รีวิวทำกายภาพบำบัด บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม พร้อมปรึกษาปัญหากระดูกสันหลังคด ที่ ME Healthy Clinic

แจนทำอาชีพไลฟ์ขายสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ค่ะ สินค้าที่ไลฟ์ขายก็มีทั้งสินค้าแม่และเด็ก เพราะแจนมีลูกแล้ว 1 คน นอกจากนั้นก็ยังไลฟ์ขายสินค้าทั่วไปที่เราใช้ในชีวิตประจำวันด้วย

แต่ละวันแจนใช้เวลาไลฟ์ไม่ต่ำกว่า 7-10 ชั่วโมงเลยค่ะ บางทีก็ลากยาวตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มเลย ผลกระทบที่ตามมาจากการไลฟ์นานๆ ก็คือ มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แขนและที่หลัง หรือที่เรียกว่าออฟฟิศซินโดรมค่ะ

หลังจากมีอาการ แจนก็กลายเป็นขาประจำของหมอนวดเลย เพราะตอนแรกคิดว่าการนวดมันจะทำให้หายจากอาการออฟฟิศซินโดรม แต่สุดท้ายอาการมันก็ยังไม่หายไปค่ะ นวดเสร็จก็รู้สึกผ่อนคลายอยู่แปปเดียว ผ่านไปสักพักก็กลับมามีอาการอีก

แจนเลยไปตรวจสุขภาพประจำปีกับคุณหมอที่โรงพยาบาลค่ะ และขอให้คุณหมอเอกซเรย์ดูกระดูกสันหลังให้ ปรากฎว่าแจนมีภาวะกระดูกสันหลังคด!!

แจนก็ถามกับคุณหมอว่ารักษากระดูกสันหลังคดได้มั้ย คุณหมอก็บอกว่า ไม่มีวิธีรักษาที่ตายตัว เพราะถ้าอยากรักษาภาวะกระดูกสันหลังคดให้หายขาดต้องทำตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้แจนอายุ 31 แล้ว คุณหมอเลยแนะนำวิธีประคองไม่ให้ภาวะกระดูกสันหลังคดรุนแรงขึ้นด้วยการยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ

แต่แจนก็ยังไม่ยอมแพ้ หาข้อมูลวิธีรักษาภาวะกระดูกสันหลังคดและอาการปวดคอ บ่า ไหล่ที่เกิดขึ้นให้ตัวเองจนได้มารู้ว่าการทำกายภาพบำบัดก็ช่วยบรรเทาอาการปวดจากภาวะกระดูกสันหลังคดได้เหมือนกัน

และแจนก็มาเจอกับโปรแกรมทำกายภาพบำบัดที่ ME Healthy Clinic บน HDmall.co.th พออ่านรายละเอียดต่างๆ ดูก็สนใจ เพราะมันสามารถช่วยแก้ปัญหาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ และหลังโดยเฉพาะได้ และแจนก็อยากให้นักกายภาพบำบัดที่คลินิกตรวจดูความผิดปกติที่หลังให้แจนด้วย

แจนเลยจองคิวทำนัดผ่าน HDmall.coth เข้ามาเลยค่ะ

รีวิวทำกายภาพบำบัดที่ ME Healthy Clinic

ME Healthy Clinic เดินทางมาง่ายมาก อยู่ติดกับจุดขึ้นลงทางด่วนพระราม 6 ใกล้กับแถวอารีย์ แถมมีที่จอดรถด้วยนะ ซึ่งอันนี้ถูกใจแจนมาก

พอแจนเดินทางมาถึง ME Healthy Clinic ก็ยื่นคูปองที่ทาง HDmall.co.th ส่งให้ทางอีเมลกับทางเจ้าหน้าที่แล้วนั่งรอสักครู่ นักกายภาพบำบัดก็มาพาแจนไปเปลี่ยนเป็นชุดที่ง่ายต่อการตรวจร่างกายและทำกายภาพค่ะ

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจร่างกายกับนักกายภาพบำบัด

พี่นักกายภาพบำบัดที่ดูแลแจนชื่อพี่มุกค่ะ พี่มุกเล่าให้แจนฟังว่า ที่เราต้องซักประวัติสุขภาพและตรวจร่างกายก่อนก็เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้ รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือในการรักษา การทำกายภาพบำบัดได้ถูกจุดด้วย

วิธีการตรวจร่างกายจะเป็นการใช้มือแตะ กดตามแนวกล้ามเนื้อและกระดูกของเราค่ะ แจนได้ขอให้พี่มุกตรวจดูตรงกระดูกสันหลังให้แจนด้วย พี่มุกลองกดๆ ลูบๆ หลังแจนดูสักพักก็อธิบายให้ฟังวา กระดูกสันหลังแจนมันโค้งไปทางขวา ทำให้กล้ามเนื้อด้านขวาอ่อนแรง ส่วนกระดูกสันหลังข้างซ้ายก็เว้านูนขึ้นมาเหมือนกัน ทำให้กล้ามเนื้อตึงและอ่อนแรงไปด้วยได้

ในปัญหากระดูกสันหลังคด พี่มุกจะออกแบบท่าทำกายภาพบำบัดให้แจนกลับไปฝึกทำเองเพื่อบ้าน เพื่อปรับโครงสร้างกระดูกสันหลังใหม่ด้วยค่ะ

กล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ พี่มุกกดตรวจดูตามแนวส่วนนั้นและถามว่ามีอาการชาหรือปวดร้าวลงแขนด้วยมั้ย ปวดข้างไหนมากกว่ากัน ซึ่งแจนปวดเท่ากันหมดเลย เหมือนมีคนมาขี่คออยู่ตลอดเวลา 555+

ส่วนอาการชาหรือปวดร้าวลงแขนไม่มีค่ะ พี่มุกเลยให้แจนลองหันซ้าย หันขวา ก้มหน้า เงยหน้าให้ดูสักพัก แล้วก็อธิบายว่า จากการตรวจดู แจนมีปัญหากล้ามเนื้อตึงซะเยอะ น่าจะมาจากการยืนไลฟ์เป็นเวลานานมาก

จากนั้นพี่มุกก็อธิบายแผนการทำกายภาพบำบัดในวันนี้ว่าจะแบ่งการรักษาออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อด้วยเครื่องช็อกเวฟ (Shockwave) กับเครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound) แล้วตามด้วยการฝึกทำท่ากายภาพบำบัดด้วยตนเองเพื่อปรับโครงสร้างกระดูกสันหลังใหม่ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2: ซ่อมแซมกล้ามเนื้อด้วยเครื่อง Shockwave

พี่มุกอธิบายว่า เครื่องช็อกเวฟเป็นเครื่องยิงคลื่นกระแทกที่จะทำให้กล้ามเนื้อของเราเกิดการอักเสบซ้ำค่ะ เมื่ออักเสบซ้ำแล้วกล้ามเนื้อก็จะเกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง ทำให้อาการเจ็บระบมที่เกิดขึ้นค่อยๆ บรรเทาลง

ลักษณะเครื่องช็อกเวฟจะเครื่องสี่เหลี่ยมทรงสูงๆ ที่มีปุ่มหน้าจอให้กดตั้งค่าค่ะ ส่วนหัวยิงพลังงานของมันก็จะเป็นแท่งยาวๆ หัวตัดที่พอยิงลงไปก็จะมีเสียงจังหวะแป๊ะๆๆ ดังขึ้นไปด้วยค่ะ

ความรู้สึกระหว่างที่แจนนั่งรักษาด้วยเครื่องช็อกเวฟ แจนรู้สึกไม่เจ็บอะไรนะ แต่รู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อมากกว่าเดิมเหมือนข้างในกล้ามเนื้อมันถูกอะไรดีดใส่เบาๆ

แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่รู้สึกระบมอะไรเท่าไรแล้ว พี่มุกบอกว่า นั่นเพราะกล้ามเนื้อเรามันเริ่มคลายตัวมากขึ้น อาการเมื่อยๆ ล้าๆ ระหว่างทำจึงหายไปค่ะ

ขั้นตอนที่ 3: คลายกล้ามเนื้อด้วยเครื่อง Ultrasound

สำหรับเครื่องอัลตราซาวด์จะใช้พลังงานความร้อนเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัวอยู่เป็นการปิดท้ายต่อจากช็อกเวฟอีกทีค่ะ

แจนชอบลำดับการรักษาแบบนี้นะ เหมือนโดนต่อยจากเครื่องช็อกเวฟมาก่อนแล้วมานวดประคบร้อนด้วยเครื่องอัลตราซาวด์อีกที 555+

หัวอุปกรณ์จากเครื่องอัลตราซาวด์จะเป็นแท่งคล้ายๆ ช็อกเวฟนะคะ แต่รูปทรงจะคล้ายกับสายฉีดน้ำมากกว่าและเป็นสีเทาอ่อนๆ

ความรู้สึกระหว่างรักษาด้วยเครื่องอัลตราซาวด์จะค่อนข้างสบายกว่าช็อกเวฟหน่อยค่ะ มันมีแค่ความรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ บ้างในบางช่วง แต่ไม่เจ็บเลย

ระหว่างนั้นแจนก็ถามพี่มุกว่า ระหว่างเครื่องช็อกเวฟกับเครื่องอัลตราซาวด์ มันต่างกันตรงไหน ใช้รักษาในทุกคนเลยมั้ย

พี่มุกก็บอกว่า ไม่เสมอไป บางคนที่เข้ามารักษาใช้แค่เครื่องช็อกเวฟอย่างเดียวก็ได้ หรือบางคนใช้เครื่องอัลตราซาวด์อย่างเดียวก็ได้เหมือนกัน ขึ้นกับลักษณะอาการของแต่ละคนและระยะเวลาความเรื้อรังของอาการด้วย

ในคนที่มีอาการปวดกลุ่มออฟฟิศซินโดรมหนักมากๆ ปวดกล้ามเนื้อมานานเรื้อรังเป็นปี พี่มุกจะแนะนำให้ทำช็อกเวฟมากกว่า ส่วนคนที่ทำอัลตราซาวด์ส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนที่เพิ่งกล้ามเนื้อบาดเจ็บหรืออักเสบมาไม่กี่วันค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องตรวจร่างกายให้ละเอียดอีกทีก่อนถึงจะบอกได้ว่าควรใช้เครื่องอะไรบ้าง

ขั้นตอนที่ 4: เรียนรู้ท่ากายภาพบำบัด

ท่าที่พี่มุกสอนให้แจนกลับไปทำกายภาพบำบัดเองที่บ้านจะแบ่งออกเป็น 4 ท่าด้วยกันค่ะ

ท่าที่ 1: คลายกล้ามเนื้อส่วนคอ ให้รอเอามือกดศีรษะให้เอนหันไปทางซ้ายและขวาข้างละประมาณ 10 วินาทีค่ะ

ท่าที่ 2: ให้กดศีรษะให้เบี่ยงข้าง แต่ไม่ถึงกับหันข้างจนสุด แล้วกดใบหน้าลง ให้ปลายคางเรากดลงไปแถวไหปลาร้า

ท่าที่ 3: ให้เอามือประวานไว้ท้ายทอย แล้วกดศีรษะลง

ท่าที่ 1-3 ตรงนี้ให้ทำซ้ำ ท่าละ 10 ครั้งอย่างสม่ำเสมอค่ะ

ท่าที่ 4: ให้เราเอาหมอนสัก 3 ใบมาตั้งซ้อนกัน จะใช้ลูกบอลสำหรับเล่นโยคะก็ได้นะคะ แล้วเอาลำตัวพิงกับหมอนแบบตะแคงข้าง โดยให้ขายืดเหยียดตรง ศีรษะก็ให้ตั้งตรงเหมือนกัน จากนั้นชูแขนที่อยู่ด้านบนขึ้นตรง หายใจเข้า จากนั้นวางลงแนบข้างลำตัวพร้อมหายใจออก ทำประมาณวันละ 30 ครั้งค่ะ

ท่าที่ 5: ให้ยืดหันข้างให้กับกำแพง เอียงสะโพกเล็กน้อย ยกแขนข้างที่ติดกับผนังเท้ากับสะโพกด้านเดียวกัน แล้วดันสะโพกเข้าหาผนัง จากนั้นกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง ท่านี้จะช่วยปรับให้กระดูกเชิงกรานกลับมาเท่ากันค่ะ ให้ทำวันละ 30 ครั้งเช่นกัน

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เปลี่ยนชุดกลับบ้านได้เลย

ตอนที่แจนกลับออกมาจากคลินิก ก็รู้สึกตัวโล่งเบาสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ แต่พี่มุกกับทีมนักกายภาพบำบัดก็ได้ย้ำกับแจนก่อนเดินทางกลับว่า อย่าลืมทำกายภาพบำบัดตามท่าที่สอนไปด้วย และให้ทำอย่างสม่ำเสมอค่ะ

แจนรู้สึกประทับใจพี่มุกและทีมเจ้าหน้าที่และนักกายภาพบำบัดของ ME Healthy Clinic ทุกคนเลยค่ะที่ช่วยรักษาและให้คำแนะนำในการดูแลตนเองกับแจน ทุกคนให้บริการแบบใส่ใจและอบอุ่นมากเลย จากนี้ไปแจนคงต้องหาเวลาทำกายภาพบำบัดให้กับตัวเองทุกวันอย่าให้ขาดแล้วล่ะค่ะ

ใครที่สนใจอยากทำกายภาพบำบัด หรือกำลังปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและอยากปรึกษาปัญหากับนักกายภาพบำบัดที่เก่งๆ แจนก็แนะนำให้มาทำที่ ME Healthy Clinic เลยนะคะ จองคิวทำนัดหรือดูโปรโมชั่นทำกายภาพบำบัดที่ ME Healthy Clinic ผ่าน HDmall.co.th ได้เลยค่ะ

ข้อมูล Me Healthy Clinic

ขยาย

ปิด

• วันเวลาทำการ: วันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) 10.00-19.00 น. (รับคิวสุดท้าย 18.00 น.)
• วิธีการเดินทาง: BTS สถานีอารีย์ ต่อมอเตอร์ไซค์ไปพระราม 6 ซ. 37 หรือถ้าใช้รถส่วนตัวให้ขับเข้า ซ. 35 ข้างโรงเรียนสามเสน แล้วโค้งไปตามทาง จะพบคลินิกจะอยู่ปาก ซ. ระนอง 1/1
• สถานที่ตั้ง: 175/3 ซ. ระนอง 1 ถ. พระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 ดูแผนที่
• ดูแพ็กเกจจาก Me Healthy Clinic ได้ที่นี่

บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

• กายภาพบำบัด คืออะไร? มีอะไรบ้าง? ใครที่ควรทำ?
• รวมเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการกายภาพบำบัด