวะโภชนาการ (ดรรชนีมวลกาย หรือ BMI) – ตรวจไขมันในเลือด (ชายอายุ 35 ปี หญิงอายุ 45 ปีขึ้นไป) – ตรวจน้ำตาลในเลือด (อายุ 40 ปีขึ้นไป) – ตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยทำ PAP Smear (หญิง) – ตรวจมะเร็งเต้านม (หญิง) โดยแพทย์คลำก้อนที่เต้านม |
– วัดความดันโลหิต – วัดส่วนสูงและน้ำหนักตัว เพื่อค้นหาภาวะโภชนาการ (ดรรชนีมวลกาย หรือ BMI) – ตรวจการได้ยินโดยการซักประวัติ – ตรวจการมองเห็นโดย Snellen test – ตรวจไขมันในเลือด – ตรวจน้ำตาลในเลือด – ตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยทำ PAP Smear (หญิงอายุต่ำกว่า 65 ปี) – ตรวจมะเร็งเต้านม (หญิงอายุต่ำกว่า 70 ปี) โดยแพทย์คลำก้อนที่เต้านม – ตรวจมะเร็งลำไส้ โดยตรวจเลือดในอุจาาระ |
รายการตรวจสุขภาพของคนแต่ละช่วงวัยจำเป็นจะต้องมีการตรวจต่อไปนี้เป็นการตรวจพื้นฐานในทุกๆ วัย
- ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง
- วัดความดันโลหิต
- การตรวจหาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- การตรวจหาระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด
- ตรวจสุขภาพตา
- ตรวจสุขภาพเหงือก และฟัน
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- การเอกซเรย์ปอด
- การตรวจการทำงานของตับ
- การตรวจการทำงานของไต
ส่วนรายการตรวจสุขภาพอื่นๆ จะมีความแตกต่างกันไปตามช่วงวัยของผู้เข้ารับการตรวจ ซึ่งสามารถแจกแจงได้ดังต่อไปนี้
1. ตรวจสุขภาพเด็ก
รายการตรวจสุขภาพเด็กอายุประมาณ 1-10 ขวบจะเน้นไปที่ตรวจพัฒนาการ และการเจริญเติบโตของระบบต่างๆ ในร่างกายเด็กว่า แข็งแรงตามวัยหรือไม่ รวมถึงดูบุคลิกภาพ และการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ซึ่งโดยหลักๆ ได้แก่
- ตรวจหากรุ๊ปเลือด
- ตรวจเอกซเรย์ปอด
- ตรวจความเสี่ยงโรคธาลัสซีเมีย
- ตรวจความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
- ตรวจความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ตรวจหาพยาธิในอุจจาระ
- ตรวจความสามารถในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมัดใหญ่
- ตรวจความสามารถในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมัดเล็ก
- ตรวจความสามารถในการเข้าใจภาษา
- ตรวจความสามารถในการใช้ภาษาสื่อสารกับผู้อื่น
- ตรวจความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง และสังคมโดยรวม
นอกจากนี้แพทย์จะแนะนำวัคซีนที่เด็กทุกคนจำเป็นต้องฉีดให้กับผู้ปกครองด้วย เช่น วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส วัคซีนป้องกันบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
2. ตรวจสุขภาพเด็กวัยรุ่น
การตรวจสุขภาพวัยรุ่น หรือเด็กช่วงอายุ 13-18 ปีจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศ การใช้ยาเสพติด การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาด้วย เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นที่ยอมรับของสังคม รวมถึงมีการตรวจสุขภาพจิต เพื่อให้แน่ใจว่า เด็กอยู่ภาวะจิตใจที่มั่นคง แจ่มใส ไม่เครียดจนเกินไป
รายการตรวจสุขภาพวัยรุ่นโดยหลักๆ นอกจากรายการตรวจพื้นฐาน จะมีดังต่อไปนี้
- ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์
- ตรวจความแข็งแรงของกระดูก
- ตรวจคัดกรองภาวะซีด
- ตรวจคัดกรองภาวะขาดธาตุเหล็ก
- ตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้
- ตรวจความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
- ตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ตรวจระดับสารแอลกอฮอล์ และสารเสพติด
- ตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้า และโรคเครียด
สำหรับความรู้ ความเข้าใจที่แพทย์ หรือผู้ปกครองจำเป็นต้องถ่ายทอดให้เด็กเข้าใจ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรค และทำให้เด็กดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น สามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ โดยหลักๆ คือ
- การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- ความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด รวมถึงการสูบบุหรี่
- การขับขี่ยานพาหนะอย่างปลอดภัย ความสำคัญของสวมหมวกกันน็อค
- วิธีจัดการกับความโกรธ ภาวะอารมณ์เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน หรือขัดแย้ง
- ความสำคัญของการออกกำลังกาย
3. การตรวจสุขภาพผู้ใหญ่ช่วงอายุ 18-39 ปี
การสุขภาพในช่วงอายุนี้จะเริ่มมีการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคต่างๆ เข้ามามากขึ้น ร่วมกับการตรวจสุขภาพทั่วไป ซึ่งโดยหลักๆ จะได้แก่
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- ตรวจความดันโลหิต
- ตรวจระดับคอเลสเตอรอลเพื่อหาความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ตรวจความเสี่ยงโรคเบาหวาน หรือภาวะอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์
- ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง และตรวจคัดกรองโดยแพทย์
- ตรวจภายในเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง
- ส่องกล้องตรวจดูความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ตรวจประเมินสุขภาพจิต ความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคเครียด หรือโรควิตกกังวล
วัคซีนที่แพทย์อาจแนะนำให้ผู้เข้าตรวจรับเพิ่มเติม ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี วัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือวัคซีน HPV วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม
4. การตรวจสุขภาพผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40-64 ปี
เมื่ออายุมากขึ้น คุณก็จะมีความเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในวัยใกล้สูงอายุ เมื่อวัยของคุณใกล้เข้าสู่อายุ 50-70 รายการตรวจสุขภาพก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยรายการตรวจที่กลุ่มคนช่วงอายุ 40-64 ปีควรตรวจ ได้แก่
- ตรวจความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหัวใจ รวมถึงโรคในระบบไหลเวียนเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน
- ตรวจความดันโลหิต
- ตรวจโรคเบาหวาน
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอด
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านม
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตับ
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ตรวจภายในเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ตรวจความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน
- ตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกาย
- ตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ตรวจระดับสารแอลกอฮอล์
- ตรวจประเมินสุขภาพจิต ความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคเครียด หรือโรควิตกกังวล
5. ตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ
ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะสมองเสื่อม โรคมะเร็งชนิดต่างๆ ปัญหาการได้ยิน และมองเห็นที่เสื่อมลงตามอายุ
รายการตรวจสุขภาพของผู้สูงอายุจะมีความคล้ายกับการตรวจสุขภาพเด็ก เพียงแต่จะเป็นการตรวจเพื่อดูระดับความเสื่อม และความคงสมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ ว่า ยังปกติดีหรือไม่ ไม่ใช่ดูการเจริญเติบโต และพัฒนาการเหมือนเด็ก โดยจะมีดังต่อไปนี้
- ทดสอบความจำ เพื่อหาโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อม หรืออาการหลงลืม
- การตรวจตา เพื่อหาความเสี่ยงโรคต้อหิน ต้อกระจก อาการจอประสาทตาเสื่อม
- การตรวจหู เพื่อหาความเสี่ยงภาวะหูตึง หูหนวก หูชั้นนอกอุดตัน
- การตรวจช่องปาก เพื่อหาความเสี่ยงโรคมะเร็งในช่องปาก ปัญหาการบดเคี้ยวอาหารจากฟันแท้ที่หลุดไป
- ตรวจสมรรถภาพของหัวใจ
- ตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม
- ตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ
- ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน และส่วนล่าง
- การตรวจภายใน หาความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- การตรวจกระดูก หาความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน
- ตรวจสุขภาพจิต หาความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า หรือภาวะทางจิตเวชอื่นๆ
- ตรวจปัสสาวะ
- ตรวจอุจจาระ
นอกจากนี้แพทย์อาจขอดูยาประจำตัวที่ผู้สูงอายุกำลังรับประทานอยู่ เพื่อจะได้ประเมินว่า ยาดังกล่าวมีส่วนทำให้สุขภาพแย่ลงหรือไม่ และควรปรับยาอย่างไรโดยไม่กระทบกับโรคประจำตัว
สำหรับผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการเกิดโรค ควรมีการตรวจเพิ่มเติมดังนี้
การตรวจร่างกายสำหรับบุคคลที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค |
||
---|---|---|
โรค | ประวัติที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรค | การตรวจที่แนะนำ |
โรคโลหิตจางจากธาตุเหล็ก | – ผู้ที่มีฐานะยากจน – มีภาวะทุพโภชนาการ – มีพยาธิปากขอ – ผู้ที่ตรวจพบว่า มีภาวะซีด |
การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Hematocrit / Hemoglobin) |
โลหิตจางธาลัสซีเมีย | – ผู้ป่วยเป็น หรือมีผู้ใกล้ชิดทางสายเลือดเป็นโรคธาลัสซีเมีย | การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin typing) |
ภาวะไขมันในเลือดสูง | – มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน – มีภาวะความดันโลหิตสูง – ผู้ป่วยโรคเบาหวาน – ผู้ที่สูบบุหรี่ – มีคนในครอบครัวเป็นโรคไขมันในเลือดสูง |
– การตรวจคอเลสเตอรอล (Cholesterol) – การตรวจสารไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) – การตรวจไขมันในเลือด (HDL-C) |
โรคเบาหวาน | – มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน – มีประวัติญาติสายตรงเป็นเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง |
การเจาะน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง (Fasting Blood Sugar) |
โรคโทรอยด์บกพร่อง | – เคยผ่าไทรอยด์ – เคยรับประทานไอโอดีนกัมมันตรังสี |
– การตรวจระดับฮอร์โมน (Thyroid Stimulating Hormone: TSH) – ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ หรือตรวจT4 |
โรคซิฟิลิส และโรคหนองใน | – ผู้ขายบริการทางเพศ – ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน |
– การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิเชื้อโรคซิฟิลิส (Venereal Disease Research Laboratory: VDRL หรือ Rapid Plasma Reagent: RPR) – การย้อมสีเชื้อแบคทีเรีย Gram Stain for GC |
โรคเอดส์ | – ผู้ที่ขายบริการทางเพศ – ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน – มีประวัติติดยาเสพติด – มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย |
– การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี (Anti HIV) |
วัณโรค | – ต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคเกินกว่า 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ – มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ |
– การทดสอบทูเบอร์คูลินเพื่อหาเชื้อวัณโรค (Tuberculin test) |
พยาธิ | – อาศัยในแหล่งที่มีพยาธิระบาด ได้แก่ ภาคอีสาน ภาคใต้ – ชอบรับประทานของสุกๆ ดิบๆ – มีประวัติคนในครอบครัวเป็นพยาธิ หรือเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี |
– การตรวจอุจจาระเพื่อหาเชื้อปรสิตStool for parasite |
โรคมะเร็งลำไส้ | – มีญาติสายตรงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ และมะเร็งทวารหนัก – มีติ่งเนื้อในลำไส้ |
– การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ (Stool occult blood) – การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscope) |
การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม หลายคนมักคิดว่า หากไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก็ได้ แต่ความจริงต่อให้ไม่มีสัญญาณของโรคใดๆ คุณก็ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อความมั่นใจว่า ระบบภายในร่างกายยังทำงานสมบูรณ์แข็งแรงอยู่