vitamin d3 scaled

Cholecalciferol (โคเลแคลซิเฟอรอล / วิตามินดี 3)

วิตามินดี 3 เป็นชื่อทั่วไปของ cholecalciferol วิตามินดี 3 สามารถรับประทานเป็นอาหารเสริมเพื่อช่วยให้ร่างกายโดยรวมแข็งแรง หรือเพื่อรักษาโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาอาการของผู้ป่วยที่วิตามินดี 3 ต่ำ เช่น ในผู้ที่มีต่อมพาราไทรอยด์ต่ำ มีระดับฟอสเฟตในเลือดต่ำ หรือสภาวะที่เกี่ยวข้องกับยีนเมื่อร่างกายไม่ตอบสนองต่อพาราไทรอยด์ฮอร์โมน

มีคำถามเกี่ยวกับ วิตามินดี3? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

วิตามินดี 3 ยังช่วยให้ฟอสเฟตกลับไปใช้ซ้ำภายในเลือด เพื่อให้เลือดนั้นมีระดับ pH คงที่ คุณสามารถหาซื้อวิตามินดี 3 ได้ตามร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินตัวนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งแพทย์

การขาดวิตามินดี 3

ในสมัยก่อน การขาดวิตามินดี 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคกระดูกอ่อนในเด็ก ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการมีระดับวิตามินดี 3 ต่ำในเด็ก เด็กที่เป็นโรคนี้และผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้เมื่ออยู่ในวัยเด็กมักจะมีขาที่มีลักษณะงอ แต่ถึงกระนั้น ผู้ใหญ่ที่ขาดวิตามินดี 3 มักจะไม่เป็นโรคกระดูกอ่อนในเด็ก แต่กระดูกของพวกเขาจะนิ่มลง สภาวะนี้ถูกเรียกว่า osteomalacia หรือกระดูกน่วม

นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น celiac disease ปัญหาเกี่ยวกับตับ หรือ โรคโครห์น มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีระดับวิตามินดี 3 ต่ำ แสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติของวิตามินดี 3 และผู้ที่แทบจะไม่ออกไปข้างนอกเลย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่อยู่ในบ้านพักผู้ป่วย หรือผู้ป่วยติดเตียง

มีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดวิตามินดี 3 และยิ่งถ้าคุณมีผิวสีเข้มมากขึ้นเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องการแสงอาทิตย์มากขึ้นเพื่อให้ระดับวิตามินดี 3 ส่งผลให้คุณมีสุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะว่าเมลานินเพิ่มเติมที่พบขึ้นในผิวสีเข้มชะลอวิตามินดี 3 ที่ซึมเข้าสู่ผิว บางรายงานการศึกษาชี้ให้เห็นว่าระยะเวลาของวันที่คุณได้รับแสงอาทิตย์นั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพในการซึมซับวิตามินดี 3 ของร่างกาย

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงแสงแดดระว่างเวลา 10 โมงเช้าและบ่ายสอง-สามโมงเย็น เพื่อช่วยปกป้องผิวจากมะเร็งผิวหนัง แต่ข้อมูลกลับแสดงให้เห็นว่าร่างกายกลับซึมซับวิตามินดี 3 ได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาดังกล่าว

ความแตกต่างระหว่างวิตามินดี 2 และวิตามินดี 3

วิตามินดีอยู่สองชนิดนี้คล้ายกัน แต่มีจุดต่างกัน โดย วิตามินดี 2 หรือ ergocalciferol ที่มักพบได้ในอาหาร ส่วนวิตามินดี 3 นั้นร่างกายสร้างขึ้นเองโดยธรรมชาติเมื่อผิวถูกแสงอาทิตย์

แม้ว่ายังมีข้อโต้เถียงบางประการ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ในปัจจุบันเชื่อว่าวิตามินดีในรูปแบบของอาหารเสริมชนิดที่ดีที่สุดที่ควรรับประทาน คือ วิตามินดี 3

มีการคาดคะเนว่าวิตามินดี 3 มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าและง่ายต่อการที่ร่างกายจะดูดซึมวิตามินตัวนี้ นอกจากนี้ ร่างกายยังไม่ยอมรับวิตามินดี 3 แบบเข้มข้นในปริมาณมากเข้าสู่กระแสเลือดเหมือนกับวิตามินดี 2 ที่ร่างกายดูดซึมได้สูง ดังนั้น วิตามินดี 3 จึงถือเป็นวิตามินที่ปลอดภัย

อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี 3

ปลาที่อุดมด้วยไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาค็อด ปลาแมกเคอเรล และ blue fish เป็นแหล่งธรรมชาติที่ดีของวิตามินดี

อาหารที่มีการเติมสารอาหารเข้าไป เช่น นม หรือซีเรียล พร้อมด้วยไข่แดงและเห็ดชิตาเกะสด

Cholecalciferol และสิว

มีการโต้เถียงบางประการว่าวิตามินดี 3 นั้นสามารถใช้รักษาสิวได้หรือไม่ เว็บไซต์คณะกรรมการวิตามินดีบัญญัติไว้ว่าการขาดแสงอาทิตย์อาจทำให้สิวมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ แต่บางคนกลับสังเกตเห็นว่าอาการสิวของพวกเขาจะแย่ลงในระหว่างหน้าหนาวและอาการดีขึ้นในช่วงหน้าร้อน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการศึกษาทางคลินิกที่สามารถสนับสนุนว่าการใช้วิตามินดี 3 สามารถรักษาสิวได้ และยังมีหลักฐานเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับการใช้วิตามินดี 3 เพื่อป้องกันการเกิดสิว

แต่ถึงกระนั้น มีบางบันทึกเรื่องราวได้ชี้ให้เห็นว่าหลังจากรับประทานวิตามินดี 3 ในรูปแบบของอาหารเสริมหรือชนิดน้ำมันทาผิวแล้วอาการสิวนั้นลดลง

ระดับของ Cholecalciferol และน้ำหนักตัว

การศึกษาในปัจจุบันบ่งบอกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินนั้นอาจมีระดับวิตามินดีที่สูง เหตุผลนั้นอาจเป็นเพราะวิตามินดีเป็นสารที่มีน้ำมันและสะสมในเนื้อเยื่อของร่างกาย

ดังนั้นยิ่งร่างกายคุณมีไขมันมากเท่าไร มันยิ่งง่ายที่ตัววิตามินดีจะสะสมในร่างกายมากขึ้นเท่านั้น

แต่ถ้าคุณมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ามาตรฐาน ระดับวิตามินดีของคุณอาจจะต่ำเพราะคุณมีไขมันน้อยต่อการสะสมวิตามินดีเพิ่มเติม

คำเตือนสำหรับการรับประทาน Cholecalciferol

แจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณก่อนที่คุณจะรับประทานวิตามินดี 3 หากคุณ

มีคำถามเกี่ยวกับ วิตามินดี3? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • กำลังรับประทานยากลุ่ม bile acid sequestrants ที่จับกับน้ำดีในทางเดินอาหารเพื่อทำให้ตับขาดน้ำดีในการสร้างคอเลสเตอรอล เช่น Welchol (colesevelam), Colestid (colestipol) Locholest, Prevalite (cholestyramine)
  • คุณกำลังรับประทานยาลดน้ำหนัก เช่น Alli หรือ Xenical (orlistat)

การตั้งครรภ์และวิตามินดี 3

ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าวิตามินดี 3 อาจสร้างความเสียหายให้กับทารกในครรภ์ของคุณหรือไม่

แจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ก่อนที่จะรับประทานยาตัวนี้

และคุณควรแจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณเช่นกันหากคุณกำลังให้นมบุตรหรือวางแผนที่จะให้นมบุตร เพราะวิตามินดี 3 จะถูกส่งผ่านต่อการให้นมบุตรจึงไม่แนะนำให้มารดาที่ให้นมบุตรรับประทาน

ผลข้างเคียงของ Cholecalciferol (วิตามินดี 3)

โดยทั่วไปแล้ว ผลข้างเคียงจากการรับประทานวิตามินดี 3 นั้นแทบจะไม่พบเลย ผลข้างเคียงที่รุนแรงของวิตามินดี 3 มีดังนี้แต่อาจไม่จำกัดต่ออาการ

  • อาการแพ้ เช่น ผื่นแดงหรือคัน
  • อาการบวมบริเวณใบหน้า คอ และลิ้น
  • อาการมึนศีรษะอย่างรุนแรง
  • หายใจลำบาก
  • มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจเต้นเร็ว

ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก

แม้มันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย วิตามินดีอาจทำให้เกิดอาการ

ปฏิกิริยาของ Cholecalciferol กับยาและอาหาร

เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรของคุณทุกครั้งเกี่ยวกับยาที่คุณกำลังรับประทานอยู่ นี่รวมถึงยาที่จ่ายตามใบสั่งแพทย์และยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ อาหารเสริม เช่น วิตามินหรืออาหารเสริมประเภทอื่น ๆ (สารอาหารชง โปรตีนผง ฯลฯ) ยาสมุนไพร ยาที่ผิดกฎหมาย หรือยาที่ใช้เพื่อความเพลิดเพลิน

คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามินดี 3 ถ้าคุณกำลังรับประทานยาดังต่อไปนี้

  • Zemplar (paricalcitol)
  • Donovex or Sorilux (calcipotriene)
  • Hectorol (doxercalciferol)
  • Mineral oil
  • Alli หรือ Xenical (orlistat)
  • ยากลุ่ม bile acid sequestrants ที่จับกับน้ำดีในทางเดินอาหารเพื่อทำให้ตับขาดน้ำดีในการสร้างคอเลสเตอรอล เช่น Welchol (colesevelam), Colestid (colestipol), Locholest หรือ Prevalite (cholestyramine)

ยาจำพวก Alli หรือ Xenical หรือยากลุ่ม bile acid sequestrants ที่ได้ชี้แจงไว้ด้านบนสามารถลดหรือป้องกันร่างกายของคุณในการดูดซึมวิตามินดีและวิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่นๆ ได้ ทั้งวิตามิน เอ อี และเค

คุณควรแยกการรับประทานวิตามินดีจากการรับประทานยาเหล่านี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงหรือรับประทานวิตามินดีก่อนนอนเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยา

นอกจากนี้ คุณควรระวังการใช้ยาจำพวก

Cholecalciferol และแอลกอฮอล์

คุณควรหลีกเลี่ยงหรือหยุดการบริโภคแอลกอฮอล์ในขณะที่รับประทานวิตามินดี 3 เพราะแอลกอฮอล์สามารถลดการดูดซึมของตัวยาได้

ขนาดยาวิตามินดี 3

วิตามินดี 3 มีให้เลือกในรูปเม็ดในขนาด 400 IU และ 1000 IU และคุณสามารถหาซื้อวิตามินดี 3 ผสมกับแคลเซียมในเม็ดเดียวได้เช่นกัน

ไม่ควรรับประทานวิตามินดี 3 เกิน 4,000 IU ต่อวันนอกจากแพทย์จะแนะนำให้รับประทาน

โดยทั่วไปแล้วการรับประทานวิตามินดี 3 แล้วเห็นผลดีที่สุดคือรับประทานพร้อมอาหาร ซึ่งตัววิตามินดีนั้นอาจมีให้เลือกในหลายรูปแบบ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับชนิดที่เหมาะสำหรับคุณ

ถ้าคุณเป็นโรคกระดูกพรุนและมีอายุมากกว่า 50 ปี คุณควรรับประทานวิตามินดี 800 ถึง 1000 IU (20 ถึง 25 mcg) ต่อวัน พร้อมแคลเซียม

ถ้าคุณรับประทานวิตามินดีเพราะคุณมีต่อมพาราไทรอยด์ต่ำ แพทย์จะประเมินขนาดยาที่เหมาะสำหรับคุณ สำหรับการรักษาโรคกระดูกอ่อนแบบไม่ตอบสนองวิตามินดีในเด็ก แพทย์ประจำตัวของคุณอาจแจ้งให้ลูกของคุณรับประทานวิตามินดี 3 ในขนาดยาระหว่าง 12,000 และ 500,000 IU (0.3 ถึง 12.5 มก. ต่อวัน)

การรับประทานวิตามินดี 3 เกินขนาด

ถ้าคุณสงสัยว่ามีการรับประทานยาเกินขนาด คุณควรติดต่อศูนย์ควบคุมยาพิษหรือห้องฉุกเฉินทันที

การลืมรับประทานวิตามินดี 3

หากคุณลืมรับประทานวิตามินดี 3 ควรรับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าถึงเวลาที่ต้องรับประทานยาในขนาดถัดไป ข้ามขนาดยาที่คุณลืมแล้วรับประทานยาขนาดถัดไปตามกำหนดเดิมที่คุณจำเป็นต้องรับประทาน ห้ามรับประทานยาสองขนาดในเวลาเดียวกัน

มีคำถามเกี่ยวกับ วิตามินดี3? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ