ในช่วงที่เตรียมตัวรอต้อนรับเจ้าตัวน้อย เชื่อว่าอาจมีคำถามที่คุณแม่คุณพ่อมือใหม่สงสัยอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเลือกคลอดแบบไหน ท้องแรกกับท้องสอง เลือกคลอดไม่เหมือนกันได้ไหม ดมยาหรือบล็อกหลังดี และอีกหลายข้อสงสัยที่จะช่วยให้ว่าที่คุณแม่วางแผนเตรียมคลอดได้ถูกกัน
สารบัญ
- 1. คลอดเองหรือผ่าคลอดดีกว่ากัน
- 2. ท้องแรกผ่าคลอด ท้องถัดไปคลอดธรรมชาติได้ไหม หรือต้องผ่าคลอดเหมือนเดิม
- 3. ไม่มีปัญหาสุขภาพ อยากผ่าคลอด ทำได้ไหม
- 4. ผ่าคลอด เลือกบล็อกหลังหรือดมยาสลบดี
- 5. บล็อกหลังเจ็บไหม จะปวดหลังเรื้อรังหรือเปล่า
- 6. การผ่าคลอดทำได้กี่ครั้งถึงไม่อันตราย
- 7. คลอดธรรมชาติทำให้ช่องคลอดหลวมจริงไหม
- 8. หลังคลอดอยู่ไฟได้เลยไหม รอนานแค่ไหน
1. คลอดเองหรือผ่าคลอดดีกว่ากัน
การคลอดเองตามธรรมชาติ และการผ่าตัดคลอด มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ปกติแล้วคุณหมอจะต้องประเมินวิธีการคลอดที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด และพูดคุยถึงความต้องการของตัวคุณแม่เองอีกครั้ง
การคลอดตามธรรมชาติหรือคลอดเอง (Active birth) เป็นการคลอดลูกทางช่องคลอดที่ใช้แรงเบ่งของคุณแม่โดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นวิธีคลอดมาตรฐานและปลอดภัยที่สุด ส่วนการผ่าคลอด (C-Section) เป็นการคลอดที่ใช้การผ่าตัดทางหน้าท้อง โดยมีข้อดีและข้อจำกัดต่อไปนี้
การคลอดธรรมชาติ | การผ่าคลอด | |
เหมาะกับ | คุณแม่ตั้งครรภ์ปกติ สุขภาพแข็งแรง ไม่มีภาวะแทรกซ้อน | คุณแม่ที่มีเชิงกรานแคบ คลอดธรรมชาติไม่ได้ หรือมีความเสี่ยงทางการแพทย์ เช่น ทารกตัวโต หัวโต หรืออยู่ในท่าผิดปกติ มีภาวะครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ |
ข้อดี |
|
|
ข้อจำกัด |
|
|
2. ท้องแรกผ่าคลอด ท้องถัดไปคลอดธรรมชาติได้ไหม หรือต้องผ่าคลอดเหมือนเดิม
ปกติแล้ว คุณหมอจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ถ้าท้องแรกเคยผ่าคลอดมาแล้ว คุณหมอมักจะแนะนำให้ท้องถัดไปเป็นการผ่าคลอดอีกครั้ง เพราะคุณแม่จะมีแผลที่มดลูก ความหยืดยุ่นของมดลูกจะน้อยลง พอมดลูกขยายตัวและบีบตัว จะมีโอกาสที่มดลูกปริหรือแตกได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นประมาณ 1–4%
อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถคลอดธรรมชาติในท้องถัดได้ แต่อาจไม่ใช่ทุกราย คุณหมอจำเป็นต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ต้องประเมินว่าสุขภาพคุณแม่และทารกไม่เป็นอุปสรรคต่อการคลอดธรรมชาติ หรือมีความเสี่ยงทำให้มดลูกแตกหรือไม่ เช่น เชิงกรานคุณแม่แคบ ทารกตัวใหญ่
3. ไม่มีปัญหาสุขภาพ อยากผ่าคลอด ทำได้ไหม
โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ที่สุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ คุณหมอมักจะแนะนำให้คุณแม่คลอดธรรมชาติ เพราะเป็นวิธีคลอดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกมากที่สุด กรณีที่คุณแม่อยากผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ในปัจจุบันการผ่าคลอดมีความปลอดภัยมาก แต่เมื่อเทียบกับการคลอดปกติแล้ว ความเสี่ยงของการผ่าคลอดนั้นมีมากกว่า โดยสามารถผ่าคลอดได้ตอนอายุครรภ์มากกว่า 38 สัปดาห์ขึ้นไป
4. ผ่าคลอด เลือกบล็อกหลังหรือดมยาสลบดี
การบล็อกหลังเป็นการฉีดยาชาในช่องไขสันหลังตรงบั้นเอว ทำให้ชา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ในช่วงกลางลำตัวลงไปถึงเท้า แต่ช่วงบนลำตัวยังรู้สึกได้ คุณแม่ยังสื่อสารกับคุณหมอได้ ได้ยินเสียงลูกร้องครั้งแรก และเห็นหน้าลูกได้ทันที
หลังผ่าคลอดแล้ว คุณแม่ยังขยับขาไม่ได้ราว 2–4 ชั่วโมง มักจะไม่เจ็บแผลทันทีแบบการดมยา เพราะตัวยาไปกดระบบประสาท แต่อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหลังในบางราย รวมถึงปัสสาวะไม่ออก และอาจต้องได้รับการสวนปัสสาวะ
ส่วนการดมยาสลบเป็นการให้ยาระงับความรู้สึกผ่านทางหน้ากากหรือทางหลอดเลือดดำ ทำให้หมดสติ ไม่รู้สึกตัวหรือเจ็บปวดใด ๆ มักจะรู้สึกเจ็บหรือปวดแผลมากกว่าการบล็อกหลังภายหลังการผ่าคลอดแล้ว เพราะยาสลบไปกดสมองไม่ให้เจ็บปวด แต่เส้นประสาทยังทำงานอยู่
รวมถึงคุณแม่อาจมีอาการระคายคอ เจ็บคอ เสียงแหบ หรือไอ จากการสอดท่อช่วยหายใจ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว เบลอจากฤทธิ์ของยาแก้ปวดและยาดมสลบ นอกจากนี้ การประเมินทารกหลังคลอดในบางรายจะทำได้ช้าลง เพราะทารกได้รับผลกระทบจากยาสลบ
อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะแนะนำวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยกับคุณแม่มากที่สุด ถ้าคุณแม่มีความกังวลใด ๆ สามารถปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมได้
5. บล็อกหลังเจ็บไหม จะปวดหลังเรื้อรังหรือเปล่า
การบล็อกหลังจะใช้เข็มขนาดเล็กมาก เส้นผ่านศูนย์กลางของเข็มจะเล็กกว่าเข็มที่ให้น้ำเกลือ เพียงแค่มีความยาวมากกว่า โดยคุณแม่จะต้องอยู่ในท่านอนตะแคงตัวงอ หรือนั่งก้มตัวห้อยขา เพื่อให้ฉีดยาเข้าไปในช่องไขสันหลัง ขณะฉีดยาจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เหมือนโดนเข็มแทงปกติ
แม้ว่าช่วงแรก ๆ หลังผ่าคลอด คุณแม่บางคนจะมีอาการปวดหลัง แต่ไม่ได้ปวดถาวร เพราะจริง ๆ แล้วอาการปวดหลังเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนั่งให้นมลูกนานในท่าที่ไม่สบาย นั่งก้มตัว หลังงอ เก็บของหรือยกของหนักผิดท่า เป็นต้น
6. การผ่าคลอดทำได้กี่ครั้งถึงไม่อันตราย
การผ่าคลอดทำได้หลายครั้ง ส่วนใหญ่แล้วคุณหมอจะแนะนำให้ไม่เกิน 3 ครั้ง หากเกินกว่านั้น คุณแม่จะเริ่มมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดมากขึ้น
การผ่าคลอดจะทำให้เกิดพังผืดที่แผลผ่าตัด ซึ่งจะไปดึงรั้งอวัยวะที่อยู่ใกล้กับมดลูกเข้ามาตอนผ่าคลอด ทำให้เสี่ยงที่จะผ่าตัดโดนอวัยวะเหล่านั้นไปด้วย โดยเฉพาะกระเพาะปัสสาวะ และระบบทางเดินอาหาร
7. คลอดธรรมชาติทำให้ช่องคลอดหลวมจริงไหม
การคลอดเองส่งผลให้ช่องคลอดทั้งภายในและภายนอกมีความกว้างขึ้น ซึ่งมดลูกของผู้หญิงจะเริ่มกลับสู่สภาพปกติในช่วง 1 สัปดาห์ภายหลังการคลอด คุณแม่จึงควรฝึกขยิบบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้ช่องคลอดกลับสู่สภาพปกติได้ไวขึ้น โดยเฉพาะคนที่กล้ามเนื้อส่วนนี้ไม่แข็งแรง
8. หลังคลอดอยู่ไฟได้เลยไหม รอนานแค่ไหน
การอยู่ไฟเป็นศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทย โดยช่วยปรับสมดุลธาตุต่าง ๆ ในร่างกาย และฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับสู่สภาพปกติเร็วขึ้นหลังคลอด คุณแม่ที่ผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติสามารถอยู่ไฟได้ แต่ควรรอให้ร่างกายของคุณแม่ฟื้นตัวดี และแผลจากการคลอดหายสนิท
ส่วนใหญ่คุณแม่ที่คลอดธรรมชาติควรเว้นระยะให้แผลหายดี อาจใช้เวลาราว ๆ 7–10 วัน และคุณแม่ที่ผ่าคลอดควรเว้นระยะ อย่างน้อย 30–45 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของแผล
นอกจากนี้ คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอ และเข้ารับการตรวจหลังคลอดตามนัดให้เรียบร้อยก่อนการอยู่ไฟ เพื่อความปลอดภัย
การคลอดลูกแม้เป็นเรื่องน่ากังวล แต่การเข้ารับการฝากครรภ์ และพบคุณหมอตามนัด จะช่วยลดความกังวลในสุขภาพของตัวคุณแม่เองและลูกน้อย และยังสามารถวางแผนการคลอดได้ดียิ่งขึ้น
คุณแม่ท้องเลือกได้ กำลังมองหาที่ฝากครรภ์ หรืออยากคลอดแบบไหน ปรึกษาคุณหมอแต่เนิ่น ๆ HDmall.co.th รวบรวมโปรฝากคลอด คลอดบุตร จากคลินิกและรพ.ทั่วไทยไว้แล้ว ที่นี่ ให้คุณแม่เลือกเปรียบเทียบราคา เลือกรพ.ใกล้บ้าน ในราคาโปรสุด ๆ
มีข้อสงสัย หรืออยากให้แอดมินช่วยจองคิว ทำนัดคุณหมอให้ ทักแอดมินผ่านไลน์ได้เลย คลิก