ใบหน้าที่มีโหนกคิ้วโค้งมล ดูดอ่อนเยาว์ มีรูปทรงสวยได้สัดส่วน และรับกับโครงหน้า อาจเป็นหนึ่งในความต้องการของใครหลายคน
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนดูแก่กว่าวัยได้ ก็คือโหนกคิ้วที่สูงเกินไป ซึ่งจะทำให้ดูเหมือนเคร่งเครียดตลอดเวลา และดูมีอายุ หรือบางคนอาจทำให้ตาดุ ตาเล็กไปเลยก็มี อีกทั้งยังทำให้มีโครงหน้าเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
การกรอโหนกคิ้วเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมทำกันอย่างมาก สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้และมีความปลอดภัย ทำให้ใบหน้าดูหวาน ได้สัดส่วน มีความละมุนยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี HDmall.co.th ได้รวบรวมข้อมูลมาให้อย่างละเอียดสำหรับผู้สนใจ
สารบัญ
โหนกคิ้วคืออะไร?
โหนกคิ้ว (Superciliary Arches) เป็นส่วนนูน 2 อันที่อยู่ใต้เนินหน้าผาก มีร่องคั่นระหว่างเนินหน้าผากและโหนกคิ้ว ตรงกลางของโหนกคิ้วทั้งสองข้างมีลักษณะเป็นโพรง ที่เรียกว่าโพรงไซนัส (Frontal Sinus) โหนกคิ้วที่ไม่นูนสูงมีความโค้งมนรับกับหน้าผากพอดี จะทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่ดีและมีความละมุนสวยได้
โหนกคิ้วสูงเกิดจากสาเหตุอะไร?
การที่มีโหนกคิ้วสูงนั้น เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุด้วยกันดังนี้
- โครงสร้างของโหนกคิ้ว โดยปกติทั่วไปผู้ชายจะมีโหนกคิ้วสูงกว่าผู้หญิง
- การมีเชื้อชาติของชาวตะวันตก ซึ่งชาวตะวันตกจะมีโหนกคิ้วที่สูง และดวงตาลึกมากกว่าคนเอเชีย
- กรรมพันธุ์ หากบิดามารดามีโหนกคิ้วสูง บุตรก็อาจมีโหนกคิ้วสูงด้วย
- เนื้องอกของกระดูก หากมีลักษณะที่โตผิดปกติ จะทำให้เกิดเกิดการดันตัวของกระดูกโหนกคิ้วให้นูนสูงขึ้น
- อายุที่มากขึ้น จะส่งผลให้กระดูกหน้าผากเกิดการยุบตัวหรือฝ่อลง จนทำให้เห็นกระดูกโหนกคิ้วนูนชัดมากขึ้น
- อุบัติเหตุ กระดูกโหนกคิ้วที่เกิดการปูดบวมจากอุบัติเหตุ จะทำให้ร่างกายมีการสร้างกระดูกงอกขึ้นมาทดแทนเพื่อซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย จนทำให้โหนกคิ้วนูนสูงขึ้นมาได้
- โพรงไซนัสบริเวณคิ้วเกิดการขยายตัวจนทำให้บริเวณโหนกคิ้วนูนขึ้น
กรอโหนกคิ้วคืออะไร?
การกรอโหนกคิ้ว (Brow Bossing Surgery) เป็นการผ่าตัดปรับโครงหน้าตรงส่วนของหน้าผากด้วยการลดขนาดและความคมชัดของกระดูกโหนกคิ้วที่สูง เพื่อให้มีความโค้งมนและได้สัดส่วนที่สวยงามรับกับใบหน้า ซึ่งจะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1-3 ชั่วโมง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงหน้าและโหนกคิ้วของผู้รับบริการที่แตกต่างกัน และเพื่อความปลอดภัย จะต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
กรอโหนกคิ้วช่วยอะไรได้?
การกรอโหนกคิ้วสามารถช่วยแก้ไขปัญหาของโหนกคิ้วบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี
- ลดขนาดของกระดูกโหนกคิ้ว
- ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนโยน มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น และแลดูอ่อนเยาว์
- ช่วยปรับแก้ไขใบหน้าที่มีตาโหล เบ้าตาลึก
- ทำให้โหนกคิ้วโค้งมนได้สัดส่วนที่สวยงาม
- ทำให้มีระยะห่างระหว่างคิ้วและตากว้างขึ้น
- ทำให้ดวงตาดูโตขึ้น มีชั้นตาชัด
- ทำให้ผู้ที่แปลงเพศจากชายเป็นหญิง มีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนมากขึ้น
กรอโหนกคิ้วเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีต้องการปรับกระดูกโหนกคิ้วให้โค้งมน มีใบหน้าดูอ่อนหวานเป็นผู้หญิงมากขึ้น
- ผู้ที่มีกระดูกโหนกคิ้วนูนสูง ดูหนา และใหญ่เห็นได้ชัด จนทำให้เบ้าตาลึก
- ผู้ที่มีใบหน้าดูแข็งคล้ายผู้ชาย ต้องการปรับโครงหน้าบริเวณคิ้วให้ได้สัดส่วนบนใบหน้าเป็นแบบผู้หญิง
- ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าผากแต่กระดูกโหนกคิ้วสูงมากเกินไป จะต้องกรอโหนกคิ้วร่วมด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ที่มีกระดูกโหนกคิ้วสูงบนใบหน้าแล้วทำให้ดูเหมือนเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา มีหน้าตาไม่สดใส
กรอโหนกคิ้วไม่เหมาะกับใคร?
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
- ผู้ที่มีแผลติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อน
การเตรียมตัวก่อนกรอโหนกคิ้ว?
เมื่อตัดสินใจที่จะกรอโหนกคิ้วแล้ว ต้องเตรียมตัวดังต่อไปนี้
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ ประมาณ 1 เดือน ก่อนวันผ่าตัด
- งดใส่คอนแทคเลนส์ และเครื่องประดับทุกชนิดในวันผ่าตัด
- งดใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้าในวันผ่าตัด เพราะถ้าหากล้างหน้าไม่สะอาด อาจจะทำให้ติดเชื้อได้
- งดรับประทานอาหารและงดดื่มน้ำ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดทานสมุนไพร วิตามิน และอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี วิตามินเอ น้ำมันตับปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวันผ่าตัด เพราะอาจเป็นเหตุให้เลือดออกง่าย และออกมากกว่าปกติ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะต้องคุมอาการของโรคเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวันผ่าตัด
- กรณีเป็นโรคในกลุ่มหลอดเลือดตีบหรือหัวใจอุดตัน จะต้องปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษาโรคอยู่ก่อน เพราะจะต้องงดรับประทานยาในกลุ่มยาที่ต้านเกล็ดเลือด และยาละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวันผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะเลือดไหลออกง่ายในระหว่างการผ่าตัด
- หากมีประวัติการแพ้ยาที่รับประทาน หรือยาชา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนนัดหมายผ่าตัด
- หากมีอาการเจ็บป่วยไม่สบาย เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ เป็นหวัด ตาแดง มีแผลติดเชื้อ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างน้อย 2 วัน ก่อนวันผ่าตัด
- หากมีการทาเล็บและต่อเล็บ ให้ทำความสะอาดล้างสีเล็บและถอดเล็บต่อ ก่อนวันผ่าตัด
- ทำความสะอาดร่างกาย เช่น อาบน้ำ สระผม ล้างหน้าให้เรียบร้อย ในวันผ่าตัด
- สวมเสื้อผ้าที่เป็นกระดุมหน้า ที่ใส่สบายและหลวม เพื่อจะได้ถอดใส่ง่าย และไม่สวมเสื้อผ้าที่มีโลหะนำไฟฟ้า ในวันผ่าตัด
- เตรียมวันหยุด เพื่อพักฟื้นที่บ้านหลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
- เตรียมความพร้อมด้านภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดจะมีอาการบวม ซึ่งต้องใช้เวลากว่าที่แผลจะหาย หรือทำความเคยชินกับใบหน้าใหม่
- ควรไปก่อนเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อการเตรียมตัวผ่าตัด
- พาเพื่อนหรือญาติมาด้วยในวันผ่าตัด เพื่อช่วยดูแลและพากลับบ้าน
ขั้นตอนการกรอโหนกคิ้ว
ก่อนวันนัดกรอโหนกคิ้ว แพทย์จะนัดให้ผู้รับบริการมาตรวจร่างกาย และตรวจเลือดก่อนรับการผ่าตัด และในบางกรณีผู้รับบริการอาจจะต้องอยู่ฟักฟื้น 1-2 คืน เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายและใช้ยาลดอาการปวดก่อนผ่าตัดในการกรอโหนกคิ้ว ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการกรอโหนกคิ้ว มีดังต่อไปนี้
- แพทย์จะ X-Ray ดูโครงสร้างกระดูกใบหน้า และกำหนดบริเวณที่จะต้องทำการผ่าตัดกรอโหนกคิ้ว
- แพทย์วางยาสลบผู้รับบริการก่อนผ่าตัด
- แพทย์ลงมือเปิดแผลบริเวณหน้าผากเป็นแนวยาวชิดแนวไรผม
- ใช้เครื่องมือพิเศษทางการแพทย์กรอกระดูกโหนกคิ้วให้มีความโค้งมนตามที่ได้ออกแบบไว้
- เย็บปิดแผลตามแนวไรผม
- ใช้ผ้าพันยึดแผลรอบศีรษะ
- หลังการผ่าตัดผู้รับบริการจะอยู่พักฟื้น เพื่อสังเกตอาการและบาดแผลประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็สามารถกลับบ้านได้
การดูแลตัวเองหลังกรอโหนกคิ้ว
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกรอโหนกคิ้วอย่างถูกวิธี จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อน บรรเทาผลข้างเคียง และมีส่วนช่วยให้การกรอโหนกคิ้วประสบความสำเร็จได้มากขึ้นด้วย โดยการดูแลตัวเองที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ อาจมีดังต่อไปนี้
- ประคบความเย็นภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด และประคบเย็นต่อในช่วง 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม จากนั้นในวันที่ 4 เปลี่ยนเป็นประคบอุ่น เพื่อลดรอยเขียวช้ำที่อาจจะเกิดขึ้น
- ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำประมาณ 3-5 วัน หลังผ่าตัด และหากแผลเปียกให้ใช้ผ้าสะอาดซับบริเวณแผลให้แห้งทุกครั้ง
- นอนให้ศีรษะสูงกว่าร่างกายประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวมที่ใบหน้าและรอบดวงตา
- รับประทานยาแก้ปวด ตามคำแนะนำของแพทย์
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลังการผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการถู เกา แกะ หรือการสัมผัสรุนแรงบริเวณแผลที่ผ่าตัด
- งดการออกกำลังกายอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- งดกิจกรรมที่อาจจะเกิดการกระทบกระเทือนบาดแผล เช่น งานบ้าน การอบไอน้ำ การใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ หลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน
- งดรับประทานอาหารดิบ อาหารหมักดอง และอาหารทะเล หลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน เพราะมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้
- สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หลังผ่าตัดไปแล้วประมาณ 3 วัน
- พบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันที ก่อนเวลานัดได้
ผลข้างเคียงหลังกรอโหนกคิ้ว
โดยทั่วไปแล้ว หลังจากกรอโหนกคิ้วเสร็จอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ตามปกติ ซึ่งอาการของผู้รับบริการจะแตกต่างกันไป โดยอาการที่อาจพบได้ มีดังนี้
- มีอาการตึงและชาบริเวณคิ้วและหน้าผาก ซึ่งอาการนี้จะหายไปเองประมาณ 1-6 เดือน
- มีอาการบวม ช้ำ หรือเลือดคั่งที่ใบหน้า ซึ่งอาการนี้จะหายไปเองประมาณ 1-3 สัปดาห์
- อาจมีเลือด หรือก้อนเลือด ออกมาจากแผลที่ผ่าตัด
- มีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังกรอโหนกคิ้ว
การกรอโหนกคิ้วมีความปลอดภัยสูง ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้นมีน้อยมาก ซึ่งอาการที่อาจพบได้มีดังต่อไปนี้
- มีเลือดออกมากผิดปกติ
- เกิดการติดเชื้อ
- มีอาการแพ้ยาชา หรือยาสลบที่ใช้
- มีรอยแผลเป็นบริเวณขอบไรผม
- หน้าผากซ้ายขวาไม่เท่ากัน
การกรอโหนกคิ้วสามารถช่วยลดความคมชัดของโหนกคิ้วและยังเสริมความมั่นใจกับเราได้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดโอกาสเสี่ยงโดยการเลือกกรอโหนกคิ้วกับโรงพยาบาลหรือสถานสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐานเท่านั้น