ถ้าพูดถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หลายคนคงนึกถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีดเป็นอย่างแรก แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากแบบฉีดที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว ปัจจุบันยังมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกที่ใช้งานง่าย สะดวก ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน
แต่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้ววัคซีนสองแบบนี้แตกต่างกันยังไง? แบบไหนที่เหมาะกับเรา? บทความนี้จะพาไปเปรียบเทียบชัดๆ ระหว่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีดกัน!
สารบัญ
วัคซีนไข้หวัดใหญ่คืออะไร?
วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและลดอาการรุนแรงถ้าเกิดป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยหลังจากได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันภายในประมาณ 2 สัปดาห์
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก VS วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีด แตกต่างกันอย่างไร?
พอพูดถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่หลายคนอาจนึกถึงการฉีดยาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน นั่นก็คือ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก”
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก (LAIV)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก หรือ Live Attenuated Influenza Vaccine (LAIV) คือ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็นแบบอ่อนฤทธิ์ ซึ่งจะใช้ในรูปแบบการพ่นเข้าไปทางจมูกเพื่อเลียนแบบการติดเชื้อโดยธรรมชาติและกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันของโรคขึ้นมา
โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกสามารถใช้ได้ในผู้ที่มีอายุ 2-49 ปี โดยจุดเด่นของวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกคือ ไม่ใช้เข็ม เหมาะกับเด็กและคนที่กลัวเข็มหรือไม่ชอบการฉีดยา ใช้งานง่าย สะดวกสบาย ไม่ต้องเจ็บตัว รวมถึงยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กและวัยรุ่นได้สูงถึง 88% และกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ 3 ทาง ได้แก่ ภูมิคุ้มกันในเยื่อบุจมูก, ภูมิคุ้มกันแบบเซลล์ และภูมิคุ้มกันในกระแสเลือด
สำหรับข้อจำกัดของวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกคือ ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กหรือวัยรุ่นที่กำลังรับประทานยาแอสไพริน และผู้ที่กำลังมีอาการหอบอย่างรุนแรง
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีด (Flu Shot / Inactivated Vaccine)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีด คือ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) โดยใช้ฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีดสามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป และเหมาะกับคนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
แต่ทั้งนี้วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีดก็มีข้อจำกัดตรงที่หลังฉีดอาจมีอาการปวด แดง หรือบวมบริเวณที่ฉีด รวมถึงอาจมีไข้ได้
ระหว่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกกับแบบฉีด เลือกใช้แบบไหนดี?
หลายคนที่ก็กำลังมองหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจจะลังเลว่า ระหว่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีดกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกจะเลือกใช้แบบไหนดี?
จริงๆ แล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั้งสองชนิดมีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่
โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีดจะเหมาะกับกลุ่มคนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่กลัวเข็มหรือไม่อยากฉีดยา โดยมีการศึกษาในกลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่มีผลการศึกษาว่า การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกมีประสิทธิภาพป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ถึง 88% และภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้ยาวนาน 12 เดือน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันตั้งแต่ที่บริเวณโพรงจมูก ซึ่งเป็นด่านแรกที่ไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
อย่างไรก็ตาม หากยังเลือกหรือตัดสินใจไม่ได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อย
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกต้องพ่นทุกปีไหม?
ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดฉีดหรือชนิดพ่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ต้องได้รับทุกปีตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก เนื่องจากเชื้อไวรัสที่บรรจุในวัคซีนมีการเปลี่ยนสายพันธุ์ไปในทุกปี