โพรโลเทอราพี (Prolotherapy) เป็นหนึ่งในการแพทย์ทางเลือกที่นำมาใช้รักษาอาการปวดของข้อต่อและเอ็นยึดข้อที่มีประสิทธิภาพ นิยมนำมาใช้รักษาในผู้ที่มีปัญหาเข้าเข่าเสื่อม นักกีฬาที่ได้รับการบาดเจ็บ และผู้สูงอายุที่ไม่สามารถผ่าตัดข้อเข่าได้ เพราะปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังมีจุดเด่นสำคัญที่ราคาไม่แพงอีกด้วย ประชาชนทั่วไปจึงเข้าถึงได้ง่าย
สารบัญ
- กลไกการรักษาของโพรโลเทอราพี
- โพรโลเทอราพี รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
- ขั้นตอนในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพี เป็นอย่างไร?
- การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพีจะต้องเข้ารับการรักษากี่ครั้ง และเมื่อไรถึงจะเห็นผล?
- การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพี มีข้อดีอย่างไร?
- ผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
- การดูแลตัวเองก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
- การดูแลตัวเองหลังการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
- การรักษาด้วยโพรโลเทอราพี ราคาเท่าไร?
กลไกการรักษาของโพรโลเทอราพี
โพรโลเทอราพี เป็นหนึ่งในวิธีรักษาการแพทย์ทางเลือกที่มีใช้กันมานานในการรักษาเส้นเอ็น ข้อต่อ กระดูกเสื่อม โดยไม่ต้องผ่าตัด
การรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี คือ การฉีดสารละลายเข้มข้นชนิดต่างๆ เช่น
- ไฮเปอร์ออสโมล่ากลูโคส (Hyperosmolar glucose)
- สารฟีนอลกลีเซอรีนกลูโคส (Phenol glycerine glucose)
- สารละลายเกลือมอร์รูเอทโซเดียม (Morrhuate sodium)
สารละลายเข้มข้นเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองเนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลัน (Acute Inflammation) ตามมา
การอักเสบเฉียบพลันนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มขบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ (Healing Process) ในระหว่างนั้นจะทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง และร้อน แต่จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์
โพรโลเทอราพี รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพี แพทย์จะฉีดสารละลายเข้มข้น เช่น กลูโคส เข้าไปภายในข้อ และตามจุดติดของเส้นเอ็นต่างๆ รอบข้อเข่าด้านขวา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเฉียบพลัน
การอักเสบจะทำให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งจำเป็นต้องใช้สารอาหารต่างๆ ในการซ่อมแซม ซึ่งแพทย์จะใช้โภชนบำบัดในการรักษาร่วมด้วย เช่น การเสริมวิตามินซี คอลลาเจน วิตามินและเกลือแร่รวม หรือกลูโคซามีน เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารเพียงพอในการรักษานั่นเอง
ขั้นตอนในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพี เป็นอย่างไร?
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพี มีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์ทำการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) และเอกซเรย์ (X-rays) เพื่อประเมินอาการ
- ก่อนทำหัตถการ แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีดด้วยแอลกอฮอล์ และทายาชา (Lidocaine) เพื่อลดอาการปวดระหว่างที่ทำการรักษา
- แพทย์ทำการฉีดสารละลายเข้มข้น ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เลย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังจากนั้นแพทย์จะนัดติดตามอาการและฉีดสารกระตุ้นทุกทุก 2 สัปดาห์
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพีจะต้องเข้ารับการรักษากี่ครั้ง และเมื่อไรถึงจะเห็นผล?
จำนวนครั้งในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพีจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการข้อเข่าเสื่อมของแต่ละคน เช่น ในผู้ป่วยที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมในระดับปานกลาง แพทย์อาจนัดฉีดกระตุ้นทุกๆ 2 สัปดาห์เป็นเวลา 3 เดือน
ผู้เข้ารับการรักษาจะมีอาการปวดระบม 2-3 วันจากการเกิดกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์หลังฉีด อาการปวดข้อเข่าต่างๆ จะลดลง สภาพเข่าแน่นและแข็งแรงขึ้น รวมไปการเคลื่อนไหวของข้อเข่าก็ดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพีจะต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยส่วนมากจะใช้เวลาในการรักษาเริ่มตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพี มีข้อดีอย่างไร?
เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ เช่น การรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ การฉีดสเตียรอยด์แล้ว การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีโพรโลเทอราพีมีข้อดีคือไม่ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายมากนัก เช่น
- การระคายเคืองของระบบทางเดินอาหาร
- ผลเสียต่อสุขภาพไตในระยะยาว
- ภาวะเอ็นเปื่อยยุ่ย
- กระดูกผิวข้อกร่อนจากสารสเตียรอยด์
นอกจากนี้โพรโลเทอราพียังเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านข้อเข่าเสื่อมรุนแรง แต่ไม่สามารถรับภาระจากการผ่าตัดได้ เพราะเป็นการรักษาที่ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
ผู้มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมจากการติดเชื้อ มีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำการฉีด การอักเสบจากภาวะภูมิต้านทานตนเอง หรือข้ออักเสบจากโรคเกาต์ มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด ไม่ควรใช้เลือกใช้วิธีโพรโลเทอราพีรักษา
เนื่องจากจะกระตุ้นให้การอักเสบรุนแรงขึ้นได้ หรืออาจเกิดเลือดออกไม่หยุดหรือหยุดยากจากการฉีดได้
อย่างไรก็ตาม การแพทย์ทางเลือกในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมยังมีอีกหลายวิธี เช่น การฉีดน้ำไขข้อเทียม การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือที่เรียกว่า การฉีดพีอาร์พี (Platelet Rich Plasma: PRP) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมินให้เหมาะกับอาการของแต่ละคน และเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมให้
การดูแลตัวเองก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
ก่อนเข้ารับการรักษา ควรหยุดรับประทานยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal antiinflammatory drugs: NSAIDs) อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
การรับประทานยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ยาแก้ปวดข้อ หรือยาแก้ข้ออักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) แอสไพริน (Aspirin) หรือ นาโพรเซน (Naproxen) ฤทธิ์ยาจะเข้าไปยับยั้งการอักเสบซึ่งขัดต่อการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะวิตามินซีและโปรตีน เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารที่ใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่ออย่างเพียงพอ
การดูแลตัวเองหลังการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
หลังจากเข้ารับการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี หรือหลังจากฉีดสารกระตุ้นการอักเสบภายใน 48-72 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการรักษาจะมีอาการปวดระบมจากการเกิดกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานยาแก้ปวดอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พาราเซตามอล (Paracetamol)” ขนาด 500 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อบรรเทาอาการปวดได้โดยที่ไม่ต้องรับประทานยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
การรักษาด้วยโพรโลเทอราพี ราคาเท่าไร?
การรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี หรือการฉีดสารละลายเข้มข้น ราคาเริ่มต้นที่ครั้งละ 1,000 บาท
โพรโลเทอราพี เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาข้อต่อและเอ็นยึดข้อที่ทำได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเท่านั้น นักกีฬาที่มีอาการบาดเจ็บ ผู้ที่ปวดข้อเท้าข้อศอก กระดูกคอหรือหมอนรองกระดูกเสื่อม ก็สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้
อย่างไรก็ตาม คุณควรเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธีโพรโลเทอราพี
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย