สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- เรามีปัญหาท้องผูก ถ่ายไม่ออก สัปดาห์นึงถ่ายไม่กี่ครั้ง ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและกังวลว่าตัวเองจะมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ เราเลยอยากไปตรวจเช็กลำไส้ดูค่ะ
- เราเลือกใช้บริการตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์ ที่ โรงพยาบาลวิมุต เนื่องจากเป็นโปรแกรมตรวจที่ตรงจุด โรงพยาบาลเดินทางสะดวก
- ขั้นตอนการตรวจ คุณหมอจะให้กลืนตัวยาที่มีแถบทึบแสง (Sitzmarks Capsule) หลังจากนั้น 5 วันก็เข้ามาตรวจเอกซเรย์ค่ะ
- ผลตรวจที่ออกมา ลำไส้ของเรามีการเคลื่อนตัวช้าและภายในช่องท้องยังมีอุจจาระที่ค้างอยู่ในลำไส้ค่อนข้างเยอะ เลยเป็นเหตุที่ทำให้เรามีอาการท้องผูกค่ะ
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ โรงพยาบาลวิมุต
- ดูรายละเอียด ราคาตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์ ที่ โรงพยาบาลวิมุต
- ดูโปรแกรมทั้งหมดจาก โรงพยาบาลวิมุต บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่
เรามีปัญหาท้องไส้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ มีอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออก สัปดาห์นึงถ่ายไม่กี่ครั้ง ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แอบกังวลว่าตัวเองจะมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้รึเปล่า
ซึ่งปัญหานี้เราก็เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ เวลามีอาการก็จะซื้อยาจากร้านขายยามากินตลอด แต่ยังไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาลแบบจริงจังสักที เพราะคิดว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร
แต่พอเรียนจบ ทำงานเป็นผู้ใหญ่ และอายุมากขึ้น เราก็เริ่มตระหนักได้ว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ จะละเลยเรื่องของสุขภาพแบบตอนเด็กๆ ก็คงไม่ได้แล้ว บวกกับตอนนี้เรามีอาการปวดท้องที่ถี่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
เราเลยตัดสินใจอยากลองไปตรวจระบบลำไส้ของตัวเองดู จะได้รู้ว่าอาการปวดท้อง ท้องผูก และถ่ายไม่ออกที่เป็นอยู่นั้นเกิดจากอะไร ลำไส้ผิดปกติรึเปล่า
จนเราได้มาเจอกับโปรแกรมตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์ ที่ โรงพยาบาลวิมุต ซึ่งโปรแกรมนี้ก็น่าสนใจมากๆ เป็นการตรวจหาสาเหตุท้องผูกได้อย่างตรงจุด แถมโรงพยาบาลก็เดินทางสะดวกมากๆ เราเลยตัดสินใจจองแพ็กเกจนี้ทันทีค่ะ
รีวิวตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์ ที่ โรงพยาบาลวิมุต
พอถึงวันนัดหมาย ก็เดินทางมาที่ โรงพยาบาลวิมุต และติดต่อพี่เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ได้เลยว่ามาใช้บริการตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่
พี่เจ้าหน้าที่จะขอบัตรประชาชนของเราพร้อมกับให้กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อทำประวัติคนไข้ใหม่ก่อน หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้น 5 ศูนย์ทางเดินอาหารและตับได้เลยค่ะ
พอขึ้นมาถึงที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ พี่พยาบาลประจำศูนย์จะพาไปตรวจวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูงก่อน จากนั้นก็เข้าไปพบคุณหมอเพื่อปรึกษาพูดคุยเกี่ยวกับการตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์กันเลย
ตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์คืออะไร?
จากที่คุณหมออธิบายให้ฟัง การตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ด้วยแคปซูล ก็เป็นการกลืนตัวยาที่มีแถบทึบแสง หรือ Sitzmarks Capsule ค่ะ
ซึ่งใน 1 แคปซูลจะมีวงแหวนที่เป็นลักษณะพลาสติกเล็กๆ จำนวน 24 ชิ้นบรรจุอยู่ เพื่อประเมินดูว่าอาหารหรืออุจจาระมีการเคลื่อนตัวเป็นยังไงบ้าง สามารถเคลื่อนตัวได้เร็วหรือช้า
ซึ่งการดูว่าลำไส้ของเราเคลื่อนตัวเป็นยังไง ก็จะดูจากการตรวจเอกซเรย์หลังจากที่กลืนยาไปแล้ว 5 วัน แล้วมาดูกันว่าจำนวนวงแหวนคงเหลืออยู่เท่าไหร่ ถ้าเหลือมากกว่า 20% หรือประมาณ 5 วงขึ้นไป แสดงว่าลำไส้มีการเคลื่อนตัวช้าผิดปกติ อาจต้องเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเป็นโรคอะไรต่อไปค่ะ
ขั้นตอนการกลืนแคปซูล
หลังจากพูดคุยกับคุณหมอเสร็จแล้ว คุณหมอก็จะให้ตัวแคปซูลมา 1 เม็ดค่ะ พร้อมกับแนะนำวิธีการกลืนแคปซูลมาด้วยอย่างละเอียด
ซึ่งวิธีการกลืนแคปซูลก็ไม่ยากเลย คุณหมอบอกว่าให้กลืนแคปซูลพร้อมกับน้ำเปล่าในตอนเช้าหรือหลังอาหารก็ได้ แล้วพอผ่านไป 5 วัน คุณหมอจะทำการนัดให้เข้ามาเอกซเรย์และตรวจดูการเคลื่อนตัวของลำไส้อีกทีค่ะ
ขั้นตอนการเอกซเรย์
หลังจากที่เรากลืนแคปซูลครบ 5 วันแล้ว ก็เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเอกซเรย์กันเลยค่ะ โดยก่อนที่จะเข้าห้องตรวจเอกซเรย์ พี่พยาบาลจะพาไปเปลี่ยนเป็นชุดคลุมของทางโรงพยาบาลพร้อมกับให้ถอดเครื่องประดับบนตัวออกทั้งหมดก่อน เสร็จแล้วก็เข้าห้องตรวจได้เลย
ขั้นตอนการตรวจเอกซเรย์ นักรังสีแพทย์จะให้นอนเหยียดตัวตรงบนเครื่องเอกซเรย์ จากนั้นก็ให้หายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นหายใจค้างไว้แป๊บนึง ระหว่างที่กลั้นหายใจ นักรังสีแพทย์ก็จะกดถ่ายฟิล์มเอกซเรย์เลยค่ะ
โดยรวมใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็เสร็จแล้ว รวดเร็วมากๆ หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนชุดแล้วรอฟังผลตรวจกับคุณหมอได้เลย
ผลตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่
สำหรับผลตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ คุณหมอจะชี้ให้เราดู 2 ส่วนค่ะ คือ ภาพรวมภายในช่องท้อง และจำนวนวงแหวนที่เหลืออยู่
และจากที่คุณหมอนับวงแหวนดูแล้ว จำนวนวงแหวนที่เหลืออยู่ในลำไส้ของเราก็มีทั้งหมด 7 วง ซึ่งเหลือเกิน 20% เท่ากับว่าลำไส้ของเรามีการเคลื่อนตัวช้าผิดปกติ
นอกจากนี้ภายในช่องท้องยังมีอุจจาระที่ค้างอยู่ในลำไส้ค่อนข้างเยอะด้วย เลยเป็นเหตุที่ทำให้เรามีอาการท้องผูกนั่นเองค่ะ
คุณหมอเลยจะจ่ายยาเพื่อเพิ่มการกระตุ้นการบีบตัวและการเคลื่อนตัวของลำไส้ให้ พร้อมกับแนะนำให้เราพยายามอย่ากลั้นอุจจาระ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คุณหมอบอกว่าอาการอาจจะหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วในอนาคตอาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเลยก็ได้ค่ะ
หลังจากได้รู้ผลตรวจและได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ เราก็รู้สึกคิดถูกมากๆ ที่รีบมาตรวจก่อน เพราะถ้าหากปล่อยให้อาการแบบนี้อยู่กับเราไปนานๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคร้ายและรักษาได้ยากกว่าเดิม
บรรยากาศของ โรงพยาบาลวิมุต
บรรยากาศของ โรงพยาบาลวิมุต จะบอกว่าเราชอบบรรยากาศของที่นี่มากๆ เลยค่ะ โรงพยาบาลตกแต่งสวยงาม ดูทันสมัย ที่สำคัญคือสะอาดมากๆ เข้าไปแล้วไม่รู้สึกน่ากลัวเหมือนโรงพยาบาลสมัยก่อนเลยค่ะ
นอกจากบรรยากาศที่ดีแล้ว การให้บริการของที่นี่ก็ดีไม่แพ้กันค่ะ เจ้าหน้าที่ พยาบาล รวมถึงคุณหมอให้การต้อนรับดีมาก พูดจาไพเราะ ให้คำแนะนำอย่างละเอียด โดยรวมแล้วประทับใจจริงๆ ค่ะ
สำหรับใครที่มีอาการท้องผูก ปวดท้องบ่อย ขับถ่ายไม่ค่อยออก อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้อยู่กับเราไปนานๆ นะคะ ทางที่ดีรีบมาตรวจไว้ก่อนดีกว่า ขั้นตอนการตรวจไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ
ใครที่สนใจสามารถเข้าไปจองแพ็กเกจตรวจการเคลื่อนตัวของลำไส้ใหญ่ ด้วยแคปซูลและเอกซเรย์ ที่ โรงพยาบาลวิมุต ผ่าน HDmall.co.th ได้เลยค่ะ ในนี้เค้ามีโปรโมชั่นราคาพิเศษอยู่ แถมขั้นตอนการจองก็ง๊ายง่าย มีแอดมินคอยดูแลให้หมด พลาดไม่ได้เด็ดขาดค่ะ