คะน้า ข้อมูล สรรพคุณ ประโยชน์ การบริโภคเพื่อสุขภาพ


คะน้า เป็นผักใบเขียวอีกชนิดที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะกินแบบสดๆ ในเมนูยำคะน้ากุ้งสด เป็นเครื่องจิ้ม เครื่องเคียงในน้ำพริก หมูมะนาว หรือจะกินแบบสุกๆ ในเมนูสารพัดผัดผักยอดฮิต เช่น คะน้าหมูกรอบ คะน้าปลาเค็ม คะน้าน้ำมันหอย แม้แต่อาหารจานด่วน เช่น ราดหน้า  ผัดซีอิ๊ว  ข้าวผัดต่างๆ  ก็นิยมใช้คะน้าเป็นวัตถุดิบด้วยเช่นกัน นอกจากจะเป็นผักที่หาซื้อได้ง่ายแล้วยังอุดมไปด้วยประโยชน์มากมายที่รู้แล้วจะต้องอยากหามากิน  

รู้จักคะน้า

คะน้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica oleracea L. จัดอยู่ในวงศ์ผักกาด  คะน้าเป็นผักที่มีต้นกำเนิดในทวีปเอเชีย นิยมปลูกมากในประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย และไทย  

มีหลายชื่อเรียก เช่น Gai lan, kai-lan, Chinese Broccoli หรือ Chinese Kale (Brassica oleracea var. alboglabra)

ลักษณะทั่วไปลำต้นตั้งตรง แข็งแรง อวบใหญ่สีเขียวนวล สูง 20-30 เซนติเมตร  ใบจะแตกออกจากลำต้นเรียงสลับกัน  ผิวใบมีลักษณะเป็นคลื่น ผิวมัน สีเขียวอ่อนถึงเขียวแก่ ยอดมีลักษณะเป็นใบอ่อนขนาดเล็ก 2-3 ใบ  

นอกจากนี้ ใบคะน้ายังมีหลายลักษณะแตกต่างไปตามสายพันธุ์  สายพันธุ์คะน้าที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์ใบกลม พันธุ์ใบแหลม และพันธุ์ยอด หรือก้าน  

การใช้ประโยชน์ของคะน้ามักจะนำส่วนของลำต้น ก้านใบ และใบมาประกอบอาหาร สามารถกินได้ตั้งแต่ต้นยังมีขนาดเล็กจนกระทั่งออกดอก 

สารสีเขียวในผักคะน้ามีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยให้เซลล์ทำงานดีขึ้น ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย กำจัดสารพิษตกค้าง และช่วยลดอาการภูมิแพ้ต่างๆ นอกจากสารสีเขียวแล้ว ผักคะน้ายังมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย  

คุณค่าทางโภชนาการ 

คะน้าดิบปริมาณ 100 กรัม มีสารอาหารเด่นๆ ดังนี้

  • พลังงาน 26 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 0.76 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 4.67 กรัม
  • เส้นใย 2.6 กรัม  
  • แคลเซียม 105 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 43 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.59 มิลลิกรัม
  • เบต้า-แคโรทีน 1030 ไมโครกรัม 
  • วิตามินเอ 1720 IU
  • วิตามินบี1 (ไทอามีน) 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 0.153 มิลลิกรัม
  • ไนอะซิน 0.459 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 29.6 มิลลิกรัม

ที่มา: USDA

ประโยชน์ของคะน้า

คะน้าเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุ วิตามิน และสารอาหารมากมายโดยเฉพาะส่วนยอดของคะน้าสดที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและเกลือแร่  คะน้ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกหลายอย่าง 

1. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

คะน้าอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งมีคุณสมบัติต้านการเกิดเซลล์มะเร็งและยังช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย  ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และช่วยลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้  การกินคะน้าเป็นประจำจะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านม

2. ช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง

คะน้าช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง เนื่องจากเป็นผักที่มีธาตุเหล็กและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างการสร้างเม็ดเลือดแดงจึงมีส่วนสำคัญในการบำรุงเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ธาตุเหล็กยังเป็นสารอาหารที่เป็นส่วนประกอบของการสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงเนื้อเยื่อต่างๆ

3. ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก

คะน้ามีสารลูทีน (Lutein) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา การกินคะน้าจึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับคนไม่ได้กิน

4. ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

คะน้ามีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงให้กระดูกและฟันแข็งแรง จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนหรือเสื่อมในผู้สูงอายุ และยังมีสารอิเล็กโทรไลต์ที่ช่วยเสริมการทำงานขฮงแคลเซียมให้ทำงานเป็นปกติขึ้น พบว่า การกินคะน้า 1 ถ้วย = ดื่มนม 1 แก้ว  ดังนั้นถ้าไม่ดื่มนมก็มากินคะน้ากันเถอะ

5. ช่วยบำรุงผิวพรรณ

คะน้ามีวิตามินซีช่วยบำรุงผิวพรรณและมีส่วนช่วยเสริมสร้างให้เนื้อเยื่อมีความชุ่มชื้นมากขึ้น

6. ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

คะน้ามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในกับร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ และทำให้มีสุขภาพแข็งแรง

7. ลดอาการไมเกรน

ผักคะน้ามีแมกนีเซียมสูง ซึ่งช่วยลดความถี่ของการเกิดอาการไมเกรนลงได้

8. ปรับสมดุลของฮอร์โมน

ช่วยรักษาสมดุลของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยลดอาการหงุดหงิด และอารมณ์แปรปรวนในสตรีช่วงมีประจำเดือนได้

ไอเดียการกินการใช้คะน้าเพื่อสุขภาพ

1.สามารถทำอาหารเป็นเมนูได้หลากหลายเมนู เช่น

  • ผัดคะน้าหมูกรอบ
  • ผัดผักคะน้า
  • ยำก้านคะน้า
  • ต้มจับฉ่าย
  • คะน้าไก่กรอบ
  • คะน้าปลาเค็ม
  • คะน้าเห็ดหอม
  • คะน้าปลากระป๋อง
  • ข้าวผัดคะน้า เป็นต้น

2. ทำน้ำคะน้าเพื่อสุขภาพ

วิธีทำ ล้างใบคะน้าให้สะอาด นำใบคะน้ามาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอเหมาะแล้วใส่ในเครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุกลงไปครึ่งหนึ่งแล้วปั่นจนละเอียด นำผ้าขาวบางมากรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อม เกลือ และมะนาวลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติตามใจชอบ 

ข้อควรระวัง

คะน้าเป็นพืชที่มีประโยชน์สูง สามารถประกอบอาหารได้หลายประเภท แต่อย่างไรก็ตาม คะน้าเองก็มีข้อควรระวังด้วยเช่นกัน 

  •  ไม่ควรรับประทานคะน้าแบบดิบ เพราะคะน้ามี สารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งอยู่ในกลุ่มสารที่ขัดขวางการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนไปใช้สร้างฮอร์โมนธัยรอกซินได้น้อยกว่าปกติ หรือทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำยิ่งขึ้น 

    การได้รับคะน้าในปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ร่างกายขาดแร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคคอพอก และยังไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์อีกด้วย  ควรนำปรุงคะน้าให้สุกก่อนรับประทานเพื่อลดปริมาณสารกอยโตรเจนลง 

  • การปลูกคะน้า นิยมมีการใช้สารเคมี หรือยาฆ่าแมลง และโลหะหนัก เช่น แคดเมียม  ยิ่งถ้าเป็นต้นอ่อน ยิ่งมีโอกาสปนเปื้อนได้มาก ซึ่งจะเป็นพิษต่อตับในไตได้ 

ดังนั้นก่อนนำคะน้ามาประกอบอาหารให้เด็ดผักออกเป็นใบๆ ใส่ตะแกรงโปร่งเปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ใช้มือช่วยคลี่ใบผักและถูไปมาบนผิวใบของคะน้านานประมาณ 2 นาที หรือจะใช้สารละลายอื่นๆ ช่วยล้างก็จะดีมาก เช่น น้ำยาล้างผัก น้ำส้มสายชู เกลือละลายน้ำ เป็นต้น 


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจดีท็อกซ์


บทความแนะนำ


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

@‌hdcoth line chat