รู้ไหม? โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก โดยแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุนี้กว่า 20 ล้านคน เฉพาะในประเทศไทยมีมากถึง 7 หมื่นคน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน โดย 80% ของการเสียชีวิต สามารถป้องกันได้* (ข้อมูลจาก WHO และ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ปี 2565)
แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ โรคนี้มักไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า หลายคนดูแข็งแรง สุขภาพดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่กลับมีภาวะหลอดเลือดตีบ หรืออักเสบโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเกิดอาการเฉียบพลัน เช่น เจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก หรือหัวใจวาย
หลายคนเข้าใจว่า สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ เกิดจากระดับไขมันในเลือด หรือคอเลสเตอรอลเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วย หนึ่งในนั้นคือค่า TMAO
การตรวจ TMAO จึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมการตรวจสุขภาพเชิงลึก ที่ช่วยประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นจริง
การตรวจ TMAO คืออะไร สำคัญไหม วิธีการตรวจเป็นอย่างไร ใครควรตรวจบ้าง ค่าปกติ และผิดปกติอยู่ที่ระดับเท่าไร รวมทั้งวิธีการดูแลตัวเองให้ TMAO อยู่ในระดับที่เหมาะสม บทความนี้รวมข้อมูลที่ครบที่สุดเอาไว้แล้ว
สารบัญ
TMAO คืออะไร?
TMAO (Trimethylamine N-oxide) คือ สารเมตาบอไลต์ (Metabolite)* ชนิดหนึ่งที่พบในเลือด ซึ่งเกิดจากที่แบคทีเรียในลำไส้ ย่อยสารอาหารประเภทโคลีน (Choline) แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) และเบตาอีน (Betaine) ซึ่งพบมากในอาหารประเภท ไข่แดง เนื้อแดง ตับ ผลิตภัณฑ์จากนม ชีส โยเกิร์ต ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ธัญพืช กุ้ง หอย ปลาหมึก ฯลฯ
ทั้งนี้แบคทีเรียในลำไส้ จะทำงานร่วมกับตับ ในการแปลงสารอาหารเป็น TMAO และปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด โดยงานวิจัยชี้ว่าระดับ TMAO ในเลือด มีความสัมพันธ์กับการเกิดหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) และ ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดบางรูปแบบ
*สารเมตาบอไลต์ คือ สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นจากกระบวนการเผาผลาญ (Metabolism) ตั้งแต่การย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร หรือเปลี่ยนพลังงานในร่างกาย แต่ละวันร่างกายจะสร้างสารเมตาบอไลต์ขึ้นมาหลายร้อยชนิด โดยที่รู้จักกันดี เช่น
- กลูโคส (Glucose) เป็น เมตาบอไลต์จากคาร์โบไฮเดรต
- ยูเรีย (Urea) – เมตาบอไลต์จากการสลายโปรตีน
- TMAO เป็น – เมตาบอไลต์ที่เกิดจากการย่อยโคลีน แอลคาร์นิทีนและเบตาอีน
TMAO เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างไร?
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าค่า TMAO นั้น สามารถบ่งชี้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดได้ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ ได้แก่
1.ค่า TMAO เพิ่มการสะสมของตะกรัน (Plaque)ในผนังหลอดเลือด
ค่า TMAO นี้ จะกระตุ้นให้เซลล์ในผนังหลอดเลือด ดูดซึมคอเลสเตอรอลมากเกินไป เมื่อคอเลสเตอรอลสะสมมาก จะเกิดเป็นคราบตะกรัน ส่งผลให้หลอดเลือดหนาและแข็งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก จนอาจเกิด ภาวะหลอดเลือดตีบตัน หรือ กรณีที่ตะกรันแตก หลุด หรือเกิดลิ่มเลือด อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันได้
2.ค่า TMAO กระตุ้นให้เกิดภาวะหลอดเลือดอักเสบ
ระดับ TMAO ที่สูง จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง สารก่อการอักเสบ (Inflammatory Cytokines) ทำให้ผนังหลอดเลือดระคายเคือง อักเสบ บวม ความยืดหยุ่นลดลง และเริ่มแข็งตัวเร็วกว่าปกติ
3.ค่า TMAO รบกวนสมดุลการทำงานของคอเลสเตอรอลดี (HDL)
โดยปกติ HDL จะช่วยขนคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) จากผนังหลอดเลือดกลับไปที่ตับ แต่ TMAO จะไปลดประสิทธิภาพของ HDL ทำให้การขนคอเลสเตอรอลออกลดลง คอเลสเตอรอลจึงคงค้างอยู่ในผนังหลอดเลือดมากขึ้น จนเกิดภาวะหลอดเลือดตีบตันได้
4.ค่า TMAO เพิ่มแนวโน้มการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
TMAO เพิ่มโอกาสให้เกล็ดเลือดเกาะตัวกันง่ายขึ้น จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด ลิ่มเลือด ได้ง่ายกว่าปกติ และหากลิ่มเลือดไปอุดตันในหลอดเลือดหัวใจหรือสมอง อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายหรืออัมพาตเฉียบพลันได้
การตรวจ TMAO สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องตรวจไหม?
เนื่องจากการโรคหัวใจและหลอดเลือดส่วนใหญ่ มักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ซึ่งเป็นอาการที่ร้ายแรง และต้องรีบรักษาโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ดังนั้นการตรวจ TMAO เป็นเหมือน การเช็กสัญญาณเตือนล่วงหน้า ว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือวางแผนป้องกันร่วมกับแพทย์ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ใครควรตรวจ TMAO บ้าง?
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัว เป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือด รวมทั้งไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือด คอลเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์สูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือเคยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ป่วยโรคไตหรือค่าการกรองไต (eGFR) ต่ำ เพราะ TMAO ขับออกทางไต หากไตทำงานผิดปกติอาจส่งผลต่อค่า TMAO ได้
- ผู้ที่รับประทานอาหาร หรือ อาหารเสริม ที่มีสารประเภทโคลีน (Choline) แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) และเบตาอีน (Betaine) สูง
- ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย เครียด พักผ่อนน้อย
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์
- ผู้ที่เน้นการรับประทานอาหารจำพวกโปรตีนสูง เนื้อแดง ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนมเป็นประจำ รวมทั้งผู้ที่รับประทานคีโต (Ketogenic Diet) หรือ Carnivore Diet
- ผู้ที่ต้องการ ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Health Checkup)
วิธีการตรวจ TMAO มีขั้นตอนอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
การตรวจ TMAO ไม่ยุ่งยากซับซ้อน โดยจะใช้วิธีเก็บตัวอย่างด้วยการเจาะเลือด แล้วส่งเข้าห้องปฎิบัติการ จากนั้นส่งให้แพทย์อ่านผลเพื่อประเมินความเสี่ยง โดยผู้เข้ารับการตรวจควรเตรียมตัวดังนี้
- งดอาหารประมาณ 10–12 ชั่วโมง
- ควรงดอาหารทะเล หรืออาหารเสริมทุกชนิด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน
- บางรายแพทย์อาจแนะนำให้งดใช้ยาปฏิชีวนะก่อนตรวจด้วย
ค่า TMAO เท่าไหร่ ถือว่าปกติ หรือผิดปกติ?
ค่า TMAO อาจแตกต่างกันไป ตามแต่ละสถานพยาบาล โดยมีค่าประมาณเบื้องต้น ดังนี้
ระดับ TMAO | ความเสี่ยง |
ต่ำกว่า 6 µmol/L | อยู่ในเกณฑ์ปกติ |
6-10 µmol/L | ความเสี่ยงปานกลาง ควรเฝ้าระวัง |
สูงกว่า 10 µmol/L ขึ้นไป | ความเสี่ยงสูง ควรปรึกษาแพทย์ |
ทั้งนี้งานวิจัยพบว่า ผู้ที่มีระดับ TMAO ในเลือดมากกว่า 9 µmol/L จะมีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าผู้ที่มีระดับต่ำเกือบ 2.5 เท่า แม้จะควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น คอเลสเตอรอล ความดัน และน้ำตาลในเลือดแล้วก็ตาม
ถ้าค่า TMAO สูง ต้องทำอย่างไร?
กรณีที่ตรวจแล้วพบว่าค่า TMAO สูง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือนักโภชนาการ เพื่อประเมินความเสี่ยงในภาพรวม โดยเบื้องต้นแพทย์จะแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ได้แก่
- ลดการบริโภคเนื้อแดง อาหารไขมันสูง อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบค่อน ลูกชิ้น เนื้อสัตว์ติดมัน ฯลฯ
- รับประทานโปรตีนทางเลือก เช่น เนื้อปลา เต้าหู้ หรือถั่ว ทดแทนเนื้อแดง
- รับประทานผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ที่มีใยอาหารสูงเพิ่มเติม เพื่อปรับสมดุลลำไส้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์
- นอนหลับให้เพียงพอ ลดความเครียด เพื่อฟื้นฟูสมดุลในลำไส้
- ในบางรายอาจพิจารณาการดูแลสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เพิ่มเติม และหากสูงมากอาจใช้ยาอื่นๆ ร่วมด้วย
- ตรวจติดตามผลหลังการปรับพฤติกรรมทุกๆ 3-6 เดือน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจ TMAO
1. ตรวจ TMAO ต่างจากการตรวจไขมันคอเลสเตอรอลทั่วไปอย่างไร?
ตอบ: การตรวจคอเลสเตอรอล เป็นการตรวจระดับไขมันในเลือดโดยตรง ขณะที่การตรวจ TMAO เป็นตัวชี้วัดเชิงลึก ของกระบวนการทำงานของร่างกาย ระหว่าง อาหาร แบคทีเรียในลำไส้ และการเผาผลาญ ว่ามีความสมดุลหรือไม่ ซึ่งช่วยระบุความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือดได้แม่นยำยิ่งขึ้น
2. ควรตรวจ TMAO บ่อยแค่ไหน?
ตอบ: สำหรับคนทั่วไป แนะนำตรวจปีละ 1 ครั้ง แต่ถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ แนะนำให้ตรวจ ทุก 6 เดือน – 1 ปี
3.ค่า TMAO ที่ผิดปกติ สูง หรือ ต่ำ เกิดจากอะไร?
ตอบ: ค่า TMAO ที่ผิดปกติ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่า TMAO สูงนั้น มาจากการบริโภคอาหารที่มีปริมาณสารอาหารประเภทโคลีน (Choline) แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) และเบตาอีน (Betaine) ซึ่งพบมากในอาหารประเภท ไข่แดง เนื้อแดง ตับ ผลิตภัณฑ์จากนม ชีส โยเกิร์ต ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ธัญพืช กุ้ง หอย ปลาหมึก ฯลฯ
ในกรณีที่ระดับ TMAO ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน อาจมีความสัมพันธ์กับโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด (Inflammatory Bowel Disease, IBD) ได้
4. ค่า TMAO บอกความเสี่ยงโรคอะไรได้บ้าง?
ตอบ: ค่า TMAO ที่ผิดปกติ สามารถบ่งชี้ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคอื่นๆ ด้วย เช่น
- โรคหัวใจขาดเลือด (Coronary Artery Disease)
- ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis)
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
- โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease)
- โรคอ้วน เบาหวาน และกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome)
- โรคสมองเสื่อม หรือ โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
5. ตรวจ TMAO แล้วใช้สิทธิประกันได้ไหม?
ตอบ: การใช้สิทธิประกันในการตรวจ TMAO นั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน บางแผนคุ้มครองเฉพาะการตรวจพื้นฐาน บางแผนอาจคุ้มครองการตรวจเชิงลึกด้วย สามารถสอบถามเพิ่มเติมจากบริษัทประกันโดยตรง
6 .ตรวจ TMAO ราคา เท่าไหร่?
ตอบ: โดยทั่วไปค่าตรวจ TMAO จะอยู่ที่ประมาณ 6,900 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และค่าบริการของสถานพยาบาลนั้นๆ
สอบถามแพ็กเกจตรวจ TMAO เชิงลึก ค้นหาสัญญาณเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด รู้ก่อนสาย ป้องกันได้ง่ายๆ แค่ตรวจเลือด! คลิก
เจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปวดร้าวไปที่กราม คอ แขน หรือไหล่ ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หรือมีภาวะหัวใจวายฉับพลัน สัญญาณอันตรายของโรคร้าย อย่ารอให้เกิดอาการ จนสายเกินแก้ ตรวจ TMAO เพื่อเช็กสัญญาณความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดตั้งแต่เนิ่นๆ รู้ก่อน ป้องกันได้ วางแผนการรักษาได้ทัน เพื่อสุขภาพหัวใจที่ดีและแข็งแรง