รีวิว ผ่าฟันคุด ที่ Edelweiss Dental House


รีวิว ผ่าฟันคุด ที่ Edelweiss Dental House

สรุปการรีวิว

ขยาย

ปิด

  • เราได้รับทุนให้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เลยต้องผ่าฟันคุดออกให้หมดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแล้วต้องผ่าที่ต่างประเทศ ซึ่งน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่แพง
  • เราได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์คุณหมอที่ศูนย์ทันตกรรม Edelweiss Dental House รู้สึกว่าคุณหมอที่นี่เขามีความเก่งเฉพาะด้านในการทำทันตกรรมแต่ละประเภทจริงๆ
  • จากการตรวจและเอกซเรย์ดูฟันคุดของเรา คุณหมอลงความเห็นว่าต้องผ่า เพราะด้วยตัวฟันที่อยู่ลึกจนเกือบสุดขากรรไกรข้างในเลย และมันไปค้ำกดฟันซี่ข้างๆ ด้วย
  • ขั้นตอนการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีการทายาชา ฉีดยาชา แล้วเริ่มผ่าตัด เราต้องมีเกร็งๆ ฝืนหน้าไปทางตรงกันข้ามกับแรงคุณหมอบ้าง แต่ถามว่าเจ็บมั้ย ไม่เจ็บเลยทุกคน ขอการันตี
  • วันถัดมาหลังผ่าตัด ตอนเราตื่นเช้าขึ้นมาก็เตรียมใจไว้ว่ายังไงหน้าฉันต้องบวมชัวร์ๆ แต่พอส่องกระจกปรากฎว่าไม่บวม! หน้าเราเป็นปกติทุกอย่างเหมือนกับทุกวันเลยค่ะ เซอร์ไพรส์และดีใจมาก
  • รีวิวนี้เป็นการชำระค่าบริการด้วยตัวเอง

เราเคยเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองมีฟันคุดแค่ 3 ซี่ค่ะ คือมีทุกมุมของแนวฟันทั้งบนและล่างเลย ยกเว้นตรงแถวฟันบนข้างซ้าย ซึ่งฟันคุดทั้ง 3 ซี่นี้เราก็ผ่าตัดออกไปแล้ว 2 ซี่ และถอนออกไปแล้ว 1 ซี่ ตอนแรกก็คิดว่าคงสบายแล้วล่ะ ฟันคุดหมดละ

จนเมื่อ 2 ปีก่อนเราไปเลเซอร์ตกแต่งเหงือกที่คลินิกทำฟันแห่งหนึ่ง ซึ่งมันต้องมีเอกซเรย์ดูภาพฟันทั้งหมดก่อนเริ่มทำ พอเอกซเรย์เสร็จคุณหมอก็เอาภาพเอกซเรย์มาให้เราดู สรุปตรงแถวฟันบนข้างซ้ายเราก็มีฟันคุดเหมือนกัน! แงงง

ทีนี้เราก็ต้องมาคิดต่อสิคะว่าจะเอายังไงกับฟันคุดซี่นี้ดี จะถอนหรือจะทิ้งเอาไว้ สุดท้ายเราเลยเลือกอย่างหลังค่ะ ขอทิ้งเอาไว้ก่อน

เพราะจากประสบการณ์ผ่าฟันคุด 2 ซี่แรกในชีวิตเรา มันเจ็บปวดและทรมานมาก หน้าเราบวมจนแม่เราถึงกับลงไปนั่งหัวเราะกับพื้นเลย 555+ แล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นนานด้วย ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 2 สัปดาห์เลยค่ะ กว่าเราจะหายปวดแผลและหน้าหายบวม

ตัดสินใจผ่าฟันคุดก่อนบินไปต่างประเทศ

จนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้รับทุนการศึกษาให้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศค่ะ เลยต้องวางแผนชีวิตหลายอย่างเลย คุณพ่อเราที่เป็นหมอก็เลยถามก่อนว่า เรื่องฟันเรามีปัญหาอะไรมั้ย ฟันคุดถอนครบแล้วหรือยัง เพราะอย่างที่หลายคนรู้กันว่าค่าทำฟันที่ต่างประเทศมันแพงมากๆ และบริการก็ไม่ได้ดีเหมือนทำที่ไทย

เราเลยบอกพ่อว่า เหลือฟันคุดอีก 1 ซี่ ยังไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย คุณพ่อก็ให้เราไปผ่าฟันคุดออกเลยค่ะ ให้จบปัญหาตั้งแต่ก่อนบินไปเรียน ไม่งั้นถ้าเกิดไปปวดฟันคุดที่โน่นได้เรื่องใหญ่แน่ๆ

เราเลยเริ่มมองหาคลินิกทำฟันที่มีหมอฟันเก่งๆ ด้านการผ่าฟันคุดค่ะ ต้องเป็นผ่าด้วยนะ ไม่ใช่ถอน เพราะเราเคยสอบถามคุณหมอที่เลเซอร์เหงือกให้เราแล้ว จากรูปฟันคุดซี่นี้ยังไงก็ต้องผ่าค่ะ ถอนไม่น่าไหวเพราะอยู่ลึกมาก

ตอนแรกเราก็คิดจะผ่าฟันคุดกับคลินิกที่เราไปเลเซอร์เหงือกนั่นแหละค่ะ เพราะเขาก็มีชื่อเสียงพอตัว แล้วก็มีคุณหมอฟันที่เก่งด้านการผ่าตัดฟันคุดประจำอยู่ แต่เพราะตารางคุณหมอที่ไม่ตรงกับเรา ไม่สามารถนัดล่วงหน้าได้เลย เราเลยเปลี่ยนใจมองหาคลินิกทำฟันที่อื่นแทนค่ะ

ทำไมถึงเลือกผ่าฟันคุด ที่ Edelweiss Dental House

จนเราได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์คุณหมอที่ Edelweiss Dental House แถวดินแดง เรารู้สึกว่าคุณหมอที่นี่เขามีความเก่งเฉพาะด้านในการทำทันตกรรมแต่ละประเภทจริงๆ บรรยากาศการตกแต่งของศูนย์ทันตกรรมก็ดูสวยงามคลีนๆ เหมือนโรงพยาบาลสมัยใหม่เลย

บรรยากาศด้านหน้า ที่ Edelweiss Dental House

หลังจากทำงานกับคุณหมอเสร็จ เราเลยขอคุยนอกรอบกับคุณหมอเกี่ยวกับปัญหาฟันคุดของเราต่ออีกสักหน่อย และได้เล่าปัญหาหลังผ่าที่เกิดขึ้นให้คุณหมอฟังด้วย

คุณหมอก็บอกว่า มาผ่าที่นี่ได้เลย ยังไงก็ไม่บวม เพราะคุณหมอที่ผ่าฟันคุดที่นี่เป็นระดับอาจารย์ และมือเบามากๆ ซึ่งจากที่เราคุยกันตั้งแต่ช่วงทำงาน เราค่อนข้างถูกจริตและรู้สึกสบายใจถ้ามาผ่าฟันคุดกับคุณหมอที่นี่ค่ะ เลยขอนัดจองคิวกับเจ้าหน้าที่เลย

การผ่าฟันคุด ที่ Edelweiss Dental House

การผ่าตัดคุดจะต้องมีการเอกซเรย์เพื่อให้คุณหมอดูฟันซี่ที่เป็นฟันคุดและลักษณะการเรียงตัวของฟันทั้งหมดก่อนค่ะ แต่ถ้าเรามีฟิล์มเดิมจากคลินิกทำฟันเก่าก็เอามาให้คุณหมอดูก็ได้ ซึ่งเราไม่ได้ขอมา ก็เลยถามทางเจ้าหน้าที่ว่าต้องเข้ามาเอกซเรย์ก่อนรอบนึงมั้ย

เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ต้อง ไหนๆ วันนั้นคุณหมอเข้ามาตรวจที่นี่อยู่แล้ว ก็จองเป็นคิวเอกซเรย์และคิวผ่าฟันคุดเตรียมไว้เลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องนัดเข้ามากันหลายรอบ 

ในวันนัดผ่าฟันคุด เมื่อเราเดินทางเข้ามาถึง Edelweiss Dental House ก็ไปแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ก่อนค่ะ จากนั้นก็ไปแปรงฟันให้สะอาดก่อนในห้องน้ำพอกลับออกมาก็มีเจ้าหน้าที่พาเราพบคุณหมอที่ห้องทำฟันก่อน

เบื้องต้นคุณหมอขอตรวจดูฟันเราคร่าวๆ และสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับฟันคุดซี่ที่เหลือ จากนั้นคุณหมอก็ให้เราไปเอกซเรย์เป็นฟิล์มเวอร์ชั่นปัจจุบันก่อนค่ะ โดยห้องเอกซเรย์ฟันจะอยู่ชั้นล่างของศูนย์ทันตกรรม

เอกซเรย์ฟัน พร้อมกับเซอร์ไพรส์ที่ไม่คาดคิด

วิธีการเอกซเรย์ก็ง่ายๆ ค่ะ เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดตัวเครื่องให้ก่อนเริ่มทำ จากนั้นก็จะให้เราใส่ชุดป้องกันรังสี ซึ่งจะเป็นเหมือนผ้าคลุมสีน้ำเงินหนักๆ แล้วให้เราไปยืนอยู่กึ่งกลางเครื่องเอกซเรย์ อ้าปาก แล้วเอาฟันกัดแท่งเล็กๆ ที่ยื่นขึ้นมาบนตัวเครื่อง

เครื่องเอกซเรย์ ที่ Edelweiss Dental House

จากนั้นยืนเฉยๆ ให้เครื่องเอกซรเย์หมุนรอบศีรษะเราค่ะ แค่นี้ ภาพแถวฟันของเราทุกซี่ก็จะปรากฎขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์ของคุณหมอที่อยู่บนชั้นสองแล้ว

ภาพผ่าฟันคุด หลังจากเอกซเรย์

จากการตรวจดูปัญหาฟันคุดของเรา คุณหมอลงความเห็นว่าต้องผ่าค่ะ 555+ ไม่รอดอยู่ดี เพราะด้วยตัวฟันที่อยู่ลึกจนเกือบสุดขากรรไกรข้างในเลย และมันไปค้ำกดฟันซี่ข้างๆ ด้วย ดังนั้นการผ่าถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุดแล้วค่ะ

นอกจากตัวฟันคุดเจ้าปัญหาซี่นี้ คุณหมอยังเจอเศษฟันคุดเก่าที่ใต้เหงือกล่างด้านซ้ายของเราด้วยค่ะ! คุณหมอบอกว่า เป็นไปได้ว่าคุณหมอฟันคนเก่าที่ผ่าฟันคุดให้เราจะมองไม่เห็นเศษตรงนี้ หรือไม่ก็ผ่าเอาออกไปไม่หมด ทั้งเซอร์ไพรส์ทั้งคับแค้นใจสุดๆ 555+

เศษฟันคุดที่หลงเหลืออยู่

คุณหมอบอกว่า ฟันคุดซี่บนน่ะ คุณหมอตัดสินใจให้ คือผ่าเอาออกเถอะ แต่ในส่วนของเศษฟันข้างล่าง ให้เราตัดสินใจเอาเอง เพราะมันอาจจะไม่ก่อปัญหาอะไรกับเราก็ได้ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่ามันจะทำเหงือกเราอักเสบในอนาคตหรือเปล่า เราเลยบอกคุณหมอว่า เดี๋ยวขอกลับไปคิดดูอีกทีก่อนค่ะ วันนี้ผ่าเอาฟันคุดซี่บนออกก่อนแล้วกัน

รีวิวขั้นตอนผ่าฟันคุด การันตีว่าไม่เจ็บเลย

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ผู้ช่วยคุณหมอก็ให้เราอมน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วกลั้วไปกลั้วมาอยู่ในปาก 30 วินาทีค่ะ จากนั้นก็บ้วนทิ้ง แล้วเอนตัวนอนลง ผู้ช่วยคุณหมอก็จะถามว่าอยากได้หมอนกับผ้าห่มมั้ย เราก็รีบพยักหน้าเลยค่ะ เพราะห้องทำฟันหนาวมาก 555+ แล้วเราอยากได้อะไรไว้กอดระหว่างผ่าฟันคุดด้วย

หลังจากเอนตัวนอนลงแล้ว คุณหมอก็ให้เราอ้าปากกว้างๆ หันหน้าเอียงขวานิดนึงเพราะฟันคุดที่จะผ่าออกมันอยู่ซี่ซ้ายในสุดค่ะ คุณหมอจะได้เห็นฟันที่จะผ่าออกได้ชัดๆ หลังจากนั้นก็เริ่มทายาชาและฉีดยาชา ตอนฉีดยาชาอาจจะมีความรู้สึกเจ็บแปลบๆ เกิดขึ้นนิดนึงนะคะ แต่ก็แค่แป๊บเดียว และอยู่ในระดับที่ทนไหวค่า

รีวิว ผ่าฟันคุด ที่ Edelweiss Dental House

เมื่อฉีดยาชาเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็เริ่มการผ่าตัดฟันคุดให้เราค่ะ ซึ่งจากลักษณะฟันคุดเราที่ยื่นออกมาและมีฟันซี่หน้าไปดันปิดเอาไว้ คุณหมอเลยต้องมีการเลื่อยตัดชิ้นฟันคุดออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยทยอยถอนออกทีละส่วนค่ะ

ในระหว่างผ่าตัดเลยจะมีเสียงดังจากอุปกรณ์ที่ใช้เลื่อยตัดซี่ฟันเราดังข้างหูหน่อย กับมีความรู้สึกตึงๆ เหมือนฟันถูกดึงง้างอยู่บ้าง เราต้องเกร็งๆ ฝืนหน้าไปทางตรงกันข้ามกับแรงคุณหมอบ้างค่ะ แต่ถามว่าเจ็บมั้ย ไม่เจ็บเลยทุกคน ขอการันตีอีกครั้ง!

ที่เราชอบอีกส่วนในการผ่าตัดครั้งนี้คือ ด้วยความที่เราตื่นเต้นแล้วก็วิตกกังวลมาก เราเลยบอกคุณหมอว่าจะทำอะไร จะผ่าตัดตรงไหนเป็นอย่างถัดไปให้บอกเราด้วยนะ แค่อยากรู้ไว้เฉยๆ ซึ่งคุณหมอก็บอกจริงๆ ค่ะ 555+

พอจะเริ่มกรอตัดฟันคุณหมอก็จะกระซิบบอก หมอจะกรอตัดฟันนะครับ พอจะเย็บแผล คุณหมอก็กระซิบบอก หมอกำลังจะเย็บแผลแล้วนะครับ คุณหมอน่ารักมากๆ เลยค่ะ

ใช้เวลาผ่าตัดอยู่ราว 40 นาที คุณหมอก็ถอนฟันคุดให้เราเสร็จเรียบร้อยค่ะ มีการเย็บปิดแผลให้เสร็จสรรพเลย หลังจากนั้นก็ให้เรากัดผ้าก๊อซเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ก่อน 1 ชั่วโมง ส่วนชิ้นส่วนของซี่ฟันคุดที่ถอน เราก็ขอเอากลับมาบ้านด้วยเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ

การดูแลตนเองหลังผ่าฟันคุด

ในระหว่างกัดผ้าก๊อซ เรายังพูดคุยกับคุณหมอได้เหมือนปกติเลยนะคะ ไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บจนพูดไม่ไหวเลย คุณหมอบอกว่าในช่วงแรกก็ให้กินอาหารเหลวๆ ไปก่อน จะได้ไม่ระบมแผล แต่ถ้าอยากกินอาหารปกติก็กินได้ แค่ให้เคี้ยวอาหารข้างขวาไปก่อน อย่าเพิ่งให้อาหารเนื้อแข็งไปโดนแผลค่ะ

และถ้ารู้สึกเจ็บแผลหลังยาชาหมดฤทธิ์ ก็ให้ประคบเย็นช่วยเดี๋ยวจะดีขึ้น ส่วนอาการบวมที่เรากลัวมากๆ คุณหมอบอกว่าไม่น่าจะบวมค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นให้เรากินยาที่คุณหมอสั่งจ่ายให้ครบด้วย ต่อให้อาการดีขึ้นแล้วก็ยังต้องกินให้ครบจนหมดแผงค่ะ แล้วเดี๋ยวจะนัดมาตัดไหมในอีก 2 สัปดาห์

ความประทับใจจากการผ่าฟันคุด ที่ Edelweiss Dental House

หลังจากกลับไปบ้าน เราเตรียมใจไว้แล้วค่ะว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องระบมแผลชัวร์ๆ แต่ผลปรากฎว่า เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ มันไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยทุกคน แค่มีระบมนิดเดียวเอง ชิวมากๆ เรายังนั่งคุยโม้กับแม่ได้สบายตลอดจนถึงกลางคืนเลย

และในวันถัดมาหลังผ่าตัด ตอนเราตื่นเช้าขึ้นมา เราก็เตรียมใจไว้อีกเหมือนกันว่ายังไงหน้าฉันต้องบวมชัวร์ๆ แต่พอส่องกระจกปรากฎว่าไม่บวม! หน้าเราเป็นปกติทุกอย่างเหมือนกับทุกวันเลยค่ะ เซอร์ไพรส์และดีใจมากเลย

แม่เราที่ไปรับไปส่งในวันผ่าตัดยังบอกว่า เออ คุณหมอเก่งจริงๆ หน้าไม่บวมเลยแฮะ เดี๋ยวขอเบอร์หรือไลน์ของทาง Edelweiss ด้วยนะ เผื่อจะไปตรวจฟันกับคุณหมอที่นี่ด้วย

บรรยากาศ ที่ Edelweiss Dental House

เพราะตอนแม่นั่งรอเราผ่าฟันคุด แม่ก็บอกว่า เห็นมีคนเดินเข้าออกมาพบหมอฟันตลอดเวลาเลย และมีคุณพ่อคุณแม่พาลูกมาตรวจฟันหลายคนด้วย เด็กๆ ก็ดูแฮปปี้ ไม่ได้ร้องไห้โยเยอะไร แสดงว่าที่นี่เขามืออาชีพของจริง

และความประทับใจสุดท้ายก็คือ ราคาค่ะ เพราะคลินิกทำฟันแรกประเมินราคาค่าผ่าตัดเราไว้ 8,500 บาท แต่ผ่าฟันคุดกับที่ Edelweiss Dental House เราประหยัดราคาจากคลินิกที่แรกไปเกือบ 2,000 บาทเลย ซึ่งจัดว่าคุ้มค่ามากๆ เทียบกับบริการและผลลัพธ์หลังการผ่าตัด

เราก็แพลนไว้ว่าเศษฟันคุดที่ตรวจเจอจากฟิล์มเอกซเรย์ก็คงจะมาผ่าเอาออกที่ Edelweiss Dental House เหมือนกันค่ะ ในเมื่อเจอคุณหมอและศูนย์ทันตกรรมที่ลงตัวแล้วก็คงจะไม่ไปตามหาคลินิกทำฟันที่อื่นอีกแล้วล่ะ

ใครที่กำลังมองหาศูนย์ทันตกรรมเก่งๆ สำหรับผ่าตัดฟันคุด เราขอแนะนำให้มาที่ Edelweiss Dental House เลยนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนคับผม! ดูโปรโมชั่นราคาดีๆ จาก Edelweiss Dental House บน HDmall.co.th ได้เล้ยยยย


บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

@‌hdcoth line chat