สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- ทำไมถึงเลือกใช้บริการนี้: เป็นสิวมาครึ่งชีวิตทำให้ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้าไว้มากมาย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ บวกกับอาการแพ้เครื่องสำอางทำให้ต้องโชว์หน้าสดไปทำงาน
- ทำไมถึงเลือกสถานบริการนี้: มีคนแนะนำโอกาสดีๆ ให้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ #HDreview ค่ะ
- ขั้นตอนการใช้บริการ: พยาบาลจะคลีนหน้าและเช็ดออกให้ค่ะ จากนั้นจะนวดยาชาให้ หลังจากนั้นจะล้างหน้าให้อีกรอบ จากนั้นคุณหมอจะเข้ามายิงเลเซอร์ ซึ่งระหว่างนี้พยาบาลจะช่วยเป่าลมเย็นเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บขณะยิงค่ะ
- ผลลัพธ์ของการใช้บริการ: การทำครั้งแรกหลุมจะตื้นขึ้น 25-30% ภายใน 1 เดือน คุณหมอแนะนำให้ทำ 3-4 ครั้ง และจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจค่ะ
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ SC Clinic
เราเริ่มเป็นสิวครั้งแรกตั้งแต่ ป.4 มาจนถึงวัยทำงาน เรียกได้ว่าเป็นสิวมาครึ่งชีวิตและทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้าไว้มากมาย ไม่ว่าจะหลุมสิว และรูขุมขนกว้าง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ บวกกับอาการแพ้เครื่องสำอางทำให้ต้องโชว์หน้าสดไปทำงาน จึงเกิดความคิดว่าอยากให้ผิวหน้าเรียบเนียนและลองหาข้อมูลจนได้รู้จักกับเจ้า E-Matrix ตัวนี้ พอดีกับมีน้องได้แนะนำโอกาสดีๆ ให้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ #HDreview ค่ะ
เจ้า E-Matrix จะช่วยรักษาหลุมสิว ทำให้รูขุมขนเล็กลง และรักษาแผลเป็นบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ช่วยกระชับผิวหน้า เม็ดสีบนใบหน้าสม่ำเสมอ ซึ่งเครื่องที่ทางคลินิกใช้มีชื่อว่า Elos Plus เป็นหัวทิปทองคำ (Golden
Tip) ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางไปไม่ยากค่ะ ออกจาก MRT เพชรบุรี ทางออก 2 เลี้ยวขวา และเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร จะเจอป้ายคลินิกเดินเข้าเลยค่ะ
การเตรียมตัว
แทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากเลยค่ะ นอกจากการเตรียมใจว่าหลังทำหน้าจะเป็นสะเก็ดอยู่ 2-3 วัน และวางแผนดีๆ ว่าไม่ควรทำกิจกรรมที่โดนแดด เพราะช่วงนั้นผิวจะบอบบางเป็นพิเศษค่ะ
ขั้นตอนการเข้ารับบริการ
หลังจากไปถึงก็ยื่นคูปองที่ได้จาก HDmall.co.th ให้กับพนักงานค่ะ (คูปองเป็นเลขรหัสที่ส่งมาให้ในไลน์ที่คุยกับเจ้าหน้าที่จาก HDmall.co.th ค่ะ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้นั่งรอเข้ารับบริการ ซึ่งระหว่างนั่งรอเข้าห้องเลเซอร์ พนักงานจะนำน้ำและขนมมาเสิร์ฟค่ะ
สักพักพยาบาลจะเรียกเข้าไปในห้องและให้เรานอนบนเตียง หลังจากนั้นพยาบาลจะคลีนหน้าและเช็ดออกให้ค่ะ จากนั้นจะนวดยาชาให้ค่ะ (ปกติจะทาทิ้งไว้) แต่เราไปตอนเย็น คลินิกใกล้จะปิดแล้ว พยาบาลจึงช่วยนวดยาชาให้ เพราะจะใช้เวลาน้อยกว่าค่ะ
ระหว่างนวดพยาบาลจะคอยถามว่ารู้สึกชารึยัง (นวดเบามือ สบายเลยค่ะ) และหลังจากนั้นจะล้างหน้าให้อีกรอบ และเป่าลมเย็นให้ค่ะ (การทำเลเซอร์หน้าต้องแห้งค่ะ) จากนั้นก็จะปิดตาเราเพื่อป้องกันแสงค่ะ หลังนั้นคุณหมอจะเข้ามายิงเลเซอร์ ซึ่งระหว่างนี้พยาบาลจะช่วยเป่าลมเย็นเพื่อช่วยบรรเทา
ความเจ็บขณะยิง ซึ่งคุณหมอน่ารักมากคอยถามตลอดว่าเจ็บไหม ไหวไหม ซึ่งความรู้สึกก็ไม่เจ็บค่ะ ความรู้สึกจี๊ดๆ บริเวณจุดที่ยิงนิดหน่อย หลังทำเลเซอร์เสร็จหน้าจะแดง รู้สึกแสบเล็กน้อย และห้ามล้างหน้าภายใน 24 ชม. จากนั้นล้างน้ำเปล่าได้ค่ะ
ผลลัพธ์หลังจากใช้บริการ
- วันที่ 1 ห้ามล้างหน้าค่ะ (24 ชม. หลังยิงเลเซอร์) ทำให้มีสิวโผล่มาเยี่ยมบ้างเล็กน้อย
- วันที่ 2 แผลเริ่มเป็นสะเก็ดแล้วค่ะ และหลังครบ 24 ชม. ล้างหน้าได้ โดยคุณพยาบาลแนะนำให้ล้างด้วยน้ำเปล่า แต่เรารู้สึกไม่สะอาดและหน้ามันนิดหน่อยจึงใช้ Physiogel สูตรบอบบางสำหรับผิวแพ้ง่ายล้างค่ะ *คุณพยาบาลย้ำเลยว่าห้ามแกะสะเก็ดนะคะ ปล่อยให้สะเก็ดหลุดไปเอง ระหว่างนี้ให้ทายาที่คุณหมอให้ค่ะ (ยาจะช่วยให้สะเก็ดหลุดไวขึ้นค่ะ)
- วันที่ 3 แผลเป็นสะเก็ด และเริ่มมีหลุดลอกไปบ้าง ช่วงนี้เราทายาคุณหมอควบคู่กับ LʼOccitane aqua ค่ะ (ช่วงนี้ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมวิตามินซี หรือ Whitening เพราะจะกัดผิวได้ค่ะ)
- วันที่ 4-5 สะเก็ดหลุดเกือบหมดแล้วค่ะ เรายังคงใช้ LʼOccitane aqua และก่อนนอนเราใช้ Estee Lauder Advanced Night Repair ควบคู่ค่ะการทำครั้งแรกหลุมจะตื้นขึ้น 25-30% ภายใน 1 เดือน คุณหมอแนะนำให้ทำ 3-4 ครั้ง และจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจค่ะ
การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน
ห้ามแกะสะเก็ดเพราะอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นได้ค่ะ ในช่วงสัปดาห์แรกไม่ควรใช้ผลิตภัณที่ผสมวิตามินซี หรือ Whitening นะคะ เพราะจะกัดผิวช่วงนี้หน้าเราจะบางมากไม่ควรถูกแดดเพราะจะไวต่อเม็ดสีผิวของเราค่ะ
สิ่งที่ประทับใจ
คลินิกเงียบสงบและตกแต่งสวยงามค่ะ คุณหมอและพยาบาลน่ารัก คอยให้คำแนะนำและความใส่ใจมากค่ะ
วันรุ่งขึ้นพยาบาลที่ดูแลจะโทรมาสอบแผลเลเซอร์ และให้คำแนะนำในการดูแลรอยแผลเลเซอร์ค่ะ