belt lipectomy

ตัดหนังหน้าท้อง กำจัดปัญหาความหย่อนยานจากไขมันส่วนเกิน

ถึงแม้คุณจะมีรูปร่างผอมหรือสมส่วนอย่างไร แต่หากมีผิวหน้าท้องที่หย่อนหรือห้อยออกมา ก็อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้เสียความมั่นใจเวลาสวมใส่เสื้อผ้าเปิดเผยหน้าท้องได้ หลายคนพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อยกกระชับผิวหน้าท้องให้ลดความหย่อนคล้อยลง แต่ก็ยังไม่เห็นผลได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้ และใช้เวลานานกว่าจะได้สัดส่วนอย่างที่ต้องการ

ทาง HDmall.co.th ขอเสนออีกหนึ่งทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาความหย่อนยานของผิวบริเวณหน้าท้องโดยเฉพาะ ด้วยการ “ศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง” เพื่อตัดพื้นที่ผิวหน้าท้องส่วนที่หย่อนยานออกไป และคืนความกระชับของผิวแผ่นท้องของคุณให้กลับมาอีกครั้ง

ตัดหนังหน้าท้องคืออะไร?

การตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck) คือ การผ่าตัดศัลยกรรมบริเวณหน้าท้อง เพื่อปรับความหย่อนคล้อยหรือความไม่กระชับของผิวหนังหน้าท้องให้กลับมาตึงเรียบอีกครั้ง

ประโยชน์ของการตัดหนังหน้าท้อง

ประโยชน์ของการตัดหนังหน้าท้อง มีด้วยกันหลากหลายข้อ ดังนี้

  • ขจัดปัญหาหน้าท้องที่หย่อนห้อย หรือเนื้อผิวหน้าท้องดูเหลวไม่กระชับ
  • ทำให้แผ่นท้องดูแบนราบ ไม่เป็นคลื่นหรือเป็นชั้น
  • ทำให้ช่วงเอวดูกระชับ หรือคอดเล็กเป็นตัว S มากขึ้น
  • ช่วยเสริมมิติของร่อง 11 หรือรอยกล้ามหน้าท้องของผู้หญิงให้ดูชัด ทำให้ดูเป็นคนหุ่นสุขภาพดียิ่งขึ้น
  • เสริมความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า เวลาใส่ชุดว่ายน้ำ เสื้อครอป หรือเสื้อเอวลอยก็สามารถเปิดหน้าท้องได้โดยไม่ต้องกลัวคนอื่นเห็นความหย่อนยาน
  • ทำให้สรีระดูสวยงามขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ต่างจากวิธีการออกกำลังกายที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน หากคุณสนใจตัดหนังหน้าท้องก็ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดเฉพาะตัวคุณ

ตัดหนังหน้าท้องมีกี่แบบ?

ปัจจุบันมีเทคนิคการตัดหน้าท้องหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ลักษณะผิวหน้าท้องที่มีระดับความหย่อนคล้อยไม่เท่ากัน โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 เทคนิคใหญ่ๆ ที่นิยมทำกัน ได้แก่

1. ตัดหนังหน้าท้องเทคนิค Mini Tummy Tuck

เป็นเทคนิคตัดหนังหน้าท้องแค่ส่วนชั้นไขมันบริเวณผิวใต้สะดือเท่านั้น และไม่มีการย้ายตำแหน่งสะดือเหมือนกับเทคนิค Full Tummy Tuck เหมาะกับผู้ที่มีระดับความหย่อนคล้อยของหนังหน้าท้องเพียงเล็กน้อย หรือมีปัญหาหน้าท้องห้อยแค่ส่วนใต้สะดือเท่านั้น

2. ตัดหนังหน้าท้องเทคนิค Full Tummy Tuck

เป็นการตัดหนังหน้าท้องทั้งส่วนเหนือสะดือและใต้สะดือออกทั้งหมด เรียกกันได้อีกชื่อว่า “เทคนิคย้ายสะดือ” เนื่องจากเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่แพทย์ต้องเจาะย้ายตำแหน่งสะดือไปไว้ที่ตำแหน่งใหม่ด้วย เพื่อความแนบเนียนของผิวหนังหน้าท้องหลังผ่าตัด

การตัดหนังหน้าท้องเทคนิค Full Tummy Tuck เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหน้าท้องหย่อนคล้อยในระดับค่อนข้างมาก เช่น

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมที่หน้าท้องในปริมาณมาก หรือมีปัญหาพุงสามชั้นแม้รูปร่างจะสมส่วน
  • ผู้ที่มีผิวหน้าท้องย้วยห้อยทั้งหมดตั้งแต่ส่วนเหนือสะดือขึ้นไปจนถึงใต้สะดือ
  • คุณแม่หลังคลอดที่พบเจอปัญหาหน้าท้องย้วยในระดับรุนแรง
  • ผู้ที่เคยน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนมาก และลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจนสัดส่วนเล็กลง แต่ผิวหน้าท้องกลับหย่อนคล้อยหรือย้วยเป็นคลื่นอย่างรุนแรง

3. ตัดหนังหน้าท้องเทคนิค Belt Lipectomy

Belt Lipectomy เป็นอีกเทคนิคการศัลยกรรมตกแต่งหนังหน้าท้องที่คล้ายคลึงกับการตัดหนังหน้าท้องแบบ Tummy Tuck แต่จะแตกต่างในส่วนของบริเวณที่ผ่าตัดซึ่งกว้างกว่า โดย Belt Lipectomy จะเป็นการตัดหนังหน้าท้องแบบ “รอบลำตัว” และมีการย้ายตำแหน่งสะดือร่วมด้วย

ตำแหน่งที่จะมีการปรับความหย่อนคล้อยของผิวในเทคนิค Belt Lipectomy จะเป็นบริเวณหน้าท้องส่วนล่างทั้งหมดและโดยรอบ ได้แก่

  • ผิวหน้าท้องส่วนใต้สะดือ
  • ผิวส่วนเอวใกล้กับสะโพกทั้ง 2 ข้าง
  • ผิวตรงตำแหน่งกระเบนเหน็บ

Belt Lipectomy เหมาะกับผู้เข้ารับบริการที่มีไขมันสะสมตรงส่วนลำตัวทั้งหมดและในปริมาณมาก ไม่ใช่แค่ส่วนของหนังหน้าท้องเท่านั้น และต้องการจะผ่าตัดนำไขมันส่วนเกินออกทั้งหมด โดยไม่ทิ้งบริเวณไหนให้ยังมีผิวหย่อนคล้อยเลย

ตัดหนังหน้าท้องเหมาะกับใคร?

ผู้ที่อาจเหมาะกับการศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง อาจมีดังนี้

  • คุณแม่หลังคลอดที่ผิวหน้าท้องหย่อนยานลงหลังจากคลอดบุตร
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักจนรูปร่างกลับมาผอมหรือสมส่วนอีกครั้ง และเผชิญกับปัญหาผิวหนังท้องหย่อนคล้อยจากปริมาณไขมันที่หายไปจากร่างกาย
  • ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากกว่าส่วนอื่นๆ
  • ผู้ที่อยากมีหน้าท้องแบนราบภายในเวลาอันรวดเร็ว

ทั้งนี้ แม้คุณจะเข้าข่ายข้อดังกล่าว ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจตัดหนังหน้าท้อง เพราะบางคนอาจมีข้อจำกัดด้านสุขภาพบางอย่าง หรือแพทย์อาจมีข้อแนะนำอื่นๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด

ตัดหนังหน้าท้องไม่เหมาะกับใคร?

แม้การตัดหนังหน้าท้องจะเป็นการศัลยกรรมที่มีให้บริการกันแพร่หลาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะจะทำ ต่อไปนี้เป็นเงื่อนไขของผู้ที่อาจไม่เหมาะกับการตัดหนังหน้าท้อง

  • ผู้ที่มีผิวหนังหน้าท้องหย่อนยานเพียงเล็กน้อย แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีดูดไขมันหรือออกกำลังกายด้วยการเวทเทรนนิ่งแทน
  • ผู้ที่มีแผนการจะมีบุตรอีกครั้งในอนาคต เนื่องจากหากตัดหน้าท้องไปแล้วและเกิดการตั้งครรภ์อีก โอกาสที่หนังหน้าท้องจะหย่อนยานก็อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้ง
  • ผู้ที่สูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับผิวหนัง ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนรับบริการ

ตัดหนังหน้าท้องอันตรายไหม?

การผ่าตัดหนังหน้าท้องอาจสร้างอันตรายต่อสุขภาพได้ หากผู้กระทำการผ่าตัดไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการตัดหนังหน้าท้องมาก่อน รวมถึงไม่ได้มีการใช้เทคนิคและเครื่องมือการผ่าตัดที่ได้รับการยอมรับหรือดูแลให้ถูกสุขอนามัยต่อผู้เข้ารับบริการ

ผู้ที่สนใจตัดหนังหน้าท้องทุกท่านควรเข้ารับบริการในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐานเท่านั้น ควรศึกษารีวิว และตรวจเช็กประวัติแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดให้แน่ใจถึงความปลอดภัยเสียก่อนตัดสินใจ

การเตรียมตัวก่อนตัดหนังหน้าท้อง

การเตรียมตัวก่อนตัดหนังหน้าท้องถือเป็นช่วงที่สำคัญมาก เพราะขึ้นชื่อว่าการผ่าตัด ย่อมมีโอกาสเกิดอันตรายขึ้นได้ การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ลงได้มาก โดยการเตรียมตัวหลักๆ ที่แพทย์อาจแนะนำ มีดังนี้

  • แจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ประวัติโรคประจำตัว ยาประจำตัว วิตามินเสริม อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพทุกชนิดล่วงหน้า เนื่องจากอาจต้องงดยาบางประเภทก่อนรับบริการ เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) ยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาคลายกล้ามเนื้อ วิตามินบำรุง
  • หากเคยผ่านการทำศัลยกรรมหรือการทำหัตถการเพื่อความงามใดๆ มาก่อน ให้แจ้งแพทย์ล่วงหน้าด้วย
  • งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  • ต้องงดน้ำและงดอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
  • ในผู้เข้ารับบริการที่เป็นผู้หญิง ให้เลือกวันรับบริการในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน หากช่วงใกล้รับบริการมีประจำเดือนมา ให้เลื่อนการผ่าตัดออกไปก่อนจนกว่าประจำเดือนจะหมด
  • ทำให้น้ำหนักคงที่ประมาณ 6 เดือนขึ้นไปก่อนผ่าตัด หากกำลังลดน้ำหนัก ควรเผื่อช่วงเวลาในการลดน้ำหนักให้พอใจเสียก่อน แล้วจึงค่อยนัดหมายการผ่าตัด
  • ควรลางานล่วงหน้า 3-5 วัน เพื่อเผื่อเวลาพักฟื้นและช่วงที่ต้องนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัด 1-2 วัน
  • พาญาติมาด้วย เพื่อให้ช่วยอำนวยความสะดวกในระหว่างนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล

ขั้นตอนการตัดหนังหน้าท้อง

ลำดับการตัดหนังหน้าท้องจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคการผ่าตัดที่แพทย์เลือกใช้ แต่ขั้นตอนหลักๆ อาจมีดังนี้

  1. เริ่มต้นจากแพทย์ประเมินตำแหน่ง ปริมาณไขมันส่วนเกิน และขนาดหนังหน้าท้องส่วนที่จะตัดออก หากผ่าตัดด้วยเทคนิคที่ย้ายสะดือก็จะกำหนดตำแหน่งของสะดือใหม่ร่วมด้วย
  2. เมื่อวางแผนการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แพทย์อาจให้ยาระงับความรู้สึกเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บขณะตัดหนังหน้าท้อง
  3. แพทย์กรีดเปิดแผล และเลาะพังผืดระหว่างชั้นไขมันกับชั้นกล้ามเนื้อตามตำแหน่งที่กำหนด ต่อด้วยเย็บซ่อมกล้ามเนื้อหน้าท้องเข้าหากัน และตัดชั้นผิวหนังและชั้นไขมันส่วนเกินออก พร้อมดึงชั้นผิวและชั้นไขมันส่วนที่ยังเหลืออยู่ให้กระชับ
  4. กรณีที่ต้องย้ายสะดือ ก็จะมีการเจาะรูตำแหน่งสะดือใหม่ให้สวยงาม
  5. เย็บปิดแผล

การดูแลตัวเองหลังตัดหนังหน้าท้อง

  • อย่าให้แผลโดนน้ำในช่วง 1 สัปดาห์แรก หากต้องการทำความสะอาดผิวกาย ให้ใช้วิธีเช็ดตัวแทน
  • ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรเดินก้มตัวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แผลที่หน้าท้องตึงเกินไป แต่ให้ทำร่วมกับยืดตัวขึ้นให้เต็มที่ด้วย เพื่อไม่ให้รู้สึกปวดหลังหรือปวดเอว
  • ในช่วง 3 สัปดาห์แรก ให้งดเดินเยอะ งดการยกของหนัก งดการออกกำลังกายชั่วคราว และควรงดสูบบุหรี่ งดการบริโคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้แผลฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ใส่ที่รัดหน้าท้องไว้ประมาณ 6-8 สัปดาห์
  • สามารถกินอาหารได้ตามปกติ แต่ควรเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อลดโอกาสที่ไขมันจะกลับไปสะสมที่หน้าท้องในปริมาณมากอีกครั้ง
  • หลังจากหมดช่วงพักฟื้นแผล ให้กลับไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมปริมาณไขมันและสัดส่วนให้ยังคงเหมือนเดิม
  • กลับมาตัดไหมหรือเช็กความเรียบร้อยของแผลตามที่แพทย์นัดเสมอ

ผลข้างเคียงจากการตัดหนังหน้าท้อง

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังจากตัดหนังหน้าท้อง อาจมีดังนี้

  • อาจรู้สึกเวียนหัว ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้จากยาสลบที่ได้รับก่อนผ่าตัดได้บ้าง
  • อาจรู้สึกเจ็บระบมแผล
  • แผลอาจบวมแดง

แต่อาการเหล่านี้จะบรรเทาลง เนื่องจากแพทย์จะมีการสั่งจ่ายยาบรรเทาอาการให้หลังผ่าตัดอยู่แล้ว

ความเสี่ยงจากการตัดหนังหน้าท้อง

หากรับบริการกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญในการออกแบบสรีระร่างกายด้วยการตัดหนังหน้าท้อง สัดส่วนรูปร่างของผู้เข้ารับบริการหลังผ่าตัดก็อาจดูแปลกไปจากเดิมได้ และอาจดูไม่สมส่วนกับโครงสร้างร่างกายโดยพื้นฐาน

การอ่านรีวิวและศึกษาข้อมูลความชำนาญของสถานพยาบาลที่ไปรับการผ่าตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้หากผู้เข้ารับบริการไม่คุมอาหาร ไม่ออกกำลังกาย หรือรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมในระยะยาว ความหย่อนยานของหนังหน้าท้องจากไขมันส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นก็อาจกลับมาอีกครั้ง และทำให้ผลลัพธ์จากการผ่าตัดซึ่งเป็นหน้าท้องที่แบนราบหายไปได้อีกในภายหลัง

ดังนั้นการตัดหนังหน้าท้องจึงยังไม่ใช่แนวทางที่สามารถจบปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยได้ตลอดไป แต่ผู้เข้ารับบริการยังต้องมีการดูแลปริมาณไขมันที่เข้าออกร่างกายอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วย เพื่อให้ชั้นไขมันที่ได้รับการแก้ไขให้ลดลงไปแล้วไม่กลับมาเพิ่มขึ้นจนเสริมความหนาของหน้าท้องให้กลับมายานเป็นชั้นอีกครั้ง

Scroll to Top