สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- Geneus DNA คือ นวัตกรรมตรวจดีเอ็นเอโดยวิเคราะห์จากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในน้ำลายผลตรวจสามารถบ่งบอกถึง พรสวรรค์ อาการแพ้ต่อสิ่งแวดล้อม การตอบสนองต่อยา และชาติกำเนิดที่แท้จริง
- วิธีการตรวจทำได้โดยใช้ก้านฟองน้ำนุ่มๆ ถูบริเวณกระพุ้งแก้ม จุ่มก้านฟองน้ำลงไปในหลอดน้ำยาและปิดฝาให้สนิท ก่อนส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
- ผลตรวจจาก Geneus DNA ใช้เวลาในการรอผลเพียง 2 สัปดาห์ สามารถติดตามสถานะและอ่านการรายงานผลได้จากอีเมลที่ลงทะเบียนหรือจากแอปพลิเคชัน Geneus DNA
- บทความนี้ได้รับการสปอนเซอร์จาก Geneus DNA แพทย์ผู้ให้ข้อมูลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาหรือการซื้อขายแพ็กเกจ #HDinsight
- ดูโปรแกรมทั้งหมดจาก Geneus DNA บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่
หลายคนคงทราบกันดีว่า ดีเอ็นเอ (DNA) คือ สารพันธุกรรมขนาดเล็กที่มีหน้าที่สำคัญในการถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น
ไม่ว่าจะเป็นสีของดวงตา ลักษณะของเส้นผม หรือการมีลักยิ้ม ซึ่งหากพูดถึงการตรวจดีเอ็นเอก็คงหนีไม่พ้นที่จะคิดว่านี่เป็นการตรวจเพื่อพิสูจน์ความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่รู้หรือไม่ว่าการตรวจดีเอ็นเอทำได้มากกว่าที่คุณคิด
เพราะนอกจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแล้ว อาการแพ้อาหาร แพ้ยา รวมถึงพรสวรรค์ต่างๆ ก็สามารถส่งต่อกันผ่านดีเอ็นเอได้
ปัจจุบันจึงมีการประยุกต์การตรวจดีเอ็นเอในการตรวจอาการแพ้ รวมถึงใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนสุขภาพ ที่สำคัญคือตรวจเพียงครั้งเดียวสามารถนำผลไปใช้ได้ตลอดชีวิตด้วย
HDmall ร่วมกับ ทันตแพทย์อานนท์ กิจนิตย์ชีว์ หรือคุณหมอวิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเนียส เจเนติกส์ จำกัด เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโปรแกรม Geneus DNA แบบเจาะลึก พร้อมไขข้อสงสัยไปพร้อมๆ กันว่าทำไมคุณจึงไม่ควรพลาดโปรแกรมนี้!
Geneus DNA คืออะไร?
Geneus DNA คือ นวัตกรรมการตรวจดีเอ็นเอโดยวิเคราะห์จากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในน้ำลาย ก่อนนำผลที่ได้มาสรุปข้อมูลว่าร่างกายของเรามีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ อย่างไรบ้าง
หากสิ่งไหนที่ร่างกายมีการตอบสนองผิดปกติ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะแพ้สิ่งนั้น รวมถึงสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พรสวรรค์ที่มาจากพันธุกรรม และสามารถนำผลตรวจมาประยุกต์ใช้เพื่อวางแผนรักษาสุขภาพได้อีกด้วย
โดยคนส่วนใหญ่ที่เลือกตรวจ Geneus DNA มักอยากทราบถึงข้อมูลต่างๆ ดังนี้
- ความเสี่ยงในการเกิดโรค โดย Geneus DNA สามารถประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ครอบคลุม 11 โรค เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคเบาหวาน
- สารอาหารและวิตามินที่ควรได้รับ เป็นการตรวจเพื่อให้ทราบว่าร่างกายขาดวิตามินหรือสารอาหารอะไรบ้าง โดยการตรวจนี้จะต้องตรวจเจาะลึกถึงระดับยีนเลยทีเดียว เช่น การตรวจยีน BCMO1จะทำให้ทราบถึงความต้องการ วิตามินเอ (Vitamin A)
- ความไวต่ออาหารแต่ละชนิด การตรวจชนิดนี้จะทำให้เราเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร่างกายตอบสนองอย่างรวดเร็วได้ เช่น ความไวต่อแล็กโทสในนมวัว การตอบสนองต่อกลูเตน
- หาพรสวรรค์ หรืออาจเรียกอีกอย่างได้ว่า “ความเชี่ยวชาญที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด” เช่น ความสามารถทางด้านภาษา ประสิทธิภาพความจำ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งการทราบพรสวรรค์ของตัวเองก็สามารถนำมาปรับใช้และพัฒนาทักษะได้
- หาเชื้อชาติกำเนิด ข้อมูลนี้จะทำให้ทราบชาติกำเนิดที่แท้จริง ที่ไม่ได้มาจากพ่อ-แม่เพียงเท่านั้น แต่ยังย้อนไปจนถึงบรรพบุรุษต้นตระกูล
การตรวจ Geneus DNA สามารถตรวจได้ทุกช่วงวัย เพราะรหัสพันธุกรรมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่ว่าจะตรวจในช่วงอายุเท่าไหร่ก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดิม
วิธีการเก็บตัวอย่าง DNA
วิธีการเก็บตัวอย่าง DNA ของ Geneus DNA ทำได้โดยการใช้ก้านฟองน้ำนุ่มๆ ถูที่บริเวณกระพุ้งแก้ม 15 ครั้ง ก่อนจุ่มก้านฟองน้ำลงไปในหลอดน้ำยาและปิดฝาให้สนิท จากนั้นทางห้องปฏิบัติการจะนำเยื่อบุกระพุ้งแก้มและน้ำลายที่ได้ มาตรวจวิเคราะห์และทำการสรุปผลต่อไป
โดยคุณหมอแนะนำเพิ่มเติมว่า หากต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก่อนการเก็บตัวอย่างผู้รับบริการควรงดน้ำ งดอาหารประมาณ 30 นาที ซึ่งรวมถึงการเคี้ยวหมากฝรั่งและการสูบบุหรี่ด้วย
หลังตรวจดีเอ็นเอต้องรอผลนานแค่ไหน?
หลังเก็บตัวอย่างแล้ว ผู้รับบริการจะต้องส่งตัวอย่างกลับไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการของประเทศสหรัฐอเมริกาและทำการวิเคราะห์ผลโดยผู้ชำนาญการทางวิทยาศาสตร์พันธุศาสตร์ ทำให้อาจใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะทราบผล
โดยหลังจากผู้ชำนาญการทำการตรวจวิเคราะห์ผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว รายงานผลตรวจจะถูกส่งมายังอีเมลที่ใช้ในการลงทะเบียน รวมถึงมีการแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชัน Geneus DNA ด้วย ซึ่งข้อมูลจะอยู่ถาวร ทำให้สามารถอ่านผลตรวจได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง
ผลตรวจจาก Geneus DNA เชื่อถือได้ไหม?
ผลตรวจจาก Geneus DNA สามารถเชื่อถือได้ เพราะผลตรวจแต่ละรายการถูกวิเคราะห์ผลโดยทีมแพทย์ ผู้ชำนาญการ และอ้างอิงจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พันธุศาสตร์ และการแพทย์ระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานอื่นๆ ที่ Geneus DNA ยึดมั่นและบังคับใช้เพื่อการควบคุมคุณภาพรวมถึงความแม่นยำของผลตรวจ ได้แก่
- ใช้ห้องแล็บมาตรฐานสากล CAP และ CLIA ได้การยอมรับจากทั่วโลกเท่านั้น
- อุปกรณ์ตรวจนำเข้าจากแคนาดา ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา
- ตรวจยีนจำนวนกว่า 2 หมื่นยีน โดยใช้เทคโนโลยี Whole Genome Wide Array
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผลตรวจจาก Geneus DNA จึงมีความถูกต้องเที่ยงตรง สามารถนำไปใช้ในวางแผนและประยุกต์ใช้ในการพัฒนาทักษะจากพรสวรรค์ได้กับทุกเพศทุกวัย
โปรแกรม Geneus DNA มีกี่แบบ?
โปรแกรม Geneus DNA มีทั้งหมด 3 โปรแกรมหลักๆ ดังนี้
- โปรแกรม Geneus DNA Standard มีรายการตรวจรวม 250 รายการ สามารถตรวจหาพรสวรรค์ ความไวต่อมลพิษ โรคทางพันธุกรรม และดีเอ็นเอชาติกำเนิดได้
- โปรแกรม Essential DNA มีรายการตรวจรวม 317 รายการ สามารถตรวจวิเคราะห์สุขภาพ การออกกำลังกายที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล ความเสี่ยงของการเกิดโรค และภาวะแพ้ได้ โดยโปรแกรมนี้สามารถสั่งซื้อได้ผ่าน HDmall เท่านั้น
- โปรแกรม Geneus DNA Premium มีรายการตรวจมากกว่า 500 รายการ นอกจากจะมีรายการตรวจมากกว่าโปรแกรมอื่นๆ ก่อนหน้าแล้ว จุดเด่นของโปรแกรมนี้ คือ สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรคมะเร็งจากพันธุกรรมและสามารถพูดคุยปรึกษาผลตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงผลตรวจที่ได้รับยังมีการอัปเดตอยู่เสมอด้วย
6 จุดเด่นของ Geneus DNA ที่หลายคนสนใจ
จุดเด่นของโปรแกรม Geneus DNA มีมากมายหลายอย่าง โดยเราได้ยก 6 จุดเด่นที่น่าสนใจมาดังนี้
1. การตรวจพรสวรรค์ 12 ด้าน
สำหรับการตรวจดูพรสวรรค์ทั้ง 12 ด้าน เหมาะกับผู้ปกครองที่อยากวางแผนการเรียนให้บุตรหลาน รวมถึงเป็นตัวช่วยในการเลือกพัฒนาทักษะที่เป็นพรสวรรค์ให้โดดเด่นขึ้น โดยการตรวจดีเอ็นเอเพื่อดูพรสวรรค์ สามารถวิเคราะห์ทักษะต่างๆ ได้ดังนี้
- ความสามารถด้านอ่านและการพูด (Reading and Spelling Ability)
- ความสามารถด้านความจำ (Memory Ability)
- ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ (Mathematical Ability)
- ความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory)
- ความสามารถด้านดนตรี (Musical Ability)
- ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
- ความเฉลียวฉลาด (Intelligence)
- ทักษะการทำงานหลายอย่าง (Multi-tasking Skills)
- การมีสมาธิจดจ่อกับงาน (Task Attention)
- ความสามารถด้านภาษา (Language)
- กีฬา Power (Power)
- กี่ฬา Endurance (Endurance)
ผลตรวจจะออกมาในรูปแบบไหน?
ผลตรวจจากการตรวจพรสวรรค์จะออกมาในรูปแบบกราฟทั้ง 12 ด้าน แบ่งคะแนนออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
- ปกติ (Normal) มีทักษะเหมือนกับคนทั่วไป
- ดีกว่าคนทั่วไป (Excellent)
- พรสวรรค์ (Gifted) มีทักษะเด่น หรือพรสวรรค์ที่ส่งผลมาจากพันธุกรรม
ทำไมเราจึงทราบพรสวรรค์จากการตรวจดีเอ็นเอได้ ?
การตรวจดีเอ็นเอนั้นแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่ การตรวจเพียงไม่กี่ตำแหน่ง (Monogenic) โดยจะเจาะจงไปที่ยีนที่ส่งผลกับการทำงานของคนเราค่อนข้างสูง เช่น การตรวจยีน COMT เพื่อดูทักษะการควบคุมสมาธิ
ยีนชนิดนี้มีหน้าที่สำคัญในการกระตุ้นการหลั่งโดพามีน ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมการทำงานของสมองส่วนหน้า ทำให้ผู้ที่มียีนนี้ในลักษณะที่ต่างกันจึงมีการควบคุมสมาธิที่แตกต่างกัน
และอีกรูปแบบ คือ การตรวจดีเอ็นหลายๆ ตำแหน่งรวมกัน (Polygenic) แต่ละตำแหน่งจะถูกเก็บข้อมูลในรูปแบบของตัวเลข ซึ่งหากนำตัวเลขจากหลายๆ ตำแหน่งมาดูถึงความเชื่อมโยงกันแล้ว ก็จะสามารถทำให้เราวิเคราะห์พรสวรรค์ออกมาได้ เช่น พรสวรรค์ทางด้านดนตรี เกิดจากการมียีนความสามารถในการฟัง และยีนความสามารถในการแยกตัวโน้ตนั่นเอง
ข้อดีของการรู้พรสวรรค์
การที่รู้พรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก ทำให้ผู้ปกครองสามารถเตรียมความพร้อมล่วงหน้าได้ว่าบุตรหลานมีแนวโน้มหรือถนัดในส่วนไหนเป็นพิเศษและนำไปพัฒนาทักษะต่อไป
ส่วนผู้ใหญ่หากรู้ว่าพรสวรรค์ของตัวเองว่าถนัดอะไรแล้วนำไปพัฒนา ทักษะนั้นอาจช่วยให้เรานำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานและทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ทั้งนี้การทดสอบพรสวรรค์ด้วยวิธีตรวจดีเอ็นเอ ก็เป็นแค่การอาศัยข้อมูลทางพันธุกรรมเท่านั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบุคคลนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะ เช่น สภาพแวดล้อมทางครอบครัว การศึกษา และการฝึกฝน
2. การตรวจหาเชื้อสายบรรพบุรุษ
การตรวจหาเชื้อสายบรรพบุรุษ ช่วยให้เราทราบถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของตัวเองได้ โดยผลตรวจของการตรวจเชื้อสายบรรพบุรุษจะแสดงเป็นแผนที่โลก พร้อมระบุเปอร์เซ็นต์ของเชื้อสายบรรพบุรุษที่เรามี เช่น หากมีบรรพบุรุษอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ก็จะมีการระบุว่าเป็นภูมิภาคไหนของเอเชีย รวมถึงมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับการอพยพย้ายถิ่นฐานประกอบด้วย
3. การตรวจดูการตอบสนองต่อยา
การตรวจดูการตอบสนองต่อยา มีประโยชน์ในการนำมาใช้ปรับขนาดของยาที่ทานอยู่ให้มีปริมาณที่เหมาะสม หรือในอีกกรณีหนึ่งคือตรวจเพื่อให้ทราบว่ามียาชนิดใดบ้างที่เราแพ้อยู่
ซึ่งโปรแกรม Geneus DNA สามารถตรวจสอบยาได้หลากหลายประเภท เช่น ยาต้านไวรัส ยารักษาโรคระบบภูมิคุ้มกัน ยารักษาอาการซึมเศร้า ยาเคมีบำบัด และยาที่ใช้ทางวิสัญญี
ผลตรวจจะออกมาในรูปแบบไหน?
สำหรับผลตรวจของการปรับขนาดยา จะมีเกณฑ์วัด 3 ระดับคือ ใช้ยาได้ปกติ (Normal Use) ควรเพิ่มขนาดยา (Increase Dose) และควรลดขนาดยาลง (Decrease Dose) ทั้งนี้การปรับขนาดของยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
ส่วนผลตรวจของการแพ้ยา จะออกมาในรูปแบบของการระบุความเสี่ยงว่าจะแพ้ยาหรือไม่ รวมทั้งมีการสรุปเป็นรายชื่อยาที่เราควรหลีกเลี่ยงด้วย
ถ้าหากแพ้ยาบางชนิดอยู่ แล้วผลตรวจบอกว่าไม่มีความเสี่ยงต่อการตอบสนองยา เป็นผลมาจากอะไร?
หากผู้ที่มีอาการแพ้ยาบางชนิดอยู่ แต่ผลตรวจกลับไม่มีข้อมูลว่าแพ้ยา กรณีนี้เป็นผลมาจากการที่ยังไม่ได้ทดสอบลักษณะทางพันธุกรรมทุกยีนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองยา จึงอาจมียีนที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่ถูกค้นพบและยังไม่มีรายงานผล
รวมถึงอาจมีปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น อายุ น้ำหนัก ปัญหาสุขภาพ โรคประจำตัว และปฏิกิริยาระหว่างยาแต่ละชนิดก็อาจส่งผลต่อการเกิดอาการแพ้ได้
4. การตรวจดูภูมิแพ้สิ่งแวดล้อม
การตรวจภูมิแพ้สิ่งแวดล้อม สามารถทำให้เราทราบถึงภูมิแพ้แมลงสาบ ภูมิแพ้ไรฝุ่น ภูมิแพ้รังแคของสัตว์เลี้ยง ภูมิแพ้ละอองเกสร และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้
โดยการตรวจภูมิแพ้สิ่งแวดล้อม จะมีเกณฑ์วัด 4 ระดับ คือ
- แนวโน้มจะมีอาการภูมิแพ้
- แนวโน้มที่จะแพ้มากกว่าคนทั่วไป
- มีความเสี่ยงที่จะแพ้
- มีความเสี่ยงที่จะแพ้มากกว่าคนทั่วไป
ซึ่งถ้าหากรู้ผลตรวจว่าแพ้อะไรแล้ว ทาง Geneus DNA จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำในการปรับไลฟ์สไตล์หรือวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ ด้วย
การตรวจดีเอ็นเอแตกต่างจากการตรวจภูมิแพ้รูปแบบอื่นอย่างไร?
สำหรับการตรวจภูมิแพ้แบบเจาะเลือด เป็นการตรวจที่สามารถบอกถึงสารก่อภูมิแพ้ได้แทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ฝุ่นละออง หรือขนสัตว์ ส่วนการตรวจแบบสะกิดผิวหนัง เป็นวิธีตรวจผ่านการสังเกตอาการของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ
และการตรวจดีเอ็นเอ เป็นการตรวจภูมิแพ้จากปัจจัยที่มีผลมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม จึงมักใช้เพื่อดูแนวโน้มและความเสี่ยงของการแพ้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อาการแพ้บางรายการอาจไม่ปรากฏเมื่อตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีอื่นๆ แต่กลับปรากฏหลังจากตรวจดีเอ็นเอ เพราะฉะนั้นการตรวจดีเอ็นเอเลยถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ทราบถึงอาการแพ้ได้อย่างละเอียดมากขึ้น
ทั้งนี้การตรวจวิเคราะห์ปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมกับสิ่งแวดล้อมเป็นเพียงการวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจวินิจฉัยโรค ทำให้ผลที่ออกมาอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ แต่เกิดขึ้นได้น้อย
5. การตรวจดูความไวต่อมลพิษ
การตรวจดูความไวต่อมลพิษ สามารถตรวจได้หลายด้าน เช่น ความไวต่อมลพิษทางอากาศ ความไวต่อควันบุหรี่ และความไวต่อมลพิษบนท้องถนน
โดยผลวิเคราะห์ของการตรวจดูความไวต่อมลพิษ จะแสดงผลออกมาว่าเรามีความไวต่อมลพิษด้านไหนเป็นปกติหรือมีความไวเป็นพิเศษ
หากมีความไวต่อมลพิษนั้นๆ จะส่งผลเสียอะไรกับสุขภาพบ้าง?
สำหรับมลพิษ ไม่ว่าใครที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายก็ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งนั้น แต่ผู้ที่มีพันธุกรรมไวต่อมลพิษนั้นๆ จะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคร้ายอื่นๆ ขึ้นได้อีกในอนาคต เช่น หอบหืด และมะเร็ง
6. การตรวจดูความไวต่ออาหารและโภชนาการ
การตรวจดูความไวต่ออาหารและโภชนาการ สามารถตรวจได้ถึง 11 ชนิด ยกตัวอย่างเช่น
- การตรวจหาความไวต่อคาเฟอีน ในร่างกายเราจะมียีนที่ทำหน้าที่หรือกำจัดคาเฟอีนต่อร่างกาย คือ ยีน CYP1A2 ซึ่งเป็นยีนที่ควบคุมการสร้างเอนไซม์สลายคาเฟอีน หากร่างกายสลายคาเฟอีนได้ไม่หมดอาจนำไปสู่การเกิดโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจได้
- การตรวจหาความไวต่อแล็กโทส น้ำตาลแล็กโทสเป็นน้ำตาลที่อยู่ในนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด การตรวจดีเอ็นเอจะช่วยให้ทราบได้ว่าเราสามารถผลิตเอนไซม์ที่ย่อยแล็กโทสได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากผลิตได้น้อยก็ทำให้แล็กโทสไม่ย่อย จึงท้องเสียได้ง่ายหลังจากดื่มนมนั่นเอง
- การตรวจหาความไวต่อแอลกอฮอล์ ในร่างกายของเราจะมียีนที่เรียกว่า ALDH2 ทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่เกิดขึ้นในกระบวนการกำจัดแอลกอฮอล์ในตับ ซึ่งสารพิษที่เกิดจากแอลกอฮอล์นี้มีชื่อว่า "อะซิทัลดีไฮด์" (Acetaldehyde) หากใครที่ไม่มียีนนี้ก็จะทำให้หน้าแดงคอแดง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหลอดอาหารมากกว่าผู้ที่ไม่มีความไวต่อแอลกอฮอล์มากถึง 8-9 เท่า
ผลตรวจจะออกมาในรูปแบบไหน?
ผลตรวจของความไวต่ออาหารและโภชนาการ จะออกมาในหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับอาหารชนิดนั้นๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ไวต่อสิ่งเร้า และไม่ไวต่อสิ่งเร้า เช่น ความไวต่อคาเฟอีน ความไวต่อแล็กโทส ความไวต่อแอลกอฮอล์ ความไวต่อกลูเตน ความไวต่อรสหวานหรือพฤติกรรมติดหวาน และการตรวจหายีนอ้วนหรือยีนที่มีผลต่อพฤติกรรมอิ่มช้า
สามารถนำผลตรวจไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง?
การตรวจความไวต่ออาหารและโภชนาการ สามารถนำผลตรวจมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
โดยเลือกรับประทานอาหารชนิดอื่นๆ ที่ให้รสชาติและสารอาหารใกล้เคียงกันทดแทน เนื่องจากอาหารบางชนิดหากรับประทานในปริมาณมากและสะสมกันเป็นระยะเวลานาน ก็อาจนำไปสู่การเกิดโรคได้
ทราบผลตรวจความไวต่ออาหารและโภชนาการดีอย่างไร?
สำหรับร่างกายของคนเราตอบสนองต่ออาหารต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลการตรวจดีเอ็นเอจะช่วยให้เราทราบว่าอาหารชนิดใดที่รับประทานแล้วส่งผลดีต่อร่างกายเราเป็นพิเศษ ในทางกลับกันอาหารบางชนิดก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจก่อให้เกิดโรคได้ในอนาคต
คิดว่าหลายคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ต้องรู้สึกเหมือนกันแน่ๆ ว่าการตรวจดีเอ็นเอสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเราได้มากกว่าที่คิด
ที่สำคัญโปรแกรมตรวจ Geneus DNA สามารถใช้ผลตรวจได้ตลอดชีวิต ทำให้ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถนำผลตรวจไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับช่วงวัยได้เลย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสนใจที่จะตรวจ Geneus DNA สามารถสั่งซื้อชุดตรวจได้เลย ไม่ว่าจะเป็นผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง HDmall.co.th
หรือใครอยากแวะมาเยี่ยมชม Geneus DNA Store ก็มีให้เลือกใช้บริการถึง 3 สาขา ได้แก่ สาขาสยามสแควร์วัน ไอคอนสยาม และซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์
เช็กราคาและเลือกซื้อโปรแกรมตรวจ DNA จาก Geneus DNA ได้ในราคาพิเศษที่ HDmall.co.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @hdcoth