ผิวขาวใสด้วยการบำรุงจากธรรมชาติ

ผิวขาวใสด้วยการบำรุงจากธรรมชาติ

มีปัจจัยภายนอกมากมายที่ทำให้ผิวพรรณของคุณหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ทั้งรังสียูวีจากแสงแดด ความเครียด ฝุ่นควัน การใช้ชีวิตที่เร่งรีบจนต้องบริโภคอาหารที่เป็นภัยกับผิว แม้กระทั่งฮอร์โมนของร่างกายที่เปลี่ยนแปลง

ผิวขาวใสที่เคยมีจึงประสบปัญหาและจำเป็นต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว (Skin Lightening, brightening and whitening products) ทั้งครีมทาผิวและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือที่เรียกว่าอาหารเสริม ซึ่งบางครั้งอาจมีสารก่ออันตราย แทนที่จะได้ผิวขาวใสกลับได้การทำร้ายผิวมาแทน

ทางเลือกสำหรับผู้ต้องการดูแลผิวและต้องการผิวขาวใสกลับคืน จึงเป็นการใช้ธรรมชาติเข้ามาฟื้นบำรุง โดยใช้วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดจากพืชผักผลไม้ ธัญพืช ถั่ว และนม ซึ่งเป็นของใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถนำมาใช้ได้

นอกจากนี้เพียงเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เชื่อว่าผิวขาวใสย่อมกลับคืนมา แม้อาจต้องใช้เวลาสักพัก แต่ปลอดภัยกับผิวแน่นอน

เติมความขาวใสด้วยพลังธรรมชาติ

ผิวขาวใสสามารถกลับคืนมาได้ด้วยการบำรุงจากพืชพรรณธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์มากมาย ดังต่อไปนี้

1. เลมอน 

มีคุณสมบัติเป็นกรดและมีสารลดแรงตึงผิวตามธรรมชาติ อีกทั้งยังอุดมด้วยวิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยลดการผลิตเมลานิน (Melanin) หรือสารเม็ดสีใต้ผิวหนังที่จะทำให้ผิวแลดูหมองคล้ำ ที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับสีผิวได้อีกด้วย

  • สูตรผิวขาวใสด้วยเลมอน ใช้น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ นม 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน หลังจากล้างหน้าจนสะอาดแล้ว ให้ทาทิ้งไว้ไม่เกิน 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
  • ข้อควรระวัง อย่าทิ้งไว้ข้ามคืน และถ้ามีผิวที่ไหม้แดด ให้หลีกเลี่ยงการทาบริเวณนั้น

2. มะละกอ 

มีเอนไซม์ปาเปน (Papain) วิตามินเอ (Vitamin A) และวิตามินซีที่ช่วยป้องกันการเกิดสิว พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญคือ มี AHA หรือกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alphahydroxy acids) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากจะได้ผิวสวย ยังมีความกระจ่างใส ดูสุขภาพดีอีกด้วย

  • สูตรผิวขาวใสด้วยมะละกอ ใช้เฉพาะเนื้อมะละกอ (ปอกเปลือกออกให้หนาและใช้แต่เนื้อข้างใน) ปริมาณประมาณครึ่งถ้วย แลน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนชา บดและผสมจนทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากล้างหน้าจนสะอาดแล้ว ให้ทาทิ้งไว้ไม่เกิน 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  • ข้อควรระวัง สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวมันและผิวธรรมดา ผู้ที่แพ้สารปาเปน หรือสารที่อยู่ในยางมะละกอ ควรหลีกเลี่ยงสูตรนี้

3. แตงกวา 

ผิวขาวใสยังต้องการความกระชับ เต่งตึง และชุ่มชื้น แตงกวาช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ผิวจึงดูมีน้ำมีนวล ใช้สำหรับผิวที่มีปัญหาเรื้อรังต่างๆ เช่น สิวผด หรือรอยแดงคัน

  • สูตรผิวขาวใสด้วยแตงกวา ใช้แตงกวาบด 1 ถ้วย กับน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน หลังจากล้างหน้าจนสะอาดแล้ว ให้ทาทิ้งไว้ที่หน้าและลำคอประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างหน้าออกด้วยน้ำสะอาด
  • ข้อควรระวัง สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้จะเป็นผิวแพ้ง่าย อย่างไรก็ตาม ควรทดสอบการแพ้ โดยป้ายทิ้งไว้เล็กน้อยที่ผิวบนข้อมือด้านในเพื่อดูว่าแพ้หรือมีอาการคันหรือไม่

4. ขมิ้น 

ความเปล่งปลั่งและการไหลเวียนของเลือดที่ดีเป็นองค์ประกอบสำคัญของผิวขาวใสอีกเช่นกัน ขมิ้นมีสารผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติและอุดมด้วยวิตามินซีที่ช่วยทำให้ผิวเปล่งปลั่ง โดยการสครับหรือขัดผิวอย่างนุ่มนวล ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออก ทำให้รูขุมขนสะอาด ลดการอุดตัน สามารถทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึก เพื่อพร้อมรับการบำรุงผิว

  • สูตรผิวขาวใสด้วยขมิ้น ใช้น้ำตาล 2 ถ้วย ผงขมิ้นออแกนิก 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
  • ข้อควรระวัง สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลเป็นและจุดด่างดำ อย่างไรก็ตาม การสครับผิวควรทำประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น

ข้อควรปฏิบัติเพื่อผิวขาวใส

คำแนะนำเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อการดูแลผิวขาวใส และยังสามารถช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นด้วย

1. ล้างหน้าให้ถูกวิธี 

โดยควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือหลังเหงื่อออกมาก และควรล้างหน้าหลังจากการสระและนวดผม โดยล้างจนแน่ใจว่าสะอาดจากแชมพูและครีมนวดผม เพื่อป้องกันการแพ้หรือระคายเคืองจนอาจเป็นรอยแดงและเกิดการติดเชื้อที่จะทำให้มีจุดด่างดำตามมา

2. อาบน้ำให้ถูกวิธี 

ควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของสภาพอากาศและกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ยิ่งอาบน้ำมาก ผิวยิ่งขาดน้ำ แบคทีเรียชนิดดีต่อผิวหนังจะถูกกำจัดออกไป นำไปสู่การติดเชื้อโรคทางผิวหนังได้ง่าย ที่สำคัญ ควรเลือกสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฟองไม่มาก เพราะสารเคมีที่ทำให้เกิดฟอง อาจระคายเคืองและทำให้ผิวแห้ง

3. ทาครีมบำรุงผิว 

ผิวพรรณอาจขาดน้ำได้เช่นเดียวกับที่คนเรากระหายน้ำ ดังนั้นจึงควรดูแลผิวทั้งผิวหน้าและผิวกายด้วยครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น โดยควรรีบทาโลชั่นบำรุงผิวภายในเวลา 3 นาที หลังจากอาบเนื้อเพื่อให้เกิดการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนัง และปลอบประโลมผิวจากสภาพแวดล้อมที่จะมาทำร้ายผิวได้

สำหรับการเลือกครีมทาหน้าและโลชั่นสำหรับผิวกายที่ปลอดภัยและเหมาะกับสภาพผิว ในเบื้องต้นต้องไม่มีสารอันตรายต่อไปนี้

  • สารปรอท (Mercury) บางครั้งมาในรูปคำเรียกอื่น เช่น Calomel, Mercuric, Mercurous หรือ Mercurio เป็นสารยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ผิวจึงขาวขึ้น แต่ได้ผลข้างเคียงที่อันตรายต่อผิวและกระบวนการทำงานในร่างกาย นั่นคือ ผิวขาวเร็วแต่ผิวจะบางลง ทำให้เกิดฝ้าถาวร ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ยิ่งใช้ไปนานๆ จะมีผลต่อตับและไตอีกด้วย
  • สารไฮโดรควินิน (Hydroquinone) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้มีสารไฮโดรควินินในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 2 % โดยสารนี้ช่วยลดจุดด่างดำและฝ้า หรือเรียกอีกชื่อว่า เมลาสมา (Melasma) หากใช้นานเกินไปจะเกิดฝ้าถาวร เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง และถ้าดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอาจเกิดอาการแพ้ได้
  • สารสเตียรอยด์ (Steroids) ช่วยลดการสร้างเม็ดสีได้เช่นกัน แต่เป็นสารที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง โดยมักพบว่าเป็นสารเสริมในครีมบำรุงผิว ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากสารไฮโดรควินิน หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงเป็นเวลานานและผิดวิธี อาจเป็นผื่นได้ง่าย หน้าบาง เจอมลภาวะก็จะเกิดอาการแพ้ได้ง่าย

4. ทาครีมกันแดด

ครีมกันแดดเป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดที่เป็นศัตรูตัวร้าย ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น รวมไปถึงฝ้าและกระ จนอาจเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ข้อควรรู้ในการใช้และเลือกครีมกันแดด มีดังนี้

  • ควรทาครีมกันแดดอย่างน้อย 20-30 นาทีก่อนออกไปสัมผัสกับแสงแดด และแม้คุณจะอยู่ในบ้าน ออฟฟิศ หรือต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ควรจะต้องทาครีมกันแดดด้วย ไฟนีออน แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือก็ล้วนทำร้ายผิวได้เช่นกัน
  • อย่างต่ำควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่าการป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้ผิวไหม้แดด หรือ SPF (Sun Protection Factor) ที่ 30 สำหรับผิวหน้า หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ แนะนำให้ใช้ SPF 50 ขึ้นไป และสำหรับผิวกายควรใช้ SPF 30 หรือมากกว่า
  • หากคุณเป็นคนเหงื่อออกมากหรือต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
  • สำหรับค่าการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นรังสีที่ทำลายผิวลึกลงไปถึงใต้ชั้นผิวที่สร้างคอลลาเจน (Protection grade of UVA หรือ PA ถ้าเป็น PA++++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด ถ้าเป็น PA+ คือระดับเริ่มต้น หากต้องการปกป้องผิวจากแดดแรงจัดหรือกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA สูง

5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผิวมากที่สุด เพราะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้ตามปกติ รวมถึงเสริมการทำงานของเซลล์ผิว โดยสารอาหารสำคัญสำหรับผิว ได้แก่

  • กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 fatty acids) อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 จะช่วยเติมเต็มเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคืองของผิวทั้งรอยแดงและสิว รวมถึงลดความไวต่อแสง อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 คือ ปลาที่มีไขมัน
    อย่างไรก็ตาม แนะนำให้รับประทานปลาทะเลที่มีไอโอดีน ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่มีความจำเป็นต่อร่างกายในการควบคุมการใช้พลังงานและการทำงาน ของเซลล์ทุกชนิด เช่น ปลาอินทรี ปลากะพง ปลาแซลมอน ทั้งนี้ปลาน้ำจืดก็มีไขมันดีเช่นกัน แม้จะไม่มาก แต่ก็ให้คุณประโยชน์ต่อผิว อย่างปลาช่อน ปลาสวาย ปลาสลิด เป็นต้น
  • สังกะสี (Zinc) เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่ช่วยไม่ให้ผิวเกิดการติดเชื้อได้ง่าย สร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวสุขภาพดี ช่วยสมานแผล บรรเทาสิวอักเสบ และรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง อาหารที่มีธาตุสังกะสีได้แก่ ปลาทะเล วอลนัท ถั่วแดง
  • วิตามินอี (Vitamin E) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว อาหารที่มีวิตามินอี ได้แก่ อะโวคาโด วอลนัท เมล็ดดอกทานตะวัน โดยวิตามินอีจะมีประสิทธิภาพเมื่อรับประทานควบคู่กับวิตามินซี
  • วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยรักษาคอลลาเจนที่มีอยู่ในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดี เมื่อรับประทานวิตามินอีและวิตามินซีจะช่วยปกป้องและชะลอความชราของผิว อาหารที่มีวิตามินซี ได้แก่ อะโวคาโด วอลนัท พริกหวานทั้งแดงและเหลือง บร็อคโคลี มะเขือเทศ
  • สารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้คอลลาเจนในผิวหนาขึ้น เต่งตึง ชะลอการเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวแข็งแรงเมื่อต้องเผชิญอันตรายจากแสงแดด พบในถั่วเหลือง ทั้งเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ถั่วหมักหรือนัทโตะ เป็นต้น

6. ดื่มน้ำเพื่อฟื้นฟูผิว 

น้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกายประมาณ 50-70 % ร่างกายที่ขาดน้ำจะทำให้ผิวแห้ง ส่งผลต่อการขจัดของเสียออกจากร่างกาย การดื่มน้ำเป็นการฟื้นฟูให้ผิวกลับคืนสู่สภาวะปกติ ระบบหมุนเวียน (Circulatory system) ดีขึ้น ผิวจะมีสุขภาพดียิ่งขึ้น

ปริมาณน้ำที่ควรดื่มเป็นอย่างต่ำต่อวัน สำหรับผู้ชายคือ วันละ 3 ลิตร และผู้หญิงควรดื่มน้ำวันละ 2.2 ลิตร

อ่านเพิ่มเติม: ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ  ดื่มอย่างไรจึงจะเพียงพอต่อร่างกายต้องการ

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อผิวขาวใส

ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่อไปนี้ เพื่อให้ผิวดูขาวใสและมีสุขภาพดี

1. ล้างหน้าบ่อย 

เนื่องจากการล้างหน้าบ่อยเกินไปจะยิ่งทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามาก ก่อให้เกิดปัญหาสิว ผิวแห้ง และระคายเคือง จนเกิดริ้วรอยตามมา รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวอีกด้วย

2. กินอาหารที่มีน้ำตาลและแป้งสูง 

น้ำตาลและแป้งทำให้เกิดริ้วรอยและสิว เนื่องจากต่อมไขมันต้องทำงานมากกว่าปกติ ทั้งขนมหวาน เบเกอรี เค้ก ไอศกรีม น้ำอัดลม ข้าวขาว ขนมปังขาว ควรรับประทานให้น้อยลง

3. กินอาหารแปรรูป 

เช่น ขนมถุง เส้นก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น อาหารจังก์ฟู้ด ทั้งหมดจะกระตุ้นต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิวและริ้วรอย

4. สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

ทั้งสองอย่างจะไปรบกวนกระบวนการผลิตเซลล์ผิว ผิวจึงคล้ำแดดได้ง่าย ทำให้หมองคล้ำและเหี่ยวย่น

เมนูเพื่อผิวขาวใส

ผักและผลไม้สดซึ่งอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุเป็นอาหารผิวที่ดี มีคุณประโยชน์ช่วยฟื้นการบำรุงและการทำงานของเซลล์ผิว มีตัวอย่างเมนูแนะนำเพื่อผิวขาวใสดังนี้

สลัดแซลมอน

ส่วนประกอบ ได้แก่ ปลาแซลมอน (ชิ้นใหญ่สำหรับรับประทาน 1 คน) ผักสลัดตามชอบ เช่น บัตเตอร์เฮด ผักกาดแก้ว เรดคอรัล เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ร็อคเก็ต เรดิชิโอ ผักกาดคอส เป็นต้น พริกหวานทั้งเหลืองและแดง มะเขือเทศ อะโวคาโด บร็อคโคลี วอลนัท

สำหรับน้ำสลัดใช้เกลือ มะนาว พริกขี้หนู มัสตาร์ด หอมแดงและแตงกวาดองหั่นชิ้นเล็กๆ

วิธีทำ เตรียมผัก ล้างและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สำหรับบร็อคโคลี ให้ล้างแล้วหั่นเป็นชิ้น ลวกในน้ำเดือด พอสุกให้ตักแช่ในน้ำเย็นทันทีเพื่อให้ได้สีเขียวสวย นำปลาแซลมอนไปทอดในกระทะเทฟล่อนด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ใช้ไฟปานกลาง

พอเนื้อปลาเริ่มเป็นสีส้มอ่อนก็พลิกอีกด้านจนสุกครบทุกด้าน ผสมส่วนประกอบของน้ำสลัดแล้วชิมรสตามชอบ เวลาเสิร์ฟ จัดวางผักตามชอบ แล้วราดน้ำสลัด เสิร์ฟคู่กับปลาแซลมอนย่าง พร้อมรับประทาน

ส้มตำแครอท

ส่วนประกอบ ได้แก่ แครอท ถั่วแดงต้ม กระเทียม พริก กุ้งแห้ง น้ำตาลปี๊บ มะนาว มะเขือเทศสีดา น้ำปลา

วิธีทำ เตรียมผัก ล้างและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สำหรับแครอท ปอกเปลือกแล้วสไลด์เป็นเส้นๆ โขลกพริกและกระเทียมในครกพอแตก ใส่กุ้งแห้ง แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำปลา และชิมให้ได้รสตามชอบ แล้วจึงใส่เส้นแครอทและถั่วแดงต้มลงไป ตักเสิร์ฟ พร้อมรับประทาน

ผิวพรรณกระจ่างใสจะช่วยให้คุณดูเป็นคนมีสุขภาพดี เสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจ ดังนั้น การดูแลผิวพรรณอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากการดูแลผิวด้วยตัวเองไม่เห็นผลทันใจ การทำทรีทเมนต์ด้วยครีมบำรุงเข้มข้นสูตรเฉพาะจากสถานเสริมความงาม หรือการทำเลเซอร์ต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผิวกลับมาขาวกระจ่างใสได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และน่าสนใจไม่แพ้กัน


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ชยากร พงษ์พยัคเลิศ

Scroll to Top