เวย์โปรตีน (Whey protein) คือ โปรตีนที่อยู่ในน้ำนม หรือส่วนของน้ำที่แยกตัวออกจากก้อนตะกอนโปรตีน มักถูกนำไปทำเป็นชีส แต่ในปัจจุบัน ผู้คนนิยมนำมาใช้เพิ่มศักยภาพทางกีฬา และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย แต่ก็ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับประโยชน์ของเวย์โปรตีนจำกัดอยู่น้อยมาก เวย์โปรตีนช่วยอะไร มีข้อเสียอะไรบ้าง มาดูสรุปข้อมูลกัน
สารบัญ
- ประโยชน์ของเวย์โปรตีน
- ข้อเสียของเวย์โปรตีน
- ข้อควรระวังในการบริโภคเวย์โปรตีน
- สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเวย์โปรตีน
- โปรตีนที่เหมาะสมในแต่ละวัน
- ประเภทของเวย์โปรตีน
- เลือกเวย์โปรตีนอย่างไร
- การใช้และประสิทธิภาพของเวย์โปรตีน
- ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของเวย์โปรตีน
- คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ
- การใช้เวย์โปรตีนร่วมกับยาชนิดอื่น
- ปริมาณยาที่ใช้
ประโยชน์ของเวย์โปรตีน
1. เสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
เวย์โปรตีนมีกรดอะมิโนจำเป็น (BCAA) ที่ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วหลังออกกำลังกายและช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
2. ช่วยลดน้ำหนัก
เวย์โปรตีนช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และเพิ่มการเผาผลาญไขมัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือลดไขมัน
3. เสริมภูมิคุ้มกัน
เวย์โปรตีนมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น กลูตาไธโอน
4. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เวย์โปรตีนช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลินหรือผู้ป่วยเบาหวาน
5. เพิ่มพลังงานและฟื้นฟูร่างกาย
เวย์โปรตีนเป็นแหล่งโปรตีนที่ดูดซึมเร็ว ช่วยเติมพลังงานและฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก
6. เหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ
ผู้ที่ไม่สามารถรับประทานโปรตีนจากอาหารปกติได้เพียงพอ เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร สามารถใช้เวย์โปรตีนเป็นทางเลือกเสริมได้
ข้อเสียของเวย์โปรตีน
1. อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
เวย์โปรตีนบางชนิดอาจมีแคลอรีและน้ำตาลสูง หากรับประทานมากเกินไปโดยไม่ควบคุมปริมาณแคลอรีรวมในแต่ละวัน อาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้
2. เสี่ยงต่อการได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น
การรับประทานเวย์โปรตีนมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนเกินความต้องการ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อไตและตับ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือตับอยู่แล้ว ควรทานตามเหมาะสมและตามแนะนำ
3. อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของสารอาหาร
การรับประทานเวย์โปรตีนมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่นๆ ไม่เพียงพอ เช่น ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ
4. อาจมีผลข้างเคียงสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคตับ หรือโรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เวย์โปรตีน เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพได้
5. อาจแพ้แลคโตส หรือ ไม่สบายท้อง
เวย์โปรตีนบางชนิดอาจมีแลคโตสเหลืออยู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่แพ้แลคโตสมีอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือท้องเสียได้ และ บางคนอาจมีอาการปวดท้องหรือท้องเสียจากการรับประทานเวย์โปรตีน โดยเฉพาะหากรับประทานในปริมาณมาก
6. อาจทำให้เกิดสิวหรือปัญหาผิว
เวย์โปรตีนอาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน IGF-1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีแนวโน้มเป็นสิวอยู่แล้ว
7. อาจมีสารปนเปื้อน
เวย์โปรตีนบางยี่ห้ออาจมีสารปนเปื้อน เช่น โลหะหนัก หรือสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น ดังนั้นควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและได้รับการรับรอง
ข้อควรระวังในการบริโภคเวย์โปรตีน
- ผู้ที่มีปัญหาการย่อยแลคโตส ควรเลือกเวย์โปรตีนแบบ Isolate ที่มีแลคโตสน้อย
- ไม่ควรรับประทานเวย์โปรตีนมากเกินไป ทานให้เหมาะสมตามคำแนะนำ
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และไม่ใช้เวย์โปรตีนแทนอาหารมื้อหลัก
- ตรวจสอบแหล่งที่มาและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
- ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้หากมีโรคประจำตัว
สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเวย์โปรตีน
การกินเวย์โปรตีนอย่างเดียวไม่ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ
การที่กล้ามเนื้อเพิ่มเพราะมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อจากการออกแรงมาก จนทำให้มีการล้า โปรตีนจะช่วยซ่อมแซม ทำให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและแน่นขึ้น
ดังนั้นการทานแต่เวย์โปรตีน โดยออกกำลังกายไม่เพียงพอและไม่มีการออกแรงจนเกิดกล้ามเนื้อล้าในระดับที่เหมาะสม จะไม่ทำให้กล้ามเพิ่ม อีกทั้งได้รับโปรตีนมากเกินความจำเป็น
เวย์โปรตีนเหมาะกับคนทั่วไป รวมถึงคนไม่ออกกำลังกาย
บางคนเข้าใจว่า เวย์โปรตีนต้องเป็นคนเล่นกล้ามเท่านั้น สำหรับคนทั่วไปที่ทานโปรตีนในแต่ละวันไม่ถึง สามารถทานเวย์เพื่อชดเชยโปรตีนที่ขาดได้เช่นกัน
ดังนั้น สามารถทานได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะวัยรุ่น วัยทำงาน หรือคนชรา แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อเสริมโปรตีนที่ขาดในแต่ละวัน
เวย์โปรตีนราคาไม่แพงอย่างที่คิด
แม้ว่ามองด้านราคาต่อกระปุกแล้ว เวย์โปรตีนจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่หากคำนวณตามปริมาณอาหารที่ทานแล้ว กลับมีราคาที่ไม่แพงเกินไป มีไขมันไม่สูง และสะดวกกว่า
เช่น หากต้องการโปรตีนเพิ่ม 25 กรัมต่อวัน ต้องทานเนื้อสัตว์เพิ่มอีก 100 กรัม ซึ่งได้พลังงานค่อนข้างเยอะและอาจได้ไขมัน หากทานเป็นนมจะได้น้ำตาลเพิ่ม
ในขณะที่เวย์โปรตีน 25 กรัมหรือประมาณ 1 ช้อนตวง สามารถเตรียมง่ายๆ ได้ทุกเวลาด้วยการชงน้ำแล้วดื่ม อีกทั้งราคาไม่แพงและเก็บไว้กินได้นาน
โปรตีนที่เหมาะสมในแต่ละวัน
โปรตีนโดยประมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน มีดังนี้
- ผู้ใหญ่ทั่วไป: 0.8 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ: 1.2-1.7 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- นักกีฬาหรือผู้สร้างกล้ามเนื้อ: 1.6-2.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- ลดน้ำหนัก: 1.2-1.6 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- ผู้สูงอายุ: 1.0-1.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: เพิ่มโปรตีน 25 กรัมต่อวันจากปกติ
ปริมาณโปรตีนที่ใช้อาจแตกต่างกันตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล หากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์
ประเภทของเวย์โปรตีน
1. เวย์โปรตีน คอนเซนเทรต (Whey Protein Concentrate – WPC)
- ลักษณะ: เป็นเวย์โปรตีนรูปแบบพื้นฐาน มีการกรองน้อยที่สุด
- โปรตีน: มีโปรตีนประมาณ 70-80%
- ส่วนประกอบอื่น: มีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และแลคโตสเหลืออยู่บ้าง
- เหมาะสำหรับ:
- ผู้เริ่มต้นใช้เวย์โปรตีน
- ผู้ที่ต้องการประหยัด (เนื่องจากราคาถูกที่สุด)
- ผู้ที่ไม่มีปัญหาแพ้แลคโตส
- ข้อเสีย: อาจทำให้ท้องอืดหรือไม่สบายท้องในผู้ที่แพ้แลคโตส
2. เวย์โปรตีน ไอโซเลต (Whey Protein Isolate – WPI)
- ลักษณะ: ผ่านกระบวนการกรองมากขึ้นเพื่อแยกโปรตีนบริสุทธิ์
- โปรตีน: มีโปรตีนสูงถึง 90% ขึ้นไป
- ส่วนประกอบอื่น: มีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และแลคโตสน้อยมาก
- เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการโปรตีนสูงและแคลอรีต่ำ
- ผู้ที่แพ้แลคโตส
- ผู้ที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมไขมัน
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าเวย์โปรตีนคอนเซนเทรต
3. เวย์โปรตีน ไฮโดรไลเซต (Whey Protein Hydrolysate – WPH)
- ลักษณะ: ผ่านกระบวนการย่อยโปรตีนให้เป็นเปปไทด์ขนาดเล็ก ทำให้ดูดซึมได้เร็วที่สุด
- โปรตีน: มีโปรตีนสูงและย่อยง่าย
- ส่วนประกอบอื่น: มีแลคโตสและไขมันน้อยมาก
- เหมาะสำหรับ:
- นักกีฬาที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายเร็ว
- ผู้ที่มีปัญหาการย่อยโปรตีน
- ผู้ที่ต้องการดูดซึมโปรตีนได้รวดเร็ว
- ข้อเสีย: ราคาสูงที่สุดและอาจมีรสขมเล็กน้อย
4. เวย์โปรตีนแบบผสม (Blended Whey Protein)
- ลักษณะ: เป็นการผสมระหว่างเวย์โปรตีนคอนเซนเทรต ไอโซเลต และไฮโดรไลเซต
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการสมดุลระหว่างราคาและคุณภาพ
เลือกเวย์โปรตีนอย่างไร
- เวย์โปรตีนคอนเซนเทรต: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและงบจำกัด ไม่แพ้แลคโตส ไม่กังวลเรื่องน้ำหนัก
- เวย์โปรตีนไอโซเลต: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนสูงและแพ้แลคโตส ควบคุมไขมัน
- เวย์โปรตีนไฮโดรไลเซต: เหมาะสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการดูดซึมเร็ว มีงบพอสมควร
นอกจากนี้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ เพื่อความปลอดภัย
การใช้และประสิทธิภาพของเวย์โปรตีน
ภาวะที่อาจใช้เวย์โปรตีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ทารกที่บริโภคเวย์โปรตีนระหว่างช่วง 3-12 เดือนแรกหลังคลอด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะผิวหนังคัน และแดง ในช่วงอายุ 3 ปี
- โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic disease) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ทารกที่บริโภคเวย์โปรตีนระหว่างช่วง 3-12 เดือนแรกหลังคลอดจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะภูมิแพ้น้อยลง เมื่อเทียบกับทารกที่ได้รับนมผงตามปกติ อย่างไรก็ตาม การรับประทานเวย์โปรตีนก็อาจไม่ได้มีประสิทธิผลในการรักษาโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่กำลังเป็นอยู่ได้
- ป้องกันน้ำหนักลดในผู้ป่วยเอชไอวี หรือเอดส์ (HIV/AIDS) งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า การรับประทานเวย์โปรตีนสามารถลดอัตราการเสียน้ำหนักของผู้ป่วยโรคนี้ได้
- โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (Plaque psoriasis) มีหลักฐานบางชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทานสารสกัดจากเวย์โปรตีนทุกวันนาน 8 สัปดาห์ สามารถลดอาการจากโรคสะเก็ดเงินได้
ภาวะที่เวย์โปรตีนอาจไม่สามารถรักษาได้
- โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันนาน 6 สัปดาห์ สามารถลดอาการหายใจติดขัดได้ แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มการทำงานของปอดหรือคุณภาพชีวิตผู้ป่วย COPD แต่ก็มีงานวิจัยที่แย้งว่า อาหารเสริมเวย์โปรตีนไม่ได้ช่วยเพิ่มการทำงานของปอด กล้ามเนื้อ หรือช่วยเรื่องการออกกำลังกายของผู้ป่วย COPD แต่อย่างใด
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันนาน 2 ปี ไม่ได้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุน
ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่าใช้เวย์โปรตีนรักษาได้หรือไม่
- สูญเสียกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ เวย์โปรตีนอาจช่วยเพิ่มมวลกระดูกของผู้สูงอายุได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะได้ผลเฉพาะเมื่อรับประทานร่วมกับสารอาหารอื่นๆ เช่น ครีเอทีน ไขมันบางประเภท หรือวิตามินกับเกลือแร่บางประเภท เช่น แคลเซียมกับวิตามินดี อีกทั้งยังไม่แน่ชัดว่า เวย์โปรตีนสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กับผู้หญิง หรือช่วยเพิ่มความแข็งแรงหรือไม่
- หอบหืด (Asthma) งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันนาน 30 วัน ไม่ได้ช่วยเพิ่มการทำงานของปอดในเด็กที่ป่วยเป็นหอบหืดแต่อย่างใด
- เพิ่มศักยภาพทางด้านกีฬา งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า การรับประทานเวย์โปรตีนร่วมกับการออกกำลังกายสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อไร้ไขมัน เพิ่มความแข็งแรง และขนาดกล้ามเนื้อของผู้ใหญ่อายุน้อยที่มีสุขภาพดีได้
นอกจากนี้ การรับประทานเวย์โปรตีนยังช่วยเพิ่มความเร็วในการวิ่ง และช่วยในการฟื้นร่างกายหลังออกกำลังกายในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการฝึกเป็นประจำได้อีกด้วย แต่เวย์โปรตีนไม่อาจเพิ่มความเร็วในการวิ่ง หรือช่วยในเรื่องการฟื้นตัวของนักกีฬาอาชีพแต่อย่างใด อีกทั้งการรับประทานเวย์โปรตีนก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแรง หรือมวลกล้ามเนื้อของผู้ชายที่มีน้ำหนักเกิน และมีคอเลสเตอรอลสูง - มะเร็ง มีหลักฐานบางชิ้นที่กล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนอาจช่วยลดขนาดเนื้องอกของผู้ป่วยมะเร็งบางรายที่อยู่ในระยะลุกลามได้
- โรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic fibrosis) งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันนาน 28 วันจะเพิ่มการทำงานของปอดในเด็กที่เป็นโรคนี้ได้ แต่ไม่ใช่กับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเดียวกัน
- เบาหวาน (Diabetes) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การบริโภคเครื่องดื่มที่มีเวย์โปรตีนก่อนรับประทานอาหารจะลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้
- หอบหืดจากการออกกำลังกาย งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันนาน 10 วันจะเพิ่มการทำงานของปอดในผู้ที่มีภาวะหอบหืดจากการออกกำลังกายได้
- โรคตับอักเสบ (Hepatitis) มีงานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนบางประเภททุกวันนาน 12 สัปดาห์สามารถเพิ่มการทำงานของปอดในผู้ป่วยโรคตับอักสบบีได้ แต่กลับไม่ส่งผลใดๆ ต่อผู้ป่วยโรคตับอักเสบซี
- HIV/AIDS งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนนาน 4 เดือนไม่อาจเพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกันในเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้แต่อย่างใด
- การติดเชื้อที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ในโรงพยาบาล งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานอาหารเสริมเวย์โปรตีนทุกวันนาน 28 วันจะให้ผลคล้ายกับการใช้สังกะสี, selenium, glutamine, และ metoclopramide ในการต่อสู้กับภาวะติดเชื้อระหว่างอยู่ในโรงพยาบาล
- คอเลสเตอรอลสูง งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันในขณะออกกำลังด้วยการยกน้ำหนัก ไม่อาจลดระดับคอเลสเตอรอล หรือไขมันร่างกาย ในผู้ชายที่มีน้ำหนักเกินและมีคอเลสเตอรอลสูงได้
- ความดันโลหิตสูง การรับประทานเวย์โปรตีน 28 กรัม ทุกวันนาน 6-8 สัปดาห์ สามารถลดความดันโลหิตของผู้ที่มีปัญหาความดันสูงได้ แต่การรับประทานในปริมาณที่ต่ำกว่านั้น เช่น 2.6 กรัมต่อวัน กลับไม่ส่งผลเช่นนี้
- โรคในกลุ่มของกล้ามเนื้อเยื่อประสาทและกล้ามเนื้อ (Mitochondrial myopathies) งานวิจัยกล่าวว่าการรับประทานอาหารเสริมเวย์โปรตีนทุกวันนาน 1 เดือน ไม่อาจเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคนี้ได้แต่อย่างใด
- โรคตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic steatohepatitis: NASH) งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนทุกวันนาน 12 สัปดาห์ สามารถเพิ่มการทำงานของตับผู้ป่วยโรค NASH ได้
- โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การรับประทานเวย์โปรตีนไม่อาจช่วยลดอาการจากโรคพาร์กินสันได้
- โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovary syndrome: PCOS) งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานอาหารเสริมที่ประกอบด้วยเวย์โปรตีนทุกวันนาน 2 เดือน สามารถลดน้ำหนักร่างกาย ลดมวลไขมัน และลดคอเลสเตอรอลของผู้ป่วยโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบได้ แต่การรับประทานเวย์โปรตีนไม่ได้ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด และอาจเข้าไปลดคอเลสเตอรอลดี (High Density Lipoprotein: HDL) ลงได้อีกด้วย
- อาการปวดและแข็งที่เกิดจากการอักเสบ (Polymyalgia rheumatica) งานวิจัยกล่าวว่า การรับประทานเวย์โปรตีนจากผลิตภัณฑ์นม 2 ครั้งต่อวันนาน 8 สัปดาห์ไม่อาจเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ ความเร็วในการเดิน หรือเพิ่มผลจากการทดสอบการเคลื่อนไหวอื่นๆ ของผู้ป่วยภาวะนี้แต่อย่างใด
- ลดน้ำหนัก ผลของเวย์โปรตีนกับการลดน้ำหนักมีความผันแปรออกไปตามกรณี เช่น การรับประทานเพียงอย่างเดียว หรือรับประทานร่วมกับการออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร เป็นต้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การรับประทานเวย์โปรตีนร่วมกับจำกัดอาหาร อาจป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อไม่มีไขมัน และเพิ่มการสูญเสียไขมันจากร่างกายของผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกินได้ ซึ่งจะช่วยปรับรูปร่างโดยรวมของร่างกายคนๆ นั้น แต่การรับประทานเวย์โปรตีนระหว่างจำกัดอาหารนั้นไม่อาจเพิ่มน้ำหนักที่หายไปองค์รวมได้ อีกทั้งยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการรับประทานเวย์โปรตีนโดยไม่จำกัดอาหารสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้จริง
- การรับประทานเวย์โปรตีนร่วมกับการออกกำลังกาย เวย์โปรตีนจะไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักที่ลดลงได้เมื่อเทียบกับการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว สำหรับวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกิน การดื่มเครื่องดื่มเวย์โปรตีนนาน 12 สัปดาห์จะเพิ่มน้ำหนักและเพิ่มดัชนีมวลกายขึ้น
ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของเวย์โปรตีน
เวย์โปรตีนถูกจัดว่า ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยการใช้ในปริมาณสูงกว่าปกติ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น มีการเคลื่อนตัวของลำไส้มากขึ้นคลื่นไส้ กระหายน้ำ ท้องอืด ตะคริว ความอยากอาหารลดลง เหน็ดเหนื่อย และปวดศีรษะ เป็นต้น
คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ
- สตรีมีครรภ์และแม่ที่ต้องให้นมบุตร ปัจจุบันยังคงขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้เวย์โปรตีนในกลุ่มผู้หญิงที่ต้องให้นมบุตรกับหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นคนในกลุ่มดังกล่าว ควรเลี่ยงการใช้เวย์โปรตีนเพื่อความปลอดภัย
- แพ้นม หากคุณมีภาวะแพ้นมวัว ควรเลี่ยงการดื่มเวย์โปรตีน เพราะเวย์โปรตีนส่วนใหญ่ทำมาจากนม
การใช้เวย์โปรตีนร่วมกับยาชนิดอื่น
ห้ามใช้เวย์โปรตีนร่วมกับยาเหล่านี้
ไม่ควรรับประทานยาเลโวโดปา (Levodopa) ร่วมกับเวย์โปรตีน เพราะอาจลดความสามารถในการดูดซับยาลง และลดประสิทธิภาพของยาอีกด้วย
ใช้เวย์โปรตีนร่วมกับยาเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง
- การรับประทานเวย์โปรตีนกับยา Alendornate (Fosamax) พร้อมกัน จะลดความสามารถการดูดซับยาและประสิทธิภาพของยาลง จึงไม่ควรรับประทานเวย์โปรตีนหลังใช้ยา Alendronate (Fosamax) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Quinolone antibiotics กับเวย์โปรตีนพร้อมกัน จะลดปริมาณการดูดซับยาปฏิชีวนะของร่างกายลง ทำให้ลดประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์นี้ ควรรับประทานเวย์โปรตีนหลังรับประทานยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
- ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline antibiotics กับเวย์โปรตีน เนื่องจากเวย์โปรตีนประกอบด้วยแคลเซียม และแคลเซียมสามารถเข้าไปยึดเกาะกับเตตราไซคลีนในกระเพาะอาหารได้ ซึ่งนี่จะเป็นการลดปริมาณการดูดซับยาของร่างกาย และประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ยาได้ เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์นี้ ควรรับประทานเวย์โปรตีนหลังรับประทานยากลุ่มเตตราไซคลีนไปแล้วอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
ปริมาณยาที่ใช้
ปริมาณหรือขนาดยาที่ใช้ดังต่อไปนี้ได้ถูกศึกษาจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
การรับประทานเวย์โปรตีนในผู้ใหญ่ สำหรับภาวะต่อไปนี้
- ภาวะน้ำหนักลดที่เกี่ยวข้องกับ HIV/AIDS รับประทานเวย์โปรตีน 8.4-84 กรัมต่อวัน หรือนมผงแลเซียมสูง 2.4 กรัมต่อวัน หรือนมชงที่อุดมด้วยกลูทามิน (Glutamine) 42-84 กรัมต่อวัน
- สำหรับโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา รับประทานสารสกัดเวย์โปรตีน 5 กรัมต่อวัน