รีวิวดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยระบบปิด ที่ Bangkok Wellness Medical Clinic

สรุปการรีวิว

ขยาย

ปิด

เรามีปัญหาการขับถ่าย ท้องผูก เคยลองกินพวกมะขามแขกก็แล้ว ใช้ยาช่วยขับถ่ายก็แล้ว แต่พอใช้นานๆ ก็กลัวจะมีปัญหาสารตกค้างในร่างกาย เลยสนใจลองใช้บริการดีท็อกซ์ลำไส้
เรามาทำดีท็อกซ์ที่ Bangkok Wellness Medical Clinic เป็นการดีท็อกซ์ด้วยระบบปิด ระหว่างทำมีพยาบาลคอยดูแลทุกขั้นตอน และคอยนวดหน้าท้องเพื่อให้สิ่งตกค้างถูกเซาะล้างออกได้ดีอีกด้วย
ความรู้สึกระหว่างทำดีท็อกซ์ไม่เจ็บนะคะ แต่จะรู้สึกปวดท้องคล้ายอาการอยากจะถ่าย พี่พยาบาลจะให้เรากลั้นเอาไว้ก่อน ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ เขาจะปล่อยน้ำออก แล้วอาการปวดท้องหน่วงๆ ก้จะหายไปค่ะ
หลังจากทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้เสร็จแล้ว พอกลับไปบ้านก็ขับถ่ายทุกวันเลยค่ะ ถึงจะไม่ได้ขับถ่ายเวลาเดียวกันทุกวันก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างน่าพอใจค่ะ
รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ Bangkok Wellness Medical Clinic
- ดูรายละเอียด ราคาโปรแกรมสวนล้างลำไส้ระบบปิด (Colon Hydrotherapy)
- ดูรายละเอียดแพ็กเกจทั้งหมดจาก Bangkok Wellness Medical Clinic
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth

ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาท้องผูก ขับถ่ายไม่สุด หรือบางทีก็ไม่ถ่ายเลย 2-3 วัน ที่ผ่านมาเราก็ลองหาตัวช่วยมาเยอะมากๆ อะไรที่เค้าว่าดีเราก็ลองมาหมดเลย

มีคนแนะนำให้ลองกินมะขามแขกเพื่อช่วยในการขับถ่ายก็ไม่เห็นผล ใช้ยาช่วยขับถ่ายก็ไม่ดีขึ้น แถมยังกลัวว่าใช้ไปนานๆ จะมีปัญหาสารตกค้างในร่างกายก็เลยหยุดไป จนมีคนมาแนะนำให้ลองไปทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้ดู เผื่อจะดีขึ้นค่ะ

เราก็เลยหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดีท็อกซ์ลำไส้ สวนล้างลำไส้คืออะไร มีแบบไหนบ้าง ก็มาเจอกับข้อมูลที่น่าสนใจมากๆ

สวนล้างลำไส้คืออะไร?

การสวนล้างลำไส้ (Colon Hydrotherapy) คือ การกำจัดสารพิษ สารตกค้าง และสิ่งหมักหมมที่อยู่ในทางเดินอาหารส่วนของลำไส้ ด้วยการปล่อยน้ำบริสุทธิ์เข้าทางทวารหนักเพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับถ่าย และนำของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกมาให้หมด

จากที่หาข้อมูลมา การสวนล้างลำไส้หรือการทำดีท็อกซ์มี 2 แบบหลักๆ คือ สวนล้างลำไส้ระบบปิด และสวนล้างลำไส้ระบบเปิดค่ะ

สวนล้างลำไส้ระบบเปิด เป็นการปล่อยน้ำเข้าไปล้างลำไส้ในช่วง 30 เซนติเมตรสุดท้ายด้วยน้ำประมาณ 1-1.5 ลิตร อาจจะผสมสมุนไพรหรือกาแฟบริสุทธิ์สำหรับทำ Detox โดยเฉพาะขึ้นกับแต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาล หรือจะทำได้เองที่บ้านก็ได้

ซึ่งถ้าเป็นที่โรงพยาบาล ระหว่างทำจะไม่มีใครคอยอยู่ดูแล แต่เค้าจะให้เราบังคับตัวปล่อยน้ำเข้าลำไส้ได้เอง และพอปล่อยน้ำเข้าไปได้สักพักก็ให้กลั้นไว้แล้วปล่อยออกสวนออกมาได้ทันที ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนกว่าน้ำที่เตรียมไว้จะหมด

ส่วนการสวนล้างลำไส้ระบบปิด เป็นการล้างทั่วทั้งลำไส้ใหญ่ที่ปล่อยน้ำเข้าไปได้ลึกกว่า โดยใช้น้ำอุ่นประมาณ 25 ลิตร และจะมีการคุมอุณหภูมิ แรงดัน ปริมาณของน้ำให้ด้วย

แต่การสวนล้างลำไส้แบบปิดจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ในบางคลินิกหรือโรงพยาบาลจะมีการนวดหน้าท้องเพื่อกระตุ้นให้คราบต่างๆ ออกจากลำไส้ได้อย่างหมดจดด้วยค่ะ

จากที่เราศึกษาดูก็สนใจการสวนล้างลำไส้แบบปิดมากๆ เพราะเป็นการสวนล้างลำไส้ครั้งแรกของเรา ก็เลยกลัวและกังวล ถ้ามีคนคอยดูแลอยู่ตลอดก็น่าจะทำให้เรารู้สึกปลอดภัยกว่ามากๆ

พอรู้ว่าอยากจะทำแบบไหน คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนการเลือกดูว่าจะทำดีท็อกซ์ที่ไหนดี สวนล้างลำไส้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านที่ไหนได้บ้าง

จนเรามาเจอกับโปรโมชั่นของโปรแกรมสวนล้างลำไส้ระบบปิด (Colon Hydrotherapy) ที่ Bangkok Wellness Medical Clinic พอเข้ามาอ่านรายละเอียดก็ตรงกับความต้องการของเราพอดี

รีวิวสวนล้างลำไส้ระบบปิด ที่ Bangkok Wellness Medical Clinic (BWMC)

Bangkok Wellness Medical Clinic หรือ BWMC อยู่บนถนนรัชดา-รามอินทรา มีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าคลินิก สะดวกสบายมากๆ ค่ะ

พอมาถึงที่คลินิก เราก็ยื่นหลักฐานการจองคิวให้กับเจ้าหน้าที่ดูก่อน จากนั้นเค้าก็จะพาไปหาพี่พยาบาลเพื่อซักประวัติของเราอย่างละเอียดเลย

เพราะคนที่มีภาวะเสี่ยงเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือด เช่น มีประวัติหัวใจล้มเหลว เป็นโรคหัวใจขาดเลือด มีภาวะเส้นเลือดโป่งพอง มีภาวะเลือดจากรุนแรง ยังไม่สามารถดีท็อกซ์ลำไส้ หรือสวนล้างลำไส้ค่ะ

พี่พยาบาลของ BWMC ก็จะวัดความดันโลหิตเราอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเราพร้อมสำหรับการดีท็อกซ์ลำไส้ สวนล้างลำไส้แล้วหรือยัง

รวมถึงพาเราไปชั่งน้ำหนักเพื่อดูน้ำหนักก่อนทำดีท็อกซ์ พี่พยาบาลบอกว่าหลังจากล้างสิ่งหมักหมมในลำไส้ออกไปแล้ว น้ำหนักเราอาจจะลดลงเล็กน้อยด้วยค่ะ

ใครดีท็อกซ์ลำไส้ สวนลำไส้ไม่ได้?

สำหรับคนที่ยังไม่ควรทำดีท็อกซ์ลำไส้ หรือสวนล้างลำไส้มีดังนี้ค่ะ

เด็กและผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด
ผู้ที่มีประวัติหัวใจวาย
ผู้ที่เป็นลำไส้อักเสบ ลำไส้ทะลุ หรือมะเร็งลำไส้
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ
ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ

นอกจากนี้คนที่มีภาวะเสี่ยงในช่องท้อง เช่น ไส้เลื่อน มีภาวะลำไส้อุดตัน มีเลือดออกทางทวารหนัก หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัดช่องท้องมายังไม่เกิน 6 สัปดาห์ หรือเคยผ่าตัดลำไส้ใหญ่และเปิดลำไส้ออกทางหน้าท้องก็ยังไม่ควรดีท็อกซ์ลำไส้ สวนล้างลำไส้ค่ะ

การเตรียมตัวก่อนทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้

สำหรับการเตรียมตัวก่อนมาทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้ แต่ละคลินิกก็จะให้คำแนะนำแตกต่างกันไปค่ะ แต่จากที่เราหาข้อมูลมาแนะนำว่าควรงดอาหารประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนสวนล้างลำไส้ เพื่อลดความรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวระหว่างทำ

และควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำและจิบน้ำบ่อยๆ ก่อนทำดีท็อกซ์เพื่อไม่ให้เกิดอาการอ่อนเพลียมากหลังจากสวนหลังลำไส้เสร็จแล้ว

ขั้นตอนการทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้ระบบปิดที่ Bangkok Wellness Medical Clinic (BWMC)

หลังจากพูดคุยกับพี่พยาบาลเสร็จแล้ว เค้าก็จะพาเราไปในห้องทำดีท็อกซ์ แล้วก็ให้เปลี่ยนกางเกงเป็นตัวที่สวมใส่สะดวกและถอดออกง่ายตอนทำดีท็อกซ์ค่ะ

ขั้นตอนทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ พี่พยาบาลจะให้เราขึ้นไปนอนบนเตียง เอาผ้าห่มมาคลุมช่วงล่างของเราไว้ แล้วก็อธิบายขั้นตอนการทำดีท็อกซ์แบบละเอียดอีกครั้ง

โดยเค้าจะใส่สายยางที่มีขนาดเล็กมากๆ ทางทวารหนัก แล้วก็จะค่อยๆ ปล่อยน้ำเข้าไปเพื่อให้น้ำไหลไปในลำไส้และชะล้างคราบหมักหมมที่เกาะอยู่ตามผนังลำไส้ค่ะ

อธิบายขั้นตอนกันเสร็จก็เริ่มกันเลยค่ะ เค้าจะให้เราถอดกางเกงออกแล้วก็นอนตะแคงข้างบนเตียง พี่พยาบาลจะทาสารหล่อลื่นที่ปลายสายยาง แล้วก็ค่อยๆ สอดสายยางเข้ามาเบาๆ ค่ะ

ในช่วงแรกเราก็รู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อย แต่พี่พยาบาลก็ชวนคุยให้เราผ่อนคลาย ไม่กังวล ไม่เกร็ง แล้วเค้าก็เริ่มปล่อยน้ำอุ่นๆ เข้ามาค่ะ

ระหว่างปล่อยน้ำเข้ามา เราก็นอนเล่นโทรศัพท์ชิลๆ ได้เลย พี่พยาบาลจะควบคุมแรงดันน้ำให้พอดี เหมาะกับ และปิดน้ำเป็นระยะๆ แล้วก็เข้ามานวดบริเวณหน้าท้องให้เราค่ะ

การนวดหน้าท้องจะช่วยให้น้ำที่อยู่ในลำไส้เซาะผนังลำไส้ ทำให้สิ่งตกค้างต่างๆ หลุดออกได้ง่ายค่ะ

ความรู้สึกระหว่างทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ไม่เจ็บนะคะ แต่จะรู้สึกปวดท้องคล้ายอาการอยากจะถ่าย แต่พี่พยาบาลจะให้เรากลั้นเอาไว้ก่อน ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ เขาจะปล่อยน้ำออก แล้วอาการปวดท้องหน่วงๆ ก้จะหายไปค่ะ

ซึ่งพอเสร็จจากการทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ เค้าก็ปล่อยน้ำออกหมด โล่งมากๆ แล้วพี่พยาบาลก็จะให้เวลาเราจัดการธุระส่วนตัว ขับถ่ายให้เรียบร้อยเพื่อให้สิ่งตกค้างในลำไส้ออกหมดจริงๆ

โดยรวมแล้วการทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ของเราใช้เวลาไปประมาณ 45 นาทีค่ะ

พอออกมาจากห้องทำดีท็อกซ์ พี่พยาบาลก็พาไปชั่งน้ำหนักและวัดความดันอีกรอบ ซึ่งน้ำหนักเราลดลงไปนิดนึงจริงๆ ค่ะ

จากนั้นพี่เค้าก็เอาพรีไบโอติกส์มาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำส้มและน้ำเปล่า เพราะตอนที่เราทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ ร่างกายจะเสียน้ำและจุลินทรีย์ที่ดีออกไปด้วยก็เลยต้องบำรุงกันนิดนึงค่ะ

ที่ต้องบำรุงด้วยพรีไบโอติกส์ก็เพราะว่า จุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วจำนวนมากที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ของคนเรามีหลายชนิด

ถ้าในลำไส้ใครมีจุลินทรีย์หรือโพรไบโอติกส์ชนิดที่ดี และปริมาณเหมาะสม ก็จะเกิดสมดุลในลำไส้ การขับถ่ายดี มีการกำจัดของเสียออกอย่างมีประสิทธิภาพ สุขภาพร่างกายโดยรวมก็จะดีขึ้น

ส่วนเจ้าพรีไบโอติกส์ที่กินเข้าไปเป็นสิ่งไม่มีชีวิต พอเข้าสู่ร่างกายจะไม่ถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก แต่จะถูกส่งต่อไปยังลำไส้ใหญ่ ให้จุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่หรือโพรไบโอติกส์ย่อย

สรุปง่ายๆ ก็คือ พรีไบโอติกส์ เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์นั่นเอง เราเคยอ่านเจอว่า การดูแลสุขภาพลำไส้ให้ดีส่งผลหลายอย่างเลย ตั้งแต่เรื่องผิวพรรณ การนอนหลับ ไปจนถึงสุขภาพจิตเลยค่ะ

ผลลัพธ์หลังทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้ระบบปิด

หลังจากทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้เสร็จแล้ว พอกลับไปบ้านก็ขับถ่ายทุกวันเลยค่ะ ถึงจะไม่ได้ขับถ่ายเวลาเดียวกันทุกวันก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างน่าพอใจค่ะ

พี่พยาบาลแนะนำว่าในช่วงแรกๆ สามารถทำดีท็อกซ์ได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ถ้าไม่ค่อยมีเวลา จะทำดีท็อกซ์เดือนละ 1 ครั้งก็ได้ค่ะ

และที่สำคัญ ที่ BWMC หรือ Bangkok Wellness Medical Clinic เค้ามีโปรโมชั่นอยู่บน HDmall.co.th หลายแพ็กเกจคู่กับโปรแกรมให้วิตามินทางหลอดเลือด หรือการดริปวิตามินเลยค่ะ ใครที่สนใจเราแนะนำให้เลือกโปรแกรมที่เหมาะกับตัวเองเลยนะคะ

โดยส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจบรรยากาศและการให้บริการของคลินิกค่ะ สถานที่สะอาด เป็นสัดเป็นส่วน มีที่นั่งรอให้เรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่คอยบริการหลายคน

ที่สำคัญคือความใส่ใจ อย่างก่อนทำดีท็อกซ์ เจ้าหน้าที่ก็อธิบายรายละเอียดให้ฟังชัดเจนแล้ว พอหลังทำเสร็จ กลับบ้านไปแล้วก็ยังมีการติดตามผลซ้ำอีกว่าทำไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ทำดีท็อกซ์แล้วขับถ่ายดีขึ้นไหม หรือติดปัญหาตรงไหนรึเปล่า

ใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ท้องผูกบ่อยๆ แล้วอยากลองวิธีใหม่ๆ นอกจากดื่มเครื่องดื่ม กินยาที่มีฤทธิ์ระบาย เราแนะนำให้ลองใช้บริการทำดีท็อกซ์แบบเราดูก็ได้นะคะ รับรองว่าประทับใจแน่นอนค่ะ