Default fallback image

ลูกป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ดูแลอย่างไร ไปพบแพทย์ตอนไหนดี

เด็กมักป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A (Influenza type A) กันมากในช่วงฤดูฝนและหนาวที่เวียนกลับมาทุกปี จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องคอยสังเกตและดูแลอาการของลูกน้อยอยู่เสมอ เพื่อให้หายป่วยและฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น 

มาทำความรู้จักไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A และอาการเตือนให้มากขึ้น เรียนรู้วิธีดูแลลูกเมื่อป่วย และเตรียมพร้อมป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้กัน   

ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A คืออะไร 

ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A เกิดจากการติดเชื้ออินฟลูเอนซาไวรัส (Influenza virus) ในระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน โดยติดต่อผ่านการสูดดมหรือสัมผัสเชื้อไวรัสที่มาจากการไอ จาม หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย

ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ติดต่อได้ในคน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ปีก ถือเป็นสายพันธุ์ที่อันตรายที่สุดจากทั้งหมด 4 สายพันธุ์หลัก (A, B, C และ D) ทั้งก่ออาการรุนแรง แพร่กระจายง่าย และกลายพันธุ์ได้ 

โดยแบ่งออกเป็นหลายสายพันธุ์ย่อย (Subtype) ขึ้นอยู่ประเภทโปรตีนที่ต่างกันไปของตัวไวรัส ที่พบได้บ่อยในไทย ได้แก่ H1N1 อย่างไข้หวัดสเปนหรือไข้หวัดหมู และ H3N2 อย่างไข้หวัดฮ่องกง อื่น ๆ ที่อาจเคยได้ยินชื่อมาบ้างก็เช่น H5N1 และ H7N9 ซึ่งคือไข้หวัดนกนั่นเอง  

เด็กที่ป่วยมักแสดงอาการภายใน 1-4 วัน หลังได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย โดยอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงมาก อาการสำคัญที่พบได้ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กจะมีดังนี้

อาการไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ในเด็กเล็ก

  • ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป 
  • ตัวสั่น มีเหงื่อออกมาก
  • หงุดหงิด กระสับกระส่าย ไม่สบายตัว
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอแห้ง
  • อาเจียน ท้องเสีย
  • นอนมากกว่าปกติ

อาการไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ในเด็กโต

  • ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • อ่อนเพลีย 
  • ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • คัดจมูก น้ำมูกใส
  • เจ็บคอ ไอแห้ง
  • คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย

ผู้ป่วยเด็กโดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และใช้ยาแอสไพรินเป็นเวลานาน จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง 

รวมถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ 

สัญญาณเตือนควรพาลูกไปพบแพทย์

หากผู้ปกครองสังเกตว่าอาการลูกไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ หรืออาการทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ควรรีบพาไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด รับการรักษา และหาทางรับมืออย่างถูกต้อง เช่น

  • หายใจผิดปกติ หายใจเร็ว 
  • เจ็บหน้าอก 
  • เซื่องซึม
  • ไม่ปัสสาวะเลยนานกว่า 8 ชั่วโมง
  • ปาก เล็บ หรือผิวหนังซีด
  • ทารกกระหม่อมหรือตาบุ๋ม 
  • อาเจียนตลอดเวลา
  • ชัก   

เมื่อลูกเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ดูแลอย่างไร 

เด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ที่ไม่รุนแรงมักหายได้เอง เพียงแต่พ่อแม่ควรดูแลลูกอย่างถูกวิธีควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ร่างกายเด็กฟื้นฟูเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของอาการรุนแรงให้ได้มากที่สุด

โดยการดูแลลูกเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A จะเน้นรักษาตามอาการ ดังนี้

  • รับประทานยาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ไอแห้ง ยาแก้ไอละลายเสมหะ หรือยาลดน้ำมูก แต่ควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพริน (Aspirin) เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตัวเด็ก 
  • หมั่นเช็ดตัวบ่อย ๆ เพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • ทานอาหารอ่อนและนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ล้างมือบ่อย ๆ และควรแยกสิ่งของเครื่องใช้คนละชุด
  • หากต้องพบปะผู้คนหรือออกไปข้างนอก แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย 

กรณีเด็กเสี่ยงต่ออาการรุนแรงหรือเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจแนะนำให้ทานยาต้านไวรัสโอลเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือนอนพักรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ในเด็ก

การป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดียวกับการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เพียงดูแลสุขภาพให้ดี ร่วมกับปลูกฝังให้ลูกระมัดระวังตัวเอง เพื่อลดโอกาสได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย เช่น

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนและหลังทานอาหาร หรือหลังจากออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
  • แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ช้อนส้อม แก้วน้ำ หรือผ้าเช็ดหน้า
  • สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงไข้หวัดใหญ่ระบาด อยู่ในสถานที่แออัด หรือออกไปพบปะผู้คนจำนวนมาก

อีกหนึ่งการป้องกันที่จำเป็นคือ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) เป็นประจำทุกปี เนื่องจากสายพันธุ์ในวัคซีนอาจถูกปรับเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดในช่วงปีนั้น ๆ ด้วยเหตุเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ได้  

เบื้องต้น เด็กสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป หากฉีดครั้งแรกตอนอายุต่ำกว่า 9 ปี แพทย์จะแนะนำให้ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างเข็มละ 1 เดือน จากนั้นจะฉีดวัคซีนปีละ 1 เข็ม เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ 

ไม่เพียงลูกน้อยที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่ยังรวมถึงคนในครอบครัวที่อาจแพร่เชื้อไปสู่เด็กด้วย แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ไม่ควรละเลยการป้องกันและดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงของการระบาด เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ให้ได้มากที่สุด    

อย่าปล่อยให้ลูกป่วย ทั้งที่มีโอกาสป้องกัน รีบจอง แพ็กเกจฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ใกล้บ้านให้ลูกรักก่อนสาย ที่ HDmall.co.th โปรดี ราคาคุ้มสุด! 

Scroll to Top