the hemoptysis

กินเหล้า หรือเจอฝุ่นแล้ว ไอเป็นเลือด อันตรายหรือไม่

อาการไอเป็นเลือด ไม่ว่าจะมีเลือดออกมากหรือน้อยก็ตาม ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจและน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาการนี้มักมีสาเหตุมาจากโรคใดโรคหนึ่งที่อันตรายต่อร่างกาย ซึ่งเลือดดังกล่าวอาจมาจากจมูก ลำคอ ทางเดินหายใจส่วนบนหรือปอดก็ได้ ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับปริมาณของเลือดที่ปนออกมา และระยะเวลาที่มีอาการไอเป็นเลือด

มีคำถามเกี่ยวกับ ไอเป็นเลือด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

สิ่งที่สามารถสังเกตด้วยตัวเองได้ คือถ้าเลือดที่ออกมาพร้อมกับการไอมีฟองปนอยู่ด้วย มักจะเป็นเลือดที่ออกมาจากปอด เพราะเลือดถูกผสมกับอากาศและเมือกในปอด ส่วนเลือดที่ออกจากช่องปากในกรณีที่มีบาดแผล จะมีลักษณะไม่เหมือนกับเลือดที่ออกมาพร้อมการไอ

สาเหตุของอาการไอเป็นเลือด

อาการไอเป็นเลือด อาจเกิดจากปัญหาของร่างกายได้หลายระดับ ตั้งแต่การระคายเคืองที่ลำคอ อาการที่อันตรายบางอย่าง จนถึงโรคมะเร็งปอด แต่สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากโรคหรือความผิดปกติที่ไม่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เป็นต้น

ส่วนสาเหตุที่มีความรุนแรงอันตรายจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ได้แก่

  • วัณโรค (Tuberculosis)
  • โรคหลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis)
  • โรคมะเร็งปอด (Lung Cancer)
  • โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
  • โรคปอดบวม (Pneumonia)

มีบางสาเหตุที่จัดเป็นภาวะรุนแรง มีความอันตรายสูง และต้องได้รับการรักษาทันที เช่น

มีคำถามเกี่ยวกับ ไอเป็นเลือด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • การได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก เช่น อุบัติเหตุ
  • การสูดดมอนุภาคสิ่งแปลกปลอม เช่น PM 2.5
  • การบาดเจ็บของหลอดเลือดแดงในปอด
  • โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis)
  • ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร ซึ่งเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

การตรวจทางการแพทย์และกระบวนการบางอย่าง ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงที่นำไปสู่การไอเป็นเลือดได้ชั่วคราว เช่น

  • การส่องกล้องตรวจหลอดลม (Bronchoscopy)
  • การตรวจวัดสมรรถภาพปอด (Spirometry)
  • การส่องกล้องตรวจกล่องเสียง (Laryngoscopy)
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล
  • การผ่าตัดเสริมจมูก
  • การตัดตรวจชิ้นเนื้อในทางเดินหายใจส่วนบน

เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์

ทันทีที่พบอาการไอเป็นเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณของโรคระบบทางเดินหายใจร้ายแรง และควรรีบไปที่ห้องฉุกเฉินทันที หากพบอาการเหล่านี้ร่วมอยู่ด้วย

  • เริ่มไอเป็นเลือดหลังจากการหกล้ม ตกจากที่สูง หรือได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก
  • ไอเป็นเลือดออกมาเกินกว่า 2-3 ช้อนชา
  • ไอเป็นเลือด ร่วมกับพบเลือดในปัสสาวะ หรืออุจจาระ
  • มีอาการเจ็บหน้าอก เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหายใจลำบากร่วมด้วย

การรักษาอาการไอเป็นเลือด

การไอเป็นเลือดสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการเอ็กซเรย์ทรวงอกเป็นอันดับแรก และจะทำการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้

  • การส่องกล้องตรวจหลอดลม (Bronchoscopy)
  • การเจาะตรวจนับจำนวนเม็ดเลือด และตรวจการแข็งตัวของเลือด
  • การตัดตรวจชิ้นเนื้อปอด
  • การตรวจการไหลของปอด (Lung VQ Scan)
  • การตรวจการไหลเวียนเลือดในปอด (Pulmonary Angiography)
  • การเพาะเชื้อจากเสมหะ (Sputum Culture)
  • การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximetry)

หากสาเหตุเกิดจากการระคายเคืองคอทั่วไปเนื่องจากการไอ แพทย์ก็อาจจ่ายยาแก้ไอ หรือยาอมที่ทำให้ชุ่มคอ แต่ถ้าหากมีเลือดออกรุนแรง ทั้งที่รักษาโรคต้นเหตุแล้วแต่ยังไม่หาย แพทย์อาจจะต้องทำการผ่าตัดเล็กเพื่อหยุดเลือด เป็นต้น

วิธีป้องกันอาการไอเป็นเลือด

วิธีการป้องกันการไอเป็นเลือดที่ดีที่สุด คือ การดูแลตัวเอง และหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลง สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในที่มีฝุ่น ควัน หรือสารเคมี เป็นต้น ช่วยลดอันตรายจากการไอเป็นเลือดไปได้มาก หากมีอาการไอเป็นเลือดควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและแนะนำการรักษาอย่างถูกวิธี

มีคำถามเกี่ยวกับ ไอเป็นเลือด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ